บทที่ 194 ความร้ายกาจ[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 194 ความร้ายกาจ[รีไรท์]

หิมะโปรยปรายลงมาหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนหนาแน่นทุกหนทุกแห่งปกคลุมไปด้วยหิมะ เสื้อผ้าของฉู่ชวิ๋นเปียกโชกไปด้วยเลือด เส้นผมของเขาปลิวไสวดูโดดเด่นสะดุดตาในโลกของหิมะที่ขาวบริสุทธิ์

ชายหนุ่มเดินอย่างช้า ๆ ทิ้งรอยเท้าเป็นทางยาวไว้เบื้องหลัง ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความอำมหิต กลิ่นเลือดลอยมาตามสายลม ชายหนุ่มเป็นเหมือนกับสัตว์ร้ายผู้บาดเจ็บ สัตว์ร้ายที่อยากจะฆ่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า

เฉินหวูฮุยสีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่เขาไม่หวาดกลัวที่นี่คือถิ่นของสำนักสวรรค์ฟ้า ฉู่ชวิ๋นจะต้องตาย เฉินหวูฮุยจะต้องอยู่รอด หวูฉางเฟิงเองก็บาดเจ็บสาหัส ใบหน้าเป็นสีม่วงคล้ำ ในขณะที่จ้องมองฉู่ชวิ๋นเดินใกล้เข้ามา

แต่เมื่อพินิจดูอย่างใกล้ชิดก็จะเห็นว่าดวงตาของหวูฉางเฟิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาแทบจะไม่ถึงความรู้สึกตัวเอง

ราชันวิญญาณ เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต และผู้อาวุโสของสำนักสวรรค์ฟ้า รวมไปถึงสมาชิกของสำนักความหวังใหม่และอีกหลายสำนักที่เข้าร่วมกับสำนักสวรรค์ฟ้า ต่างก็มีดวงตาที่ตื่นกลัว พวกเขากำลังคิดอะไรอยู่?

“ทุกคนฟังให้ดี ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องรู้จักชื่อเสียงของจอมมารฉู่ชวิ๋นอยู่แล้ว ถ้าทุกคนอยากมีชีวิตรอดกลับไป ก็ต้องช่วยกันรุมเล่นงานมันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าหวังเลยว่าจะมีใครรอดออกไปได้” เฉินหวูฮุยกล่าวเพื่อปลุกใจทุกคน

“ฉันจะขอแนะนำเพิ่มเติมนะว่า คนรักของฉู่ชวิ๋นตายไปแล้ว เขากำลังเสียสติ วันนี้ไม่เขาก็พวกเราต้องตายกันไปข้าง ถ้าพวกแกยังอยากมีชีวิตรอดก็มาร่วมมือกับพวกเราเถอะ” หวูฉางเฟิงหัวเราะเยาะ เขามองออกว่าหลายสำนักเริ่มมีความคิดเห็นแตกแยก ทุกคนล้วนแล้วแต่มีแผนการของตัวเอง

ราชันวิญญาณและเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตหันมองหน้ากัน และพยักหน้าพร้อมกัน

“ทุกคน ได้โปรดอย่าเก็บงำฝีมือของตัวเองอีกเลย ออกมาสู้กับฉู่ชวิ๋นให้สุดกำลัง พวกเราจะคอยช่วยเหลือเอง” เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตเริ่มพูดปลุกใจ ทุกคนนิ่งเงียบ ฉู่ชวิ๋นมีฝีมือในการฆ่าคนที่โหดร้ายและน่าหวาดกลัวมากเกินไป

“พวกแกจะกลัวไปทำไม ฉู่ชวิ๋นมันก็เป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนพวกเรา ไม่ใช่เทพเจ้าสักหน่อย เขาบาดเจ็บได้ เลือดออกได้ และตายได้ เมื่อดูกำลังพลของเราในตอนนี้ เรามีปรมาจารย์ระดับแปดถึงสี่คน เรามีปรมาจารย์ระดับเจ็ด อีกสามคน และมีปรมาจารย์ระดับหก อีกหลายสิบคน ถ้าพวกเราร่วมมือกัน ทำไมจะฆ่าฉู่ชวิ๋นไม่ได้?” ราชันปีศาจพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม

“ราชันปีศาจกล่าวได้ถูกต้อง ฉู่ชวิ๋นเป็นแค่เพียงมนุษย์ธรรมดา พวกเรามีคนตั้งมากมายจะไปกลัวเขาทำไม” ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น

“ต่อให้เขาเป็นเทพเจ้าแล้วยังไงล่ะ วันนี้พวกเราจะฆ่าเทพเจ้าให้ดู”

“ไม่ว่ามันจะเป็นเทพเจ้าหรือปีศาจร้าย? วันนี้พวกเราจะทำให้ทุกคนได้เห็นว่า ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ต้องมาตายที่นี่อยู่ดี!” คนเหล่านี้เป็นปรมาจารย์ระดับสูง ผ่านการฝึกวิชามา

อย่างยาวนานจนได้รับความเคารพในฐานะผู้อาวุโส แล้วคำพูดพวกเขาจะไม่ส่งผลต่อลูกศิษย์รุ่นใหม่ได้อย่างไร? นี่นับว่าเป็นแผนการที่แยบยลเป็นอย่างยิ่ง?

ก่อนหน้านี้พวกเขาหวาดกลัวความโหดร้ายของฉู่ชวิ๋น แต่เมื่อเจอคำพูดปลุกใจของบรรดาผู้อาวุโสเข้าไป ทุกคนก็ทราบดีแล้วว่าในวันนี้ถ้าไม่ใช่พวกเขา ก็ต้องเป็นฉู่ชวิ๋นที่ตายกันไปข้าง แล้วการจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ ก็มีแค่หนทางเดียวเท่านั้น และนั่นก็คือการฆ่าฉู่ชวิ๋นให้ได้

กลุ่มผู้ชมอดเป็นห่วงฉู่ชวิ๋นไม่ได้แล้ว พวกของเฉินหวูฮุยมีกำลังคนไม่ใช่น้อย พวกเขามีปรมาจารย์ระดับแปดถึงสี่คน เรียกได้ว่าแต่ละคนมีความสามารถทัดเทียมกับยอดมนุษย์ทั้งนั้น แต่ ฉู่ชวิ๋นมีแค่เพียงตัวคนเดียว

ฉู่ชวิ๋นอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลกว่ายี่สิบเมตร ดวงตาของชายหนุ่มเป็นสีแดงก่ำ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยไอสังหาร

ตุบ!

ห่างออกไปยี่สิบเมตร เดินเข้ามาทีละก้าว ร่างกายของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายสว่างไสว แม้แต่กระดูกก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นเหมือนแก้วใสเป็นประกาย ชายหนุ่มต่อยหมัดมังกรคำรนออกมาแล้ว เสียงของพลังหมัดแหวกอากาศมาแต่ไกล พลังลมปราณจากหมัดพุ่งตรงเข้าใส่ราชันวิญญาณ ราชันวิญญาณแทบหยุดหายใจ สะบัดฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นกลางอากาศ เกล็ดหิมะรอบตัวเขาหมุนวนสร้างคลื่นพลังเพื่อต่อต้านแล้วราชันวิญญาณก็หายใจออกมาอีกครั้ง

เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตก็ลงมือในเวลาเดียวกัน แส้เส้นหนึ่งในมือเขาตวัดขวับ ส่งพลังลมปราณพุ่งกระจาย

วูบ!

เสียงลมแหวกอากาศ พลังลมปราณกระจายตัว หิมะที่อยู่รอบบริเวณกระจายตัวอย่างสวยงาม พร้อมกับที่เกิดเสียง “สวบสาบ” ระคายหู

ราชันวิญญาณส่งเสียงร้องออกมา เขาถูกแรงกระแทกจากลมปราณของฉู่ชวิ๋นเซถอยหลังไปหลายก้าว พื้นดินใต้เท้าระเบิดตัวออก แขนของเขาสั่นระริกโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด กำปั้นของฉู่ชวิ๋นมีพลังน่ากลัวสมคำเล่าลือจริง ๆ

แต่ในเวลาเดียวกันนี้ แส้ในมือของเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตก็ตวัดออกไปอย่างน่าหวาดกลัว ฉู่ชวิ๋นหมุนตัวแล้วต่อยกำปั้นสวนกลับมาหมัดหหนึ่ง

ผลั่ก!

หิมะที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าแตกกระจาย เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตถูกพลังหมัดของฉู่ชวิ๋นกระแทกเข้าอย่างจัง

เฉินหวูฮุยและหวูฉางเฟิงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความอาฆาตแค้น ทั้งสองคนต่างก็เฝ้ารอโอกาสที่จะเข้าโจมตีฉู่ชวิ๋น

ถ้าฉู่ชวิ๋นไม่ถอยกลับไปก็ต้องเดินเข้ามา และนั่นก็คือโอกาสลงมือของพวกเขา

โครม! โครม!

เสียงพื้นหินระเบิดตัวดังขึ้น เฉินหวูฮุยและหวูฉางเฟิงตัดสินใจลงมือในวินาทีนั้น พวกเขากระทืบเท้าลงไปบนพื้นอย่างแรง บนพื้นหินเกิดรอยแตกร้าวเป็นทางยาว

ฉู่ชวิ๋นส่งเสียงคำรามในลำคอเช่นกัน เขาผงะถอยหลังไปหลายก้าว พื้นหินเกิดรอยแตกร้าวอย่างต่อเนื่อง

“ฆ่ามัน”

ราชันวิญญาณร้องคำราม ต่อยหมัดใส่อากาศส่งพลังลมปราณพุ่งออกไปด้วยความดุเดือด

เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตก็เคลื่อนกายวนรอบฉู่ชวิ๋นหาจังหวะโจมตี ในขณะนี้ พลังลมปราณของพวกเขา ได้ขับไล่หิมะให้ปลิวกระจายออกไปไกลจนพื้นดินสั่นสะเทือน

เมื่อทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนเรียบร้อย เฉินหวูฮุยและ หวูฉางเฟิงก็ฉากหลบออกมา เท้าของพวกเขามีพลังรุนแรงมาก ผลจากการพูดปลุกใจเมื่อสักครู่นี้ ทำให้คนของสำนักสวรรค์ฟ้าและสำนักพันธมิตรอื่นๆ โจมตีเข้าใส่ฉู่ชวิ๋นด้วยความเคียดแค้น

ในเวลาเดียวกันนี้ เจ้าสำนักความหวังใหม่ เจ้าสำนักกระบี่ฟ้า รวมถึงราชาพิษที่เคยหลบหนีมาก่อนหน้านี้ ก็เข้ามารุมเล่นงานฉู่ชวิ๋นด้วยเช่นกัน

ในอากาศเต็มไปด้วยลำแสงจากพลังลมปราณที่ถูกซัดออกมาจากฝ่ามือ พุ่งตรงเข้าใส่ฉู่ชวิ๋นเป็นจุดเดียว

แม้จะพบเจอการโจมตีจากทุกสารทิศ ดวงตาของฉู่ชวิ๋นกลับยังคงเป็นประกายแจ่มใส มือซ้ายของเขายกขึ้นหมุนวนในขณะที่มือขวาต่อยกำปั้นออกมา

ทั้งสองมือของเขาทำงานสอดประสานกัน เสียงมังกรคำรามดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องของนกเพลิง ในขณะที่ท้องฟ้าสั่นสะเทือนเหมือนเกิดลมพายุขนาดใหญ่

นกเพลิงปรากฏตัวขึ้นกลางท้องฟ้า ก่อนที่มันจะโฉบตัวลงมาพร้อมกับปล่อยเปลวไฟลุกไหม้ไปทั่วบริเวณ ทำให้บรรดาหิมะที่อยู่ในรัศมีหลายร้อยเมตรละลายหายไปทันที

ฉู่ชวิ๋นจ้องมองกลุ่มคนฝ่ายตรงข้ามและต่อยกำปั้นออกไปรัว ๆ

ตู้ม!

พลังลมปราณจากฝ่ายตรงข้ามพุ่งเข้ามาปะทะกับนกเพลิงบนท้องฟ้า เกิดเสียงระเบิดสนั่นหู หมอกควันรูปเห็ดลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า แรงระเบิดสาดกระจายในอากาศ ทุกอย่างพังพินาศเหมือนกับเป็นจุดสิ้นสุดของโลก

ผลั่ก!

ฉู่ชวิ๋นฉวยโอกาสต่อยกำปั้นใส่หน้าอกปรมาจารย์ระดับหกได้ถึงสองคน

กร๊อบ!

เสียงกระดูกแตกหักดังถนัดหู ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 ทั้งสองคนนั้นเซถอยหลังไป หน้าอกของพวกเขายุบตัว แผ่นหลังโก่งงอปูดโปนก่อนที่จะมีเลือดพุ่งกระฉูดออกไปเหมือนท่อน้ำแตก

ผลั่ก!

พริบตาต่อมามีปรมาจารย์ระดับหก อีกคนหนึ่งถูกฉู่ชวิ๋นต่อยกระเด็น

“ฉู่ชวิ๋น อย่ากำแหงให้มันมากเกินไปนักนะ” เฉินหวูฮุยตะโกนพร้อมกับปล่อยหมัดออกมาออกมาเช่นกัน พลังลมปราณที่ห่อหุ้มหมัดของเขา พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของฉู่ชวิ๋น

หวูฉางเฟิงก็ไม่อยู่นิ่งเฉยเช่นกัน เขากางฝ่ามือออกรวบรวมพลังในอากาศ ก่อนที่จะปล่อยพลังลมปราณพุ่งตรงเข้าไปหาฉู่ชวิ๋นอีกหนึ่งสาย

ราชันวิญญาณและเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตโคจรพลังลมปราณและพุ่งเข้าไปเล่นงานฉู่ชวิ๋นพร้อมกัน

ผลั่ก!

เลือดสาดกระจายในอากาศ มีผู้อาวุโสถูกฉู่ชวิ๋นฆ่าตายไปอีกหนึ่งคน แต่ตอนนี้พลังลมปราณของเฉินหวูฮุยและหวูฉางเฟิงได้มาถึงตัวฉู่ชวิ๋นแล้ว ฉู่ชวิ๋นถูกกระแทกจนเซถอยหลัง แต่วินาทีเดียวกันนั้นเอง แผ่นหลังของเขาก็รู้สึกได้ว่ามีพลังฝ่ามืออันเย็นเยียบกำลังพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว

ฉู่ชวิ๋นม้วนตัวหลบไปด้านข้างและต่อยหมัดสวนกลับไปอีกครั้ง

ผลั่ก!

เลือดสาดกระจายไปทั่ว ฉู่ชวิ๋นเคลื่อนไหวได้อย่างสวยงามเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ร่างของเขาหลบหลีกการโจมตีได้จากทุกทิศทาง

ตู้ม!

พลังลมปราณที่พลาดเป้าหมายจากตัวเขาพุ่งไปกระแทกพื้นหิน ส่งผลให้พื้นดินยุบตัวกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่

“ฉู่ชวิ๋น แกอย่าอยู่เลย!!!” เฉินหวูฮุยคำรามและกระโดดเข้าหาฉู่ชวิ๋น พร้อมกับสะบัดฝ่ามือปล่อยพลังออกไป ฉู่ชวิ๋นมีดวงตาเป็นประกายแวววาว แขนของเขาเปล่งแสงสว่าง

ในขณะที่เส้นผมปลิวไสวตามแรงลม ชายหนุ่มมีวิชาหมัดที่ไม่แพ้ใคร เขารีบต่อยหมัดสวนกลับไปทันที

แต่หมัดนี้ของเฉินหวูฮุยไม่ธรรมดา เพราะไม่ว่าจะเป็น หวูฉางเฟิง ราชันวิญญาณ เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต รวมถึงผู้อาวุโสของสำนักสวรรค์ฟ้าที่เหลืออยู่ ต่างก็ถ่ายทอดพลังลมปราณที่อยู่ในร่างกาย มอบให้แก่เฉินหวูฮุยเป็นหนึ่งเดียว

เฉินหวูฮุยฉีกยิ้มด้วยความอำมหิต ร่างกายของเขามีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นอีกหลายระดับ เพียงแค่หมัดเดียวของเขา ก็สามารถทำลายภูเขาทั้งลูกได้ไม่ยากเลย

ตู้ม!

พลังลมปราณจากหมัดของฉู่ชวิ๋นแตกกระจายหายไป เช่นเดียวกับร่างของชายหนุ่มที่ลอยกระเด็นไปในอากาศ

เฮือก!

ฉู่ชวิ๋นที่หมุนคว้างอยู่กลางท้องฟ้ากระอักเลือดออกมาจากปากคำใหญ่ หลังจากนั้น ร่างของเขาก็ลอยไปกระแทกกำแพงหิน ซึ่งพังทลายลงไปในวินาทีต่อมา