ตอนที่ 185 คุยโม้ไว้เยอะ

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

ผู้กำกับอวี๋ต่อว่าด้วยความโมโห “พูดบ้าอะไรกัน? บนเขาจะไปมี…เวร หมาป่าจากไหนวะ! เหล่าหลัว เหล่าหลัว!”

หลัวลี่ที่เมื่อครู่ยังตบหน้าอกสื่อว่าจะจัดการลูกหมาป่าเดินหน้ามาทันที “พวกเรารีบหยิบอาวุธออกมา ก็แค่ลูกหมาป่าไม่ใช่เหรอ? ขวางมันไว้!”

ขณะกล่าวหลัวลี่เงยหน้าขึ้น จากนั้นหมุนตัวกลับตะโกน “ไอ้ห่า ตัวใหญ่จังวะ? ผสมพันธุ์กับวัวรึไง? ลงเขาๆ รีบลงเขา!”

หลัวลี่ที่เมื่อครู่จะหาไม้ปรี่เข้าไป พอเห็นเป็นหมาป่าตัวใหญ่เดินลงเขามาด้วยความเป็นทุกข์ก็ตกใจสะดุ้ง ตัวใหญ่จัง! ถ้าพุ่งเข้ามาคงจะถึงคราวที่พวกเขาตายหมู่! ทางภูเขาแคบ ชนทีเดียวก็อาจจะตกลงไป…

ทุกคนจะวิ่งหนี แต่ตาพร่ามัว หมาป่าตัวใหญ่พุ่งเข้ามาในกลุ่มคน ทำเอาทุกคนตกใจจนไม่กล้าขยับ

หลัวลี่พูด “ทุกคนอย่างขยับ! อย่าขยับ! ผู้หญิงหุบปาก!”

กลุ่มคนสิบกว่าคนหยุดอยู่กับที่ แน่นิ่ง ราวกับเวลาหยุด

แต่ทุกคนต้องเห็นสิ่งที่น่าทึ่ง หมาป่าใช้สายตาดูถูกมองพวกเขา จากนั้นสะบัดหางก้าวเล็กๆ เดินลงเขาไปด้วยความกลัดกลุ้ม

พอเห็นเงาแผ่นหลังหมาป่าไกลออกไป ทุกคนต่างมองหน้ากัน ผู้กำกับอวี๋ว่า “หมาป่านิสัยเหมือนคนเลย สายตาเมื่อกี้ ทำไมฉันรู้สึกว่ามันกำลังบอกว่าพวกเราโง่?”

“ผมก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน” หลินตงสือว่า

หลัวลี่พยักหน้าตาม “แปลกจริงๆ”

คนอื่นต่างรู้สึกราวกับความฝัน ตอนนี้เองผู้ชายที่นำหน้าพวกเขาตอนแรกสุดตบเข้าที่หน้าผาก “ผมนึกออกแล้ว จริงๆ บนภูเขามีหมาป่าสีขาวตัวใหญ่ตัวหนึ่ง แต่มันไม่ใช่สัตว์ป่า ไม่มีอันตราย น่าจะเป็นตัวเมื่อกี้”

“ป้าบ!” เขาถูกตบหัวไปทีหนึ่ง หลัวลี่ต่อว่าด้วยความโกรธ “ทำไมแกไม่บอกเร็วๆ ฟะ ฉันตกใจแทบแย่…”

ทุกคนพากันมองมาด้วยแววตาโกรธ ผู้ชายคนนั้นยิ้มเจื่อนๆ “มันฉุกระหุกเกินไปน่ะครับ ตั้งแต่เลือกสถานที่จนมาถึงใช้เวลาไปนิดเดียวเอง สมองผมแทบระเบิด เลยลืมบอกอะไรไปบ้างก็เท่านั้น…”

“เอาล่ะๆๆ…เหล่าเถา นายบอกฉันมาซิว่ายังลืมอะไรอีกไหม? นอกจากหมาป่าบนเขาแล้วยังมีคนเลี้ยงหมีรึเปล่า? ถ้ามีพวกเราจะกลับกันทันที ฉันไม่กล้าเอาเสวี่ยอิงมาเสี่ยงหรอกนะ” ผู้กำกับอวี๋ถามอย่างจริงจัง

เหล่าเถาตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ “บนเขาน่าจะมีกระรอกอีกตัว แล้วก็ไม่มีสัตว์อื่นๆ แล้ว ผู้กำกับอวี๋ กระรอกนี่ถือเป็นสัตว์อันตรายขนาดใหญ่รึเปล่า?”

“แกคิดว่าไงล่ะ?” ผู้กำกับอวี๋มองค้อน ขณะจะพูดบางอย่างพลันมีสายลมพัดผ่านเหนือศีรษะ เงยหน้ามองก็เห็นก้นสีแดงคว้าเถาวัลย์ไปตามร่องน้ำภูเขาไกลออกไป ยังมีดินตกใส่หน้าเขาเล็กน้อยด้วย

ผู้กำกับอวี๋เช็ดหน้าแล้วมองเหล่าเถาอย่างเคร่งขรึม “กระรอกบ้านแกก้นสีแดงเหรอ? อีกอย่างนะ แกเคยเห็นกระรอกตัวใหญ่ขนาดนี้ไหม?”

“ผู้กำกับ นั่นมันลิงครับ…” เหล่าเถาอดพูดเตือนไม่ได้

“ไร้สาระ! คิดว่าฉันไม่รู้จักลิงรึไง? ฉันให้แกหาสถานที่ แกหามาให้ฉันแบบนี้เหรอ หาที่ที่แกเองยังไม่เข้าใจเนี่ยนะ? ฉันจะบอกให้นะ ถ้าบนเขาไม่มีวิวที่เหมาะสม แก ม้วนเสื่อออกไปได้เลย! หนังเรื่องนี้ เปลี่ยนคน!” ผู้กำกับอวี๋โกรธแล้ว หนังเรื่องนี้สำคัญกับเขามาก ถ้าเกิดปัญหาขึ้นเพราะคนไม่จริงจัง แน่นอนว่าเขาต้องจัดการอีกฝ่ายแน่ๆ ที่เขาโมโหก็เพื่อบอกทุกคนว่า นิสัยเขาดีก็จริง แต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่โกรธ!

พอผู้กำกับอวี๋โกรธ ทุกคนต่างเงียบเป็นเป่าสาก ไม่กล้าออกเสียงใดๆ

ผู้กำกับอวี๋โบกมือ “ขึ้นเขา!”

ทุกคนถึงพากันขึ้นเขาไป

ตลอดทางไม่เจอปัญหาอะไรอีก แต่เจอตาน้ำพุ ทำให้ผู้กำกับอวี๋อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย ถึงยอดเขาทัศนวิสัยกว้างไกลขึ้น หิมะละลาย บนพื้นมีพืชป่าสีเขียวอ่อนปูแผ่ จนกระทั่งถึงสุดยอดเขา สีเขียวมรกต เปี่ยมด้วยชีวิต งดงามอย่างยิ่ง อีกด้านเป็นป่าไม้ ป่าส่วนใหญ่เป็นป่าต้นเข็ม สูงใหญ่เหยียดตรง มีความแข็งแรงเต็มสิบ

ทางซ้ายเป็นวัดเล็ก วัดไม่ใหญ่ เป็นสิ่งก่อสร้างโบราณทั้งหมด การก่อสร้างมีกลิ่นอายโบราณมาก กระเบื้องวัดสว่างไสว ไม่เหมือนกระเบื้องโบราณวัดอื่น มองปราดเดียวผู้กำกับอวี๋ก็ถูกใจวัดนี้ ส่วนวิวมีความแตกต่างไม่มาก เลยพูดขึ้นว่า “วัดนี่มีกลิ่นอายมาก ชื่อวัดเอกดรรชนีเหรอ?”

“ครับ วัดเอกดรรชนี ข้างในมีหลวงจีนรูปหนึ่ง นามทางธรรมฟางเจิ้ง” เหล่าเถาถูกต่อว่าไปยกหนึ่งแล้วก็พยายามนึกถึงข้อมูลบนเขาอย่างหนัก เลยอธิบายไปทันที

ผู้กำกับอวี๋พยักหน้า “ไปเถอะ ไปดูกัน”

เหล่าเถาได้ยินดังนั้นจึงถอนหายใจโล่งอก ไม่พูดเรื่องวิวนั่นหมายความว่าวิวผ่าน เขาน่าจะไม่ต้องม้วนเสื้อกลับบ้านแล้ว

ทุกคนมาถึงหน้าประตูวัด มองสามอักษรใหญ่ที่มีความฉวัดเฉวียนบนป้าย วัดเอกดรรชนี!

ผู้กำกับอวี๋อดชมไม่ได้ “อักษรดี!”

มองลงมายังมีคำกลอนคู่อยู่สองข้าง เห็นดังนั้นผู้กำกับอวี๋พูดชมอีกรอบ “แย่กว่าป้ายวัดนิดหน่อย แต่ก็ยังเป็นอักษรดี ไม่รู้ว่ามาจากมือไต้ซือท่านไหน ในอักษรมีพุทธองค์มังกร น่าเกรงขามจริงๆ ในความยิ่งใหญ่แฝงไว้ด้วยความเมตตา สวย!”

พวกเหล่าเถาเข้าใจอักษรมากน้อยต่างกัน พอเห็นอักษรก็พูดชมตาม

ผู้กำกับอวี๋อารมณ์ดีมาก ตบหน้าอกว่า “วัดนี้จะต้องมีไต้ซือแน่! ไป เข้าไปดูกัน!”

“ผู้กำกับอวี๋ ตามที่ผมรู้มา ที่นี่มีเณรรูปหนึ่ง ไม่มีไต้ซือครับ…” เหล่าเถารีบเตือน

“ไม่มีไต้ซือ? เหอะๆ เหล่าเถาแค่อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านะแกจะทำอะไร แกไม่เคยมาที่นี่นี่? เคยเข้าไปดูในวัดไหม? คำเล่าลือมักจะผิดพลาด ก็เหมือนกับที่แกบอกก่อนหน้านี้ไงว่าบนเขามีแค่หมาป่าตัวเดียว แล้วลิงนั่นอะไร? ฉันว่านะที่นี่จะต้องมีพระอาจารย์เต๋า! ไม่อย่างนั้นเขียนอักษรนั่นไม่ได้หรอก ไป เข้าไปดูกัน ฉันอยากไหว้พระอาจารย์ท่านนี้ จะได้ขออักษรกลับไปด้วยเลย” ผู้กำกับอวี๋ยิ้มอิ่มอกอิ่มใจ

พอเข้าประตูใหญ่ไป เสียงมู่อวี๋กับเสียงสวดมนต์ดังแว่วมาจากอุโบสถ ทุกคนที่ได้ยินต่างจิตใจสั่นสะท้าน รู้สึกสบายตัวขึ้นไม่น้อย ความกลัดกลุ้มหายไปเยอะ!

ผู้กำกับอวี๋อดใจไม่ไหวยิ้มด้วยความอิ่มใจ “สวดมนต์ได้สดชื่ดและไม่คร่ำครึ ถ้าบอกว่าไม่มีไต้ซือ ตีฉันให้ตายยังไงก็ไม่เชื่อ เหล่าเถา เดี๋ยวแกจะได้เปิดโลกเพิ่มประสบการณ์ ได้สัมผัสความสามารถของคนอื่น! ไป เข้าไปพบพระอาจารย์กัน”

ผู้กำกับอวี๋ร่าเริงมาก นำหน้าเดินเข้าอุโบสถ พอมองไปรอบๆ แล้วก็อึ้งงัน! พระอาจารย์ล่ะ? ไต้ซือล่ะ? ทำไมถึงมีเณรเคาะมู่อวี๋? เหมือนว่าเขาจะเป็นคนสวดมนต์ด้วย…

พริบตานั้นผู้กำกับอวี๋หน้าแดงก่ำ เขาคุยโม้ไว้เยอะ ไอ้คุยโม้ไม่เท่าไร ที่สำคัญคือมันน่าขายหน้า! คุยโม้ไว้ขนาดนั้น จะถอนคำพูดก็ไม่ได้แล้ว

…………………………