เล่มที่ 8 บทที่ 234 พวกเรายังเหมือนตอนช่วงวัยเยาว์

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซียวหมิงจูร่ำไห้วิ่งออกจากบ้านของเซียวยวี่ แต่ไม่ได้กลับบ้าน นางวิ่งไปทางริมแม่น้ำอย่างไร้จุดหมายราวกับแมลงวันไร้หัว

มือยังกุมเสื้อที่นางตัดเย็บอย่างตั้งใจไว้ บนนั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา มีรอยน้ำตาที่เปียกจนเป็นสีเทาเข้มบริเวณกว้าง

เขามีสิ่งที่ดีแล้ว!

เซียวหมิงจูที่เดิมทีพึงพอใจในเสื้อตัวนี้มาก ตอนนี้กลับรู้สึกรังเกียจยิ่งนัก นางทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อทำเสื้อใหม่ให้เซียวยวี่ แต่เซียวยวี่กลับไม่ชายตามองด้วยซ้ำ

แววตาเย็นชานั่น เหมือนใช้น้ำเย็นหนึ่งอ่าง เหยียบย่ำหัวใจที่ร้อนรุ่มของนาง

เซียวหมิงจูหาสถานที่ที่ไม่มีคน กอดเสื้อร่ำไห้อย่างหนัก เสียใจถึงขีดสุด

ไม่เห็นเลยว่ามีคนผู้หนึ่งตามอยู่ด้านหลังนางตลอด เดินวนเวียนไปมา ลังเลไม่กล้าเดินขึ้นหน้า จวบจนเซียวหมิงจูหยุดร้องไห้ กอดเสื้อนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ด้วยอาการเหม่อลอย เงาของคนด้านหลังจึงเคลื่อนไหว รีบสาวเท้าเดินมาถึงตรงหน้าเซียวหมิงจูอย่างรวดเร็ว ก่อนกล่าวด้วยความสงสาร “หมิงจู เจ้าเป็นอะไรไป? ”

เซียวหมิงจูเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน ดวงตาที่ร่ำไห้จนบวมแดง เห็นเซียวหยวนที่ย่อตัวอยู่ตรงหน้านางด้วยสีหน้าวิตกกังวล

เซียวหยวนแสดงสีหน้าเจ็บปวดใจ รูปลักษณ์ที่ดูธรรมดาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ เซียวหมิงจูเม้มริมฝีปากมองเขาครู่หนึ่ง ภายในใจรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งกว่าเดิม กอดเข่าทั้งคู่ของตัวเองร่ำไห้อย่างหนัก

เซียวหยวนที่อยู่ข้างๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี คิดอยากปลอบโยนเซียวหมิงจู ยื่นมือออกไปก่อนชักมือกลับ ทำอย่างนี้ซ้ำอยู่หลายรอบ เมื่อเห็นเซียวหมิงจูร่ำไห้อย่างเศร้าโศกเสียใจ สุดท้ายเซียวหยวนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป วางมือไว้บนไหล่มนที่สั่นเทิ้มของเซียวหมิงจู เอ่ยเรียกด้วยความสงสาร “หมิงจู หมิงจู…”

เซียวหมิงจูเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่โตเป็นสีแดงระเรื่อ เซียวหยวนเห็นแล้วหัวใจแทบสลาย

“ทำไมเขาถึงไม่ชอบข้า? ”

“เขา…” เซียวหยวนผงะไป ก่อนเอ่ยถามออกมา

เซียวหมิงจูไม่เห็นแววตาของเซียวหยวนที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ยังคงเอาแต่เศร้าโศกเสียใจ “ทำไมพี่อายวี่ถึงไม่ชอบข้า? ทำไมเขาต้องชอบนางจิ้งจอกนั่น ข้าสู้นางไม่ได้ตรงไหน? นอกจากนางจะรูปลักษณ์หน้าตางดงามแล้ว ยังมีอะไรที่เทียบข้าได้อีก? ”

เซียวหยวนเข้าใจแล้ว

“เขาไม่เข้าใจจิตใจของเจ้า เจ้าดีถึงเพียงนี้ ต้องมีบุรุษที่ดียิ่งกว่าชอบเจ้าแน่นอน! ”

“บุรุษที่ดียิ่งกว่า? ” เซียวหมิงจูหัวเราะอย่างหยามเหยียดพร้อมกล่าว “บนโลกใบนี้จะยังมีบุรุษที่ดียิ่งกว่าได้อย่างไร ใครก็ไม่อาจเทียบกับพี่อายวี่ของข้าได้! ”

สีหน้าของเซียวหยวนพลันแข็งทื่อ กลับยังคงปลอบประโลม “เด็กโง่ สักวันหนึ่งเขาต้องเห็นความดีของเจ้าแน่! ”

เซียวหมิงจูเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่โตประหนึ่งผลซิ่งบวมแดงนานแล้ว “เขาจะเห็นความดีของข้างั้นหรือ? ”

“แน่นอน เจ้าทั้งงดงามทั้งจิตใจดี เขาต้องเห็นความดีของเจ้าแน่! ” เซียวหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจสายน้ำ

เพราะคำพูดประโยคนี้ ความรังเกียจที่เซียวหมิงจูมีต่อเซียวหยวนพลันมลายหายไปจนสิ้นในเสี้ยววินาทีนั้นเอง กลับเกิดความรู้สึกว่าเขาเข้าใจข้า เขาสงสารและทะนุถนอมข้า ความรู้สึกนี้ทำให้นางรู้สึกสบายใจมาก สบายใจจนทำให้นางอยากใกล้ชิดกับเซียวหยวนมากขึ้นเล็กน้อย

“พี่อาหยวน มีแต่ท่านที่รู้ถึงความดีของข้า! ” น้ำเสียงของเซียวหมิงจูอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย

เซียวหยวนแย้มรอยยิ้ม มือคู่ออกแรงเล็กน้อย บีบไหล่มนของเซียวหมิงจูเบาๆ พร้อมกล่าวด้วยความเอ็นดู “เด็กโง่ เดิมทีเจ้าก็ดีอยู่แล้ว! ”

เซียวหมิงจูไม่ผอม และไม่อ้วน หัวไหล่มนกลม

อาจเพราะไม่มีความรู้สึกกีดกันต่อเซียวหยวนแล้ว เซียวหมิงจูจึงเริ่มพูดคุยกับเซียวหยวน ราวกับว่าได้ค้นพบคนที่สามารถระบายความในใจได้ในที่สุด เซียวหมิงจูบอกเล่าความรักและความชื่นชมที่ตนเองมีต่อเซียวยวี่ให้เซียวหยวนฟังทั้งหมด

เซียวหยวนฟังเงียบๆ คอยพูดแทรกหนึ่งถึงสองประโยคเป็นครั้งคราว ให้กำลังใจเซียวหมิงจูให้กล่าวต่อ ทั้งสองคนนั่งอยู่ข้างนอก นั่งจนพระอาทิตย์ตกดิน คุยกันจนปากแห้ง ท้องก็หิวแล้ว หันมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ก่อนมองเซียวหยวนที่อยู่เป็นเพื่อนตัวเองมาตลอดช่วงบ่ายแต่กลับไม่บ่นแม้แต่คำเดียว เซียวหมิงจูมีความรู้สึกดีต่อเขามากขึ้นทันที “พี่อาหยวน ขอบคุณท่านมาก รบกวนเวลาท่านมาตลอดช่วงบ่ายแล้ว”

เซียวหยวนยิ้มก่อนกล่าว “รบกวนอะไรกัน ได้พูดคุยกับเจ้านานขนาดนี้ ข้ารู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงที่พวกเรายังเยาว์วัย…” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง แหงนหน้ามองต้นหวายที่เต็มไปด้วยใบหนาทึบเหนือศีรษะพวกเขา “ข้าจำได้ว่าตอนเด็ก พวกเรามักจะเล่นกันอยู่ใต้ต้นไม้ เจ้าอยากขึ้นต้นไม้ไปเก็บรังนก ข้าบอกว่าข้าไปเอง เจ้าก็ไม่ฟัง จะไปเองให้ได้ พวกเราจึงมีปากเสียงกันอยู่ใต้ต้นไม้ เหมือนตอนนี้เลย! ”

เซียวหมิงจูหัวเราะ “พรืด” ก่อนกล่าว “นั่นสิ ตอนนั้นข้าดื้อมากทีเดียว ตัวเองดื้อก็ยังไม่เท่าไร ยังทำให้ท่านบาดเจ็บอีก ต้องขอโทษจริงๆ”

เซียวหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจสายน้ำ “ข้ากลับอยากจะย้อนเวลากลับไปตอนพวกเรายังเป็นเด็ก ตอนเด็กพวกเราอยู่ด้วยกัน จูงวัวขึ้นเขา ลงน้ำจับปลาทุกวัน มีความสุขถึงเพียงนั้น…”

เขาแสดงสีหน้าเหมือนกำลังย้อนนึกถึงอดีต ราวกับว่าได้ย้อนกลับไปยังวันวานสมัยเยาว์วัยแล้วอย่างไรอย่างนั้น

เซียวหมิงจูเองก็จมดิ่งสู่ความทรงจำในช่วงวัยเยาว์เช่นกัน ก่อนหันมองเซียวหยวนอีกครั้ง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง

“นี่ก็สายมากแล้ว เจ้าไม่ได้กลับบ้านมาตลอดช่วงบ่าย ท่านลุงสี่และท่านป้าสี่น่าจะกำลังเป็นห่วง ข้าส่งเจ้ากลับบ้านแล้วกัน! ” เซียวหยวนลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าว

เซียวหมิงจูพยักหน้า นางเช็ดคราบน้ำตาที่แห้งไปแล้ว “ได้ ข้าล้างหน้าก่อน”

นางคิดจะลุกขึ้น แต่จู่ๆ ก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ ตัวเซจนล้มกองบนพื้น เซียวหยวนเห็นดังนั้น ไม่มีแก่ใจจะสนใจเรื่องชายหญิงแตกต่าง รีบเดินขึ้นหน้าสองก้าวไปโอบเซียวหมิงจูไว้ในอ้อมอก

ความอ่อนนุ่มของสตรีแนบติดกับอกที่แข็งแรง แววตาเซียวหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ความเปลี่ยนแปลงนั่นก็หายไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความเป็นห่วงและอ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้ “หมิงจู เจ้าเป็นอะไรไป? ”

เซียวหมิงจูนวดคลึงหน้าผากตนเอง ก่อนกล่าวด้วยความรู้สึกเก้อเขิน “น่าจะเพราะไม่ได้กินข้าว จึงหิวเกินไป”

เซียวหยวนแสดงสีหน้าอ่อนใจ “เจ้านี่นะ ยังเหมือนกับตอนเด็ก ดีทุกอย่าง แต่ไม่รู้จักรักตัวเอง”

ภายในใจเซียวหมิงจูรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

“เจ้าอย่าเพิ่งขยับ มีผ้าเช็ดหน้าติดตัวหรือไม่? ”

เซียวหมิงจูบอกว่ามี ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อตัวเอง เซียวหยวนนำผ้าเช็ดหน้าไปชุบน้ำที่ริมแม่น้ำ จากนั้นจึงยื่นส่งให้เซียวหมิงจูอย่างเอาใจใส่ “มา เจ้าเช็ดหน้าก่อน”

เมื่อเห็นท่าทางระมัดระวังของเซียวหยวน ภายในใจเซียวหมิงจูรู้สึกเศร้าสลดยิ่งนัก

หากคนที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้เป็นพี่อายวี่คงดีไม่น้อย!

แววตาเซียวหมิงจูพลันมืดหม่น ดีที่ตอนนี้เซียวหยวนไปซักผ้าเช็ดหน้าอีกครั้ง จึงไม่ทันเห็น

ทั้งสองคนล้างหน้าเสร็จแล้วจึงกลับบ้าน ระหว่างทางกลับ เซียวหยวนเฝ้ามองเซียวหมิงจูอย่างระมัดระวัง เฝ้าสังเกตสีหน้าของนางอยู่ตลอด ตลอดทางกลับ เขาคอยบอกกล่าวให้เซียวหมิงจูระวังทางเดินด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอยู่เป็นระยะ ช่วงเวลาที่เหลือก็นิ่งเงียบไม่กล่าวอะไร คอยดูแลสภาวะจิตใจของเซียวหมิงจู

ท่าทางระมัดระวังนั่น ทำให้เซียวหมิงจูรู้สึกดียิ่งนัก

ท่านป้าสี่และท่านลุงสี่อยู่ที่บ้านร้อนใจจนแทบเสียสติ

ตอนเที่ยงบุตรสาวไม่ได้กลับมากินข้าว พวกเขาคิดว่าไม่มีอะไร คิดว่าบุตรสาวน่าจะไปส่งผ้าเช็ดหน้าในตัวเมือง

แต่ตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมา นางก็ยังไม่กลับบ้าน ผู้สูงวัยสองคนจึงเกิดความร้อนใจ หมิงจูไม่เคยกลับบ้านสายถึงเพียงนี้มาก่อน หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างทาง?

ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว ท่านลุงสี่กำลังจะพุ่งพรวดไปยังลานหลังบ้านเพื่อควบเกวียนเทียมวัวไปตามหา

เพิ่งเดินถึงประตู เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านนอก

ท่านป้าสี่พุ่งพรวดออกไปด้านนอก “หมิงจูกลับมาแล้ว…”