บทที่ 134
ทันใดนั้นเอง พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์องค์นั้นก็ปล่อยแสงสีแดงออกมา นักพรตเต๋อหลงส่งเสียงตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว สีหน้าตื่นตะลึง
“เป็นพระพุทธรูปโพธิสัตว์ที่พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีเป็นคนเบิกเนตรให้หรือนี่!”
“พระกษิติครรภ์นั่งเป็นประธานในนรก ถ้ามีพระสำริดนี้ไว้ในครอบครอง ก็จะขจัดปัดเป่าภยันตรายทุกอย่างให้กับบ้านได้”
ประโยคนี้ ทำให้ทุกคนตาโตไปตามกัน มีหวางไต้ซือที่ไล่ผีคนหนึ่งได้ก็ทำให้เจ้าสัวทั้งหลายนับถือราวกับเป็นเทพเจ้า ถ้าหากว่าอัญเชิญพระโพธิสัตว์องค์นี้กลับบ้านไป ก็เหมือนกับการมีไต้ซือนั่งปัดเป่าภัยร้ายได้ในบ้านเลยน่ะสิ!
มีประสบการณ์จากครั้งก่อน ครั้งนี้ทุกคนไม่ได้แย่งกันแล้ว ล้วนรอคอยของล้ำค่าอย่างที่สาม
สวีตงฮ่านยิ้มชื่นชมว่า “นักพรตเต๋อหลงฉลาดหลักแหลม ที่กล่าวมาเป็นความจริงทั้งหมด!”
นักพรตเต๋อหลงก็มีใบหน้าภูมิใจ แล้วก็มองไปยังของล้ำค่าอย่างที่สาม
เพียงแต่ว่า ครั้งนี้นักพรตเต๋อหลงดูชักช้ากว่าก่อน เดินวนหินหยกปากว้าไปสามรอบเต็มๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา สีหน้าก็หนักใจ
“เปิด!”
นักพรตเต๋อหลงใช้วิธีเดิม แต่ว่า ครั้งนี้ไม่ได้เกิดพลังอะไรขึ้นมาเลย หินหยกปากว้าก็ถูกวางอยู่นิ่งๆ ในกล่องไม้เหมือนเดิม
นักพรตเต๋อหลงส่ายหัว “ขออภัยที่ผมมีสายตาไม่ดีพอ หินหยกปากว้าอันนี้ ผมมองไม่ออกจริงๆ ว่ามีอะไรพิเศษ น่าจะเป็นของโบราณธรรมดาๆ”
ทุกคนก็เสียดาย แล้วก็ไม่สนใจหินหยกปากว้า สายตามาจ้องมองของอีกสองสิ่งแทน
สวีตงฮ่านหัวเราะดัง “นักพรตเต๋อหลงกล่าวผิดไปแล้ว ของสามสิ่งที่ผมเอามาในวันนี้ มีค่าที่สุดก็คือหินหยกปากว้าอันนี้ ตอนนี้ผมขอเชิญชิวไต้ซือมาแสดงให้ทุกท่านชม!”
ทุกคนก็สนใจ แล้วมองไปยังสวีตงฮ่าน
สวีตงฮ่านก็หันไปพูดกับชายอ้วนข้างๆ อย่างมีมารยาทว่า “เชิญชิวไต้ซืออธิบายทีครับ!”
ชิวอู๋มิ่งยิ้มเบาๆ แล้วมองไปยังทุกคน จากนั้นค่อยๆ เดินเข้าไป ยิ้มตาหยีใส่นักพรตเต๋อหลง แล้วพูดประชดว่า “วิชายังอ่อนไป ต่อไปก็อย่าออกมาให้อับอายนะ”
ประโยคเดียว ทำเอานักพรตเต๋อหลงโมโหจนหน้าแดง แล้วพูดอย่างโกรธๆ ว่า “ชิวไต้ซือใช่ไหม? ผมไม่เคยได้ยินคนชื่อนี้มาก่อนเลย”
ชิวอู๋มิ่งส่งเสียงไม่พอใจ “นั่นก็เพราะว่าคุณตกข่าวเอง”
นักพรตเต๋อหลงพูดเสียงเย็นว่า “เหอะ ผมไม่อยากจะมาเถียงด้วยหรอก คุณทำให้ราคาของหินหยกปากว้าอันนี้มันสูงกว่าของอีกสองสิ่งได้ก่อนค่อยว่ากัน!”
ชิวอู๋มิ่งหัวเราะ “มันจะมีอะไรยาก?”
เอามือจับคาง แล้วชิวอู๋มิ่งก็ยื่นมือไปแตะ พลังทิพย์ที่มากกว่านักพรตเต๋อหลงหลายสิบเท่าถูกส่งเข้าไปในหินหยกปากว้า
ฮึ่ม!
เสียงดังขึ้น หินหยกปากว้าที่เดิมทีนั้นนิ่งเงียบสงบ ก็เกิดเป็นแสงสว่างจ้าขึ้นมา เคลื่อนไหวดั่งคลื่นน้ำ
ความอบอุ่นไหลเข้ามาในตัวของทุกคน ซึมซาบไปยังทุกส่วนของร่างกาย
พลังที่ไหลออกมามันอ่อนมาก แต่กลับทำให้คนรู้สึกสบายตัว ราวกับเป็นอ้อมกอดของแม่ในวัยเด็ก ทำให้คนยากจะหลุดพ้นออกมาได้
ไม่นาน แสงบนหินหยกปากว้าก็หายไป แล้วกลับไปเป็นสภาพเดิม
เพียงแต่ว่า ทุกคนก็ยังไม่ได้สติจากความรู้สบายเมื่อครู่นี้ ล้วนมีสีหน้าสบายตัวกันหมด
นักพรตเต๋อหลงได้สติก่อนใคร แล้วก็พูดอย่างยอมแพ้ต่อชิวอู๋มิ่งว่า “ที่แท้ท่านก็คือไต้ซือผู้บรรลุนิพพานนี่เอง ผมสายตาไม่ดีเอง เมื่อครู่เสียมารยาทไป ต้องขอให้ผู้อาวุโสอภัยให้ด้วย!”
ชิวอู๋มิ่งส่งเสียงไม่พอใจ “พละกำลังอันเล็กน้อยของคุณ กลับไปฝึกอีก30ปีเถอะ จะได้ไม่ต้องออกมาให้อับอายคนอื่นเขา!”
นักพรตเต๋อหลงทั้งอายทั้งโกรธ แต่ก็สู้ไม่ได้จริงๆ ได้แต่อดกลั้นไป สีหน้าอับอายถอยไปอยู่ข้างๆ
ชิวอู๋มิ่งก็กวาดสายตามองเจ้าสัวทุกคนที่ได้สติกันกลับมาแล้ว จากนั้นก็พูดนิ่งๆ ว่า “นี่คือเครื่องรางอย่างหนึ่ง ถ้าพกติดตัวเป็นเวลานาน สามารถช่วยเรื่องสุขภาพได้ ช่วยให้อายุยืนยาว ดีกว่าลูกปัดฟื้นสติเม็ดนั้นเป็น10เท่า!”