ตอนที่ 203 : ไทแรนโนซอรัส

ยังไงซะมิติดวงจันทร์ก็เป็นมิติ 5 ดาว ต่อให้พวกเขาไม่เจอสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์แต่ก็ต้องเจอสัตว์อสูรระดับสวรรค์  พวกสัตว์อสูรขอบเขตราชันย์นั้นต้องมีอยู่เป็นจำนวนมาก แม้แต่สัตว์อสูรขอบเขตจักรพรรดิก็อาจจะมีอยู่ด้วย

ตอนนี้เมื่อดูจากความแข็งแกร่งของกลุ่มทหารรับจ้างโลกาแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่สามารถยึดที่นี่ไว้ได้

อันที่จริงแล้ว หวังเย่าและคนอื่น ๆ ไม่อาจจะเดินทางไปทุกที่ได้ตามใจ เพราะพวกเขาต้องระวังตัวอยู่ตลอด

ทุกคนได้ออกเดินทางกันทันที

“มียอดเขาอยู่ที่นั่น ทุกคนตามหลังฉันมา”  หวังเย่าสั่งการ นี่เป็นครั้งแรกที่มายังมิติดวงจันทร์ ซึ่งพวกเขาไม่ได้มีการสำรวจมิตินี้มามากพอ ดังนั้นจึงไม่อาจจะเคลื่อนไหวอะไรได้มากนัก ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือตั้งแคมป์ก่อน

พวกเขาไม่กล้าตั้งแคมป์ในที่โล่งเพราะไม่มีพลังที่แข็งแกร่งพอ นอกเสียจากจะมั่นใจว่ามีเก้าชีวิต

เหตุผลที่เลือกยอดเขาก็คือ หนึ่ง เมื่ออยู่ที่สูงย่อมมองเห็นได้ไกล สอง มียอดเขาให้กำบัง สาม หวังเย่าวางแผนที่จะขุดพื้นที่ตรงไหล่เขา ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะสามารถหลีกเลี่ยงการซึมของน้ำใต้ดินได้เพราะอยู่สูง

หากขุดใต้ดินเป็นถ้ำโดยตรง ก็อาจจะทำให้เกิดการสะสมน้ำขึ้นและไม่เหมาะสำหรับการพักอาศัย

พวกเขาคอยหลีกเลี่ยงสัตว์อสูรและเดินทางกว่า 15 นาทีกว่าจะมาถึงยอดเขาได้

หวังเย่าควบคุมลูกแก้ววิญญาณดินเพื่อเปิดโพรงถ้ำลึกกว่า 50 เมตร ซึ่งใหญ่เพียงพอให้ทุกคนได้พักข้างในนั้น

จากนั้นเขาก็ทำการควบคุมลูกแก้ววิญญาณไฟพร้อมกับใช้พลังไฟที่ดูดซับมาก่อนหน้านี้เพื่อลดความชื้นภายในถ้ำ พร้อมกับฆ่าพวกแมลงและงูที่อยู่ใต้ดินด้วย

ทุกคนเดินเข้าไปในถ้ำพร้อมกับหาตำแหน่งของตัวเองก่อนจะเอาโต๊ะและเครื่องใช้ออกมา  บางคนถึงกับเอาเปลนอนมาด้วย

ส่วนจ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมยนั้นหวังเย่าได้เปิดโพรงแยกออกไปให้พวกเธอ เพราะทั้งสองเป็นผู้หญิง พวกเธอคงไม่สะดวกที่จะนอนรวมกับทหารรับจ้าง ผู้หญิงน่ะชอบความสบายและความเป็นส่วนตัว

หลังจากจัดการที่พักแล้วพวกเขาก็พากันทำอาหารกินกันเพื่อฟื้นฟูพละกำลัง

หวังเย่านั่งกินข้าวและพูดคุยกับทุกคน

ไม่นานพวกเขาก็ได้ปรึกษากันถึงเรื่องแผนการ

พวกเขาจะแบ่งกันออกเป็น 4 ทีมแต่ละทีมจะแยกตัวออกไป 4 ทิศ

ส่วนหวังเย่าจะเดินทางเพียงลำพัง

ระหว่างการสำรวจพวกเขาจะเลือกหลีกเลี่ยงสัตว์อสูรให้ได้มากที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะและเกิดการเสียชีวิต

หลังจากที่พักได้ไม่นาน หวังเย่าและคนอื่น ๆ ก็ได้เดินทางออกไป

หลงปู้หยู๋และทหารอีกสองสามคนมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออก พี่หลง, เจ้าเขียวและเจ้าหนูเดินทางไปยังทิศตะวันตก  ลัวจ้าวฮว่าและทีมของเขาเดินทางไปยังทิศเหนือ ฟ่านฉิงเหมยมีประสบการณ์ก็จริงแต่เธอชินกับการลงมือตามลำพังจึงมุ่งหน้าไปยังทิศใต้ ส่วนจ้าวเมิ่งซีรออยู่ที่ถ้ำ เธอไม่ได้เดินทางออกไปด้วย

การแบ่งทีมนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร แม้ว่าทั้งสี่ทีมจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนักแต่ความสามารถในการซ่อนตัวและหลบหนีก็สูงพอสมควร ยกตัวอย่างเช่นฟ่านฉิงเหมย เธอมีก็อบลินเงาที่ทำให้เธอสามารถเดินทางในเงาได้

หวังเย่าเลือกที่จะมุ่งหน้าไปทิศใต้ เพราะหากเขาพบว่าฟ่านฉิงเหมยตกอยู่ในอันตราย เขาจะได้ไปช่วยเธอได้ ยังไงซะนี่ก็เป็นผู้หญิงของเขา เขายอมเจ็บตัว แทนที่จะให้เธอต้องบาดเจ็บ

“ตือโป๊ยก่าย แกนำหน้าไป”   หวังเย่าวิ่งออกไปพร้อมกับมีตือโป๊ยก่ายในร่างหมอกบินอยู่บนฟ้าเพื่อคอยสังเกตการณ์ให้ในระยะสูง

“ หือ ? ฉันเจอกับหนูหินหรือ ”   หวังเย่าพบสัตว์อสูร มันคือหนูที่ถูกเรียกว่าหนูหิน มันมีฟันที่คมจนสามารถกัดหินให้แตกได้ ที่สำคัญที่สุดคือมันมีเป็นจำนวนมาก แม้แต่เขาก็ยังไม่กล้าเข้าไปหาเรื่องพวกมัน

หลังจากที่อ้อมผ่านพวกหนูนั้นได้  หวังเย่าก็เดินหน้าต่อจนกระทั่งพบกับงู 6 ขาเข้า มันมีรูปร่างคล้ายกับกิ้งก่า แต่มีพิษและลิ้นที่ยาว ลิ้นนั่นสามารถโจมตีเหยื่อที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 6-7 เมตรได้ ก่อนจะลากเข้าไปกิน

เดินไปสักพักเขายังได้พบกับลิงฟันดำด้วย รูปร่างมันเหมือนกับลิงทั่วไปแต่หัวของมันนั้นดูสั้น ขณะที่แเขนของมันยาวพร้อมกับมีกรงเล็บที่คมกริบ มันสามารถขุดหินได้และอาศัยอยู่ใต้ดิน

….

หวังเย่าเดินทางมาได้เกือบ 100 เมตร และได้พบกับสัตว์อสูร 5 ชนิด แต่ทุกชนิดต่างก็เป็นพวกระดับต่ำ พวกมันไม่ถึงระดับทองด้วยซ้ำ

หวังเย่าไม่ได้จะปรากฏตัวออกไป ยังไงซะเขาก็มาแค่สำรวจ หากเขาปรากฏตัวต่อหน้าสัตว์อสูรพวกนั้น งั้นก็เป็นธรรมดาที่เขาจะเดินทางได้ช้าลง

ในมิติลับหลายแห่งก็มีกลางวันและกลางคืน เนื่องจากพลังบนท้องฟ้ากับพลังที่ผืนดินนั้นมีการสลับหมุนเวียนกัน มันจึงเกิดกลางวันและกลางคืนขึ้น แต่ในมิติดวงจันทร์นี้มันไม่ได้ชัดเจนนัก เพราะมันมีดวงจันทร์อยู่บนท้องฟ้าที่คอยเปล่งแสงสีขาวอยู่ตลอด ผลก็คือมันทำให้ที่นี่ดูมืดมิดและมีแสงสว่างแค่เพียงเล็กน้อย

เพื่อสำรวจที่นี่ให้เสร็จ หวังเย่าจึงเลือกเดินหน้าต่ออย่างไม่หยุดพักโดยหวังว่าจะหาสัตว์อสูรที่เหมาะสมในการทำสัญญาได้

ระหว่างทางเขาได้พบกับหมาตัวยาวกว่า 10 เมตร ที่สามารถพ่นหมอกพิษออกมาได้และแมงมุมน้ำแข็งที่มีขนาดมหึมา…

สุดท้ายเขาก็มาพบกับสัตว์อสูรระดับสวรรค์ขั้นกลาง สิ่งนี้มันทำให้เขาพอใจอย่างมาก

“หือ…ราชามังกร”   ใช่ หวังเย่าได้พบกับสัตว์อสูรที่มีสายเลือดมังกร

ไทแรนโนซอรัสตัวเต็มวัยนั้นโดยทั่วไปจะสูงประมาณ 4-5 ฟุต ผิวของมันมีเกล็ดสีดำม่วง ขนาดของมันกำยำและดูงดงาม

มันอยู่รวมกันเป็นฝูงมากกว่า 100 ตัว  ไทแรนโนซอรัสตัวโตเต็มวัยนั้นมีเลเวลอยู่ที่ 50 ขึ้นไป มีหลายตัวที่อยู่ขอบเขตราชันย์ และหัวหน้าฝูงของมันเลเวลสูงถึง 68

****

สายพันธุ์ : ไทแรนโนซอรัส

ระดับ : สวรรค์ขั้นกลาง

เลเวล : 68

สกิล : 1. ตรึง สามารถล็อคเป้าหมายในระยะ 1 กิโลเมตรได้ ยิ่งใช้เวลาตรึงนานเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้การโจมตีรุนแรงขึ้นเท่านั้น

พุ่งชน ไทแรนโนซอรัสพุ่งเข้าชนด้วยพลังอันน่าทึ่ง การชนนี้สามารถทำให้ของที่หนักกว่าตัวมัน 5-10 เท่ากระเด็นออกไปได้

3.  กระดูกเหล็กทองแดง ไทแรนโนซอรัสนั้นคือสัตว์อสูรที่ดุดันแต่การป้องกันของมันก็ค่อนข้างอ่อนแอ หลังจากที่ใช้สกิลนี้แล้วก็จะทำให้การป้องกันของมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก

จิตเก่าแก่ สละแก่นเลือดเพื่อรับจิตของมังกรโบราณ ปลดปล่อยพลังระดับศักดิ์สิทธิ์ของราชามังกรที่แท้จริงออกมา ทำให้สัตว์อสูรลนลานพร้อมกับลดความมั่นใจของศัตรูลงครึ่งหนึ่ง

****