บทที่ 129 อีเจี่ยนเหมย

บัญชามังกรเดือด

บทที่ 129 อีเจี่ยนเหมย
ในสายตาของพานหลงสัมผัสได้ถึงความต้องการในการฆ่า เขาคิดไม่ถึงว่า ห้าปีที่แล้ว เพื่อจะปฏิเสธ เขาไม่คิดเสียดายผู้หญิงที่ตายไปแล้ว แต่ไม่คิดว่าเธอตายไปแล้วได้เกิดใหม่อีกครั้ง

สามีของเธอ ยังใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมอย่างรุนแรง อีกทั้งยังทำให้เสี่ยวเม่ยและน้องชายของเขาบาดเจ็บ

ฟังดูแล้ว ยังต้องลงมือต่อตระกูลพานทั้งหมด

น่าสนใจขึ้นมาแล้ว

“นั้นจริงๆก็ไม่จำเป็น”

“พวกเธอดูแลให้ดี รอพี่ตรวจสอบให้ชัดเจนแล้ว จะรีบมาแก้แค้นแทนพวกเธออย่างแน่นอน”เขาพูดหนึ่งประโยคด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป

ออกจากประตู ก็สั่งให้คนที่อยู่ข้างกาย รีบจัดคนไปยังหลงเจียงทันที ตรวจสอบข้อมูลของฉินเทียนและซูซูอย่างลับๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ การเคลื่อนไหวล่าสุดของพวกเขา

ไม่นาน เขาก็ได้รับข้อมูล ฉินเทียนและซูซูอีกไม่นานจะต้องไปประเทศยี่ ไปร่วมงานมหกรรมความงามนานาชาติ

พานหลงได้คว้าโอกาสนี้ไว้แล้ว

ถ้าหากจัดเตรียมคนจัดการกับฉินเทียนที่ต่างประเทศ ไม่สนว่าจะก่อปัญหามีการเคลื่อนไหวใหญ่แค่ไหน ก็ไม่มีผลกระทบในประเทศ

เขาสั่งลูกน้องที่ใช้งานได้ในทันที ล่วงหน้าไปประเทศยี่เคลียพื้นที่ ไม่ลังเลที่จะจ่ายอย่างหนัก แน่นอนว่าจะต้องได้นักฆ่าที่มีเชี่ยวชาญที่สุด

ในครั้งนี้ เขามีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะอย่างเต็มเปี่ยม

หลงเจียง

วันงานนิทรรศการนานาชาตินับวันยิ่งใกล้เข้า ซูซูเกิดความวิตกกังวลขึ้นมาอย่างชัดเจน

แต่ก่อนช่องทางการขายได้เจรจาเสร็จสิ้น และได้ฉีกสัญญาไปแล้ว ตอนนี้ความหวังทั้งหมด ล้วนฝากฝังอยู่ที่งานนิทรรศการนี้

เพียงแค่ได้รับการจัดอันดับ ถึงจะหาแอมบาสเดอร์ที่ดีได้ ความสำเร็จในครั้งเดียว เป็นใบเบิกทางสู่ช่องทางการขายที่คุ้มค่า

ไม่เช่นนั้น การลงทุนขนาดใหญ่ดังกล่าวก็ต้องก็ต้องล้มเหลวก่อนที่จะเริ่ม

แต่สำหรับงานนิทรรศการ เธอทำได้เพียงปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรม ทำอะไรไม่ได้เลย

เธอและหลิวชิง เดินทางไปยังสวนอุตสาหกรรมแต่ละรอบ ไปสั่งการตรวจแก้ไขอุปกรณ์ด้วยตัวเอง พยายามทำให้ตัวเองยุ่งจนไม่มีเวลาว่างไปคิดเยอะแยะ

แต่ฉินเทียน ก็ยังหาความเงียบสงบได้ยาก

ในเมื่อตอนนี้ทางตระกูลพานยังไม่มีความเลื่อนไหว เขาก็ขี้เกียจที่จะไปคิดต่อกรชั่วคราว

เขาใช้เวลาอยู่ที่สวนสัตว์ร้าย และควบคุมการฝึกด้วยตัวเอง

สิ่งที่ทำให้เขาและสมาชิกคนอื่นๆทั้งหมดกลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็คือ นับตั้งแต่อะเปินมาที่สวนสัตว์ร้าย ครั้งแรกที่เข้ามาฝึกซ้อมในเขตหมาป่า ก็อาศัยอยู่ข้างในแล้ว

ไอ้หมอนี่ คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีหมาป่าเป็นเพื่อน

เขาเองไม่เพียงไม่ทำร้ายหมาป่า แต่ยังไม่อนุญาตให้ใครมาทำร้ายหมาป่าอย่างดื้อรั้น

เป็นสิ่งที่ถงชวน เถียปี้และคนอื่นๆ ซึ่งต่อให้ไม่ขยับก็สามารถฆ่าหมาป่าตายและกินเนื้อหมาป่าย่างได้อย่างง่ายดายยากมากที่จะยอมรับได้

พวกเขาทั้งหมดร้องเรียนไปยังฉินเทียน

ฉินเทียนหัวเราะเคืองๆ : “กูซื้อหมาป่ากลับมาจากต่างประเทศ 2-3 ตัวมันง่ายไหมล่ะ?”

“ล้วนถูกพวกนายตีให้ตายแล้วเอามากิน พฤติกรรมแบบนี้มันไม่เหมาะสม”

“อะเปินได้เตือนสติผม อย่างนั้นก็ตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาใหม่”

“หลังจากนี้พวกคุณเข้าไปฝึกซ้อมที่เขตสัตว์ดุร้าย ให้ใช้ได้เพียงมือเปล่า ไม่อนุญาตให้ใช้อาวุธ”

“แต่ทว่าทำได้เพียงยอมแพ้ ห้ามฆ่า”

ถงชวนแยกเขี้ยวยิงฟัน เอ่ย : “นี่มันไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไรเลยนะ”

“ไม่อนุญาตให้เราฆ่าหมาป่า งั้นหมาป่าต้องการพวกเราต้องทำยังไง?”

ฉินเทียนคิดอยู่นานแล้วเอ่ยว่า : “อย่างนั้นพวกคุณก็สมควร”

ถงชวนและเถียปี้ถอนหายใจ ผู้ชายสองคนนี้ที่จริงยังอยากกินหมาป่าอยู่

เถียหนิงซวงยิ้ม : “ฉันสนับสนุนอะเปิน”

“หมาป่าพวกนี้น่ารักมากขนาดนี้ ต่อจากนี้พวกเราอย่าได้ลงมือฆ่าพวกมันเลย”

แต่พูดไปพูดมา หัวเราะไปหัวเรามา สำหรับอะเปินสามารถเป็นเพื่อนกันกับฝูงหมาป่า ฉินเทียนยังรู้สึกว่าแปลกใจอย่างมาก

เขามองเห็นผ่านจอมอนิเตอร์ บนเนินทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งในเขตหมาป่าอะเปินเอนตัวนอนลงบนหญ้าอาบแดด งับหญ้าหนึ่งต้นไว้ในปาก

บริเวณรอบๆ มีหมาป่า 2-3 ตัวนอนคว่ำอยู่อย่างสบายอารมณ์ มีหมาป่าน้อยหนึ่งตัว จุ๊บๆอยู่ที่ปลายเท้าของเขา

มีความชำนาญในนิสัยหมาป่า

นี้มีความเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมที่อะเปินเติบโตมาตั้งแต่เด็ก

เด็กที่อยู่ในภูเขา เขาโดดเดี่ยวมีเพียงแค่หมาป่าเป็นเพื่อน แต่นี้ก็เป็นการหล่อหลอมนิสัยหมาป่าฝั่งเข้าไปในกระดูกของเขา

ผู้ชายคนนี้ ถ้าได้ฝึกฝนเพิ่มเติมให้ดี ในอนาคตจะต้องเป็นคนฝีมือดีคนหนึ่งอย่างแน่นอน

ใช้ประโยชน์จากเวลาพักผ่อนที่หาได้ยากนี้ ฉินเทียนให้บูซานระดมทุกช่องทางและความสัมพันธ์ต่างๆ ไปพัฒนาสมาชิกใหม่

เงื่อนไขของฉินเทียนมีอยู่ 2 ประเด็น คือ หนึ่งต้องมีนิสัยหมาป่า และสองตัวจริงที่จัดการสถานการณ์ที่คับขันได้

บูซานตอบรับเงื่อนไข ทั้งช่วยฉินเทียนหามาได้ 3 คนแล้ว

คนแรกคือเถียเจี้ยง เป็นเหมือนกับอะเปิน ฆ่าคน

เถียเจี้ยงเพียงเพราะว่าลูกสาวคนเดียวของเขาถูกนายหน้าค้ามนุษย์ลักพาตัวไปขาย ภายใต้ความร้อนใจของเขา ได้ใช้หัวค้อนที่เผาให้ร้อนแดง ทุบนายหน้าค้ามนุษย์ให้เป็นเปี๊ยะหมูสับ

ตอนที่ทางตำรวจหาศพเจอ ยังได้กลิ่นของเนื้อย่างลอยมา

เถียเจี้ยงไม่ได้โชคดีอย่างอะเปิน ถูกตัดสินประหารชีวิต ก่อนที่จะขึ้นลานประหาร เขาถูกฉินเทียนขอตัวมา โดยผ่านเส้นสาย

นี้เป็นผู้ชายแข็งแกร่งแห่งซีเป่ยที่เงียบขรึมคนหนึ่ง ตีเหล็กมานาน ใบหน้าสีแดงกล่ำ มือทั้งสองข้างยิ่งสัมผัสอารมย์เหมือนกับแผ่นเหล็กยังไงอย่างนั้น

ฉินเทียนให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ให้เขาไปจัดการที่พักให้ลูกสาวและอดีตภรรยาให้เรียบร้อย

เถียเจี้ยงในตอนนั้นก็ได้คุกเข่าคำนับฉินเทียน มีเพียงแค่คำพูดหนึ่งคำ : ชีวิตนี้ของผม หลังจากนี้เป็นของคุณแล้ว

ส่วนอีกคน หลางจงเป็นชายเท้าเปล่าในเขตภูเขา

แม่ของเขาป่วยระยะสุดท้าย ไม่มีเงินที่จะรักษา หลางจงเพื่อดูแลแม่ ไม่ได้แต่งงานมาโดยตลอด

ช่วงเวลานั้น เขาทดลองสมุนไพรด้วยตัวเอง เรียนรู้เภสัชวิทยาทั่วทุกแขนงด้วยตัวเอง ทั้งชีวิตอายุขัยของแม่สามารถยืดเวลาออกไปได้อีก 10 ปี

ในพื้นที่ เขาคือลูกกตัญญูที่รู้จักกันดี

แต่เพราะว่าชิมและทดลองสมุนไพรที่หลากหลายมาหลายปี พิษในร่างกายของเขาสะสมมากเกินไป

ตอนที่ฉินเทียนหาเขาเจอ ผิวหนังทั่วทั้งตัวของเขาล้วนเป็นเป็นสีดำม่วงแล้ว กำลังขุดหลุมหน้าหลุมฝังศพของแม่ที่เสียชีวิตอย่างยากลำบาก

เขาพูดโดยใช้คำพูดของเขาเอง ทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องตาย ไม่อยากเป็นภาระใครทั้งนั้น

ฉินเทียนใช้กุ่ยเหมินสิบสาม ขจัดพิษที่อยู่ในร่างกายเขา เท่ากับว่าช่วยชีวิตเขากลับมาด้วยวิชากุ่ยเหมิน

มีหลางจงเพิ่มเข้ามา ก็สามารถแก้ไขปัญหาอีกหนึ่งอย่างหนึ่งได้ในเวลาเดียวกัน คำสาปสวรรค์เข้ามาฝึกซ้อมอยู่ที่เขตสัตว์ดุร้าย การบาดเจ็บเป็นเรื่องปกติ

ออกทำภารกิจ ก็ต้องมีเรื่องที่ไม่คาดฝันทุกรูปแบบเกิดขึ้น

หลางจงทำหน้าที่หมอประจำทีมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

คนสุดท้าย เป้นคนที่พิเศษอย่างมาก

เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง มีฉายาว่าเหมยหงเซว่

ในตอนเด็กเธอได้ถูกล่วงละเมิดจากเพื่อนบ้านได้ทิ้งบาดแผลเอาไว้ หลังจากโตขึ้นมาได้เปิดร้านตัดเสื้อ

สามีที่แต่งด้วย ภายหลังเสพติดอบายมุข กลายเป็นนักพนัน  

สามีนักพนันได้ติดสุราขโมยเงินไปดื่ม จากนั้นก็มาเอาเงินกับเธอ หากไม่ให้ก็จะใช้หมัดต่อยตีนถีบ แม้แต่เงินมัดจำที่คนอื่นจ่ายมาของร้านตัดเสื้อก็ชิงเอาไปหมด

มีครั้งหนึ่งที่หนักที่สุด สามีนักพนันหลังจากดื่มสุรามา นึกไม่ถึงว่าจะพาเจ้าหนี้ 2-3 คนเข้ามาที่บ้าน

ให้เธอจ่ายเงินที่ติดหนี้พนันอยู่

ไม่ตายอยู่ในความเงียบ ก็ต้องระเบิดความเงียบออก

เหมยหงเซว่เลือกแล้วที่จะระเบิดออกมา

เธอใช้กรรไกรที่อยู่ในมือ ปกป้องศักดิ์ศรีของตนเอง ทิ้งรอยแผลเป็นเสียที่ได้ทำผิดตลอดชีวิตให้กับนักพนัน 2-3 คนนั้น

ช่วงหลายปีที่หนีออกมา เธอได้ติดต่อพี่น้องผู้หญิงที่มีประสบการณ์เหมือนกันกับเธอ

ในครั้งนี้ เพราะว่าได้ลงโทษลูกคนรวย ผลกระทบที่ตามมาใหญ่กว่ามาก ภายใต้การไล่ล่าจากหลายฝ่าย เธอหนีมาที่หลงเจียง

การเข้ามาของเหมยหงเซว่ คนที่ดีใจที่สุดก็คือ เถียหนิงซวง เพราะว่าในที่สุดข้างในองค์กรก็มีผู้หญิงคนที่ 2 นอกจากเธอแล้ว

เธอลากเหมยหงเซว่ คำก็พี่เหมยสองคำก็พี่เหมย

เหมยหงเซว่ก็ชอบเถียหนิงซวงมากเหมือนกัน มีโอกาสก็ไปชี้แนะเธอ ผู้หญิงควรจะป้องกันตัวเองอย่างไร

จนทำให้เถียหนิงซวงที่อายุยังน้อย ดูเหมือนคนที่อายุมากแล้วอย่างไงอย่างนั้น สายตาที่มองผู้ชายในทีมล้วนไม่เหมือนเดิมแล้ว

คนที่เจ็บปวดที่สุด ก็คือสมาชิกผู้ชายในทีมเหล่านี้

ทุกๆครั้งที่เห็นอีเจี่ยนเหมยถือกรรไกรแสงสะท้อนแวววาวด้ามหนึ่งกวัดแกว่งไปมาอยู่ด้านหน้า ถงชวนและคนอื่นๆ ล้วนรู้สึกว่าหลังจากนี้ตัวเองต้องทำตัวเป็นคนดี

จนถึงตอนนี้ สมาชิกของคำสาปสวรรค์ พัฒนาจนมีสมาชิกถึง 10 คน ถ้านับรวมบูซานผู้จัดการใหญ่ที่อยู่แนวหลัง ก็คือ 11 คน

ไม่นานมานี้ คาร์ลโทรหาด้วยตัวเอง บอกว่าคณะกรรมการได้ทำการประเมินผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วมทั้งหมดแล้ว และได้ทำการระบุและประเมินเสร็จสิ้นแล้ว

หลังจากนี้ ก็คือประกาศต่อหน้าทุกคนในงานประชุมใหญ่

ซูซูให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก บินออกจากหลงเจียงกับฉินเทียนก่อนหน้าหนึ่งวัน เปลี่ยนเครื่องที่สนามบินนานาชาติ ได้มาถึงเมืองหลานเป็นเมืองแห่งแฟชั่นที่สวยสมคำล่ำลือ

คาร์ลส่งคนมารับที่สนามบินโดยเฉพาะ

พอออกมาจากสนามบิน ฉินเทียนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าถูกสะกดรอยตามแล้ว