“นี่คงจะเป็นงานพบปะเพื่อนเก่าล่ะสิ” ชิงหลวนอดบ่นไม่ได้ ทำไมทุกคนถึงมารวมตัวกันที่นี่ ทั้งๆที่นางต่างหากที่ชวนหลิวหลีมาที่นี่
“เฟยเผิง หยวนเทียน พวกเจ้าทั้งสองคนมาที่นี่ทำไม” ชิงหลวนรู้สึกไม่พอใจน้อยๆ น้ำเสียงไม่น่าฟังนัก
“ชิงหลวน ข้าอยากจะมาพบหลิวหลีเพื่อประลองฝีมือ เจ้าตำหนักชิงเฟิ่งบอกกับข้าว่า อีกไม่กี่วันเจ้าจะพาหลิวหลีมาที่โลกอสูร ข้าเลยมารออยู่ที่นี่” เฟยเผิงอธิบาย
“ชิงหลวน หยวนหวงบอกกับข้าว่าเจ้าพาเพื่อนมาด้วย ข้านึกได้ว่าตอนนั้นเจ้าไปกับหลิวหลี ดังนั้นเพื่อนของเจ้าคงเป็นหลิวหลี เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีคนที่สนิทอยู่ในโลกอสูร” หยวนเทียนกล่าว ชิงเฟิ่งที่ฟังอยู่ข้างๆกระตุกปากน้อยๆ ทั้งที่มีคนตั้งหลายคนอยากจะเป็นเพื่อนเจ้า แต่ใบหน้าของเจ้ากั้นขวางคนต้องถอยห่างไปพันลี้ คนละเรื่องราวพลิกฝ่ามือ
“ชิงหลวน” ชิงเฟิ่งส่งสายตาตักเตือนชิงหลวน
“สหายเฟยเผิง การประลองคงไม่จำเป็นหรอก พลังบำเพ็ญเพียรห่างกันถึงช่วงพลังหนึ่งอย่างไรเจ้าก็เอาชนะข้าไม่ได้” หลิวหลีแสดงเจตนาไม่ต้องการจะประลอง บอกอีกฝ่ายอย่างชัดเจนถึงพลังที่ต่างกันตั้งมาก อย่าฝันหวานเลย จำต้องยอมรับว่าคำพูดของหลิวหลีค่อนข้างจะโหดร้าย ทำให้เฟยเผิงสะเทือนใจไม่น้อยทีเดียว
“หยวนเทียน”
“เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าไม่ได้มาหาเจ้าเพื่อท้าประลองแต่ข้าแค่มากล่าวคำทักทายเฉยๆ” หยวนเทียนบอกอีกฝ่ายว่าเขาแค่มาทักทายเท่านั้น
“ถ้าเช่นนั้น อยากออกไปผจญภัยกับข้าหรือไม่ ข้ามีแผนที่อยู่พอดี เป็นอาณาเขตโลกอสูร ไปดูกันว่าเป็นของจริงหรือเปล่า” หลิวหลีโบกแผนที่ในมือไปมา
“ได้สิ” หยวนเทียนไม่มีปัญหา
“ผจญภัยหรือ ดีเลย” ชิงหลวนรู้สึกว่าสิ่งที่จะทำนี้ไม่เลวเลย
“อะแฮ่ม ข้าจะขอเข้าร่วมด้วยได้หรือไม่” เฟยเผิงแบกหน้าเปิดปากพูดก่อน
“ได้” หลิวหลีแสดงท่าทีอนุญาติ มีทั้งทะเล บก อากาศ พอดี ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่แบบไหนก็ไม่ต้องกลัวแล้ว
“ข้าขอดูแผนที่หน่อยจะได้หรือไม่” ชิงเฟิ่งถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ได้” หลิวหลีส่งแผนที่ให้ นี่คือข้อสรุปของนางกับหนานกงเวิ่นเทียนพอดี เพราะอย่างไรพวกเขาก็ไม่คุ้นเคยกับโลกอสูร ไม่สู้ชวนไปผจญภัย ไปตามหาด้วยกันจะดีกว่า
ชิงเฟิ่งรับแผนที่จากอีกฝ่าย ก่อนจะพบว่าถึงจะเป็นพื้นที่ใดก็ไม่อาจล่วงรู้ แต่ไม่ได้ถือเป็นสถานที่อันตราย หลงทางประมาณไม่กี่เดือนก็น่าจะหาทางออกได้
“พวกเจ้าไปเถอะ ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นสถานที่ใด แต่ไม่ได้อันตรายนักหรอก” ชิงเฟิ่งคืนแผนที่ให้หลิวหลี
“หลิวหลี พวกเราจะไปที่ไหนกัน?” ชิงหลวนชะโงกหน้ามา และตามมาด้วยหยวนเทียนกับเฟยเผิง
“เขาจู้หรง” ชิงหลวนเอ่ยกับเฟยเผิง
“ไม่แน่ใจเท่าไหร่ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามายังโลกอสูร เรื่องนำทางคงต้องยกหน้าที่ให้เจ้าถิ่นอย่างพวกเจ้า” หลิวหลีออกตัววว่านางก็ไม่รู้เรื่อง นางเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนัก
“เขาจู้หรง ถ้าเข้าไปที่นั่นจะต้องหลงทางแน่ๆ จะต้องวนอยู่อย่างนั้นหลายเดือนถึงจะออกมาได้แถมยังไม่ได้อะไรกลับมาด้วย หลิวหลีอย่าไปเล่นที่นั่นเลย” ชิงหลวนชี้ให้นางเห็นว่าสถานที่ที่จะไปนั้นไม่น่าไปนัก ควรจะเปลี่ยนเป็นที่อื่น
“ไปที่นี่เถอะ อย่างมากก็อยู่ไม่กี่เดือนก็ออกมาแล้ว แผนที่นี้ดูเหมือนจะเป็นของจริง ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะได้อะไรกลับมาไม่น้อย” หลิวหลีพูดทีเล่นทีจริง ช่างน่าขันที่นี่คือที่อยู่ของเพลิงดวงใจพสุธา ที่นางต้องการเป็นอย่างมาก อีกทั้งแผนที่นี้ หม้อสามขาเทียนสิงเป็นคนให้มาต้องเป็นของจริงแน่นอน และที่สำคัญเลยก็คือ ภูเขาลูกนี้มีชื่อว่าเขาจู้หรง จู้หรงเป็นใคร? นั่นมันเทพอัคคีในตำนานเชียวนะ เทพอัคคีแปลว่าจะต้องมีเพลิงอัคคีอยู่แน่นอน!
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ หลิวหลี” ในเมื่อหลิวหลีอยากไป ก็พานางไปด้วยแล้วกัน แต่ถ้าไม่สนุกขึ้นมาล่ะก็ นางจะเลิกเล่นทันที
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าตำหนักชิงเฟิ่ง ขอตัวก่อน” หลิวหลีกล่าวลาผู้อาวุโสอย่างมีมารยาท ก่อนจะเริ่มออกเดินทางตามล่าหาสมบัติภายใต้การนำทางของชิงหลวน
ระหว่างทางเฟยเผิงกับหลิวหลีมักจะพูดคุยกันเรื่องการบำเพ็ญเพียร ส่วนหยวนเทียนกับหนานกงเวิ่นเทียนจะพูดแทรกขึ้นบ้างบางครั้ง และได้ชิงหลวนช่วยพูดเสริม ทำให้บรรยากาศค่อนข้างจะสงบสุขราบรื่น
“หลิวหลีบอกได้หรือไม่ว่าตอนนี้พลังบำเพ็ญเพียรของเจ้าอยู่ในช่วงไหน?” เฟยเผิงอดไม่ได้ที่จะถามคำถามที่หากเขาได้ยินคำตอบแล้วอาจจะใจสลาย
“บอกเจ้าก็ได้ ช่วงชำระล้างระยะกลาง”
“ใช่จริงๆด้วย” เป็นความสะเทือนใจขนานใหญ่ เขาต้องเป็นบ้าขนาดไหนถึงขั้นจะขอประลองกับคนที่ระกับพลังต่างกันขนาดนี้ ไม่ประมาณฝีมือของตัวเองเลยจริงๆ
“หลิวหลี เจ้าอยู่ไม่ไกลการบรรลุเป็นเซียนแล้ว” ชิงหลวนกล่าว
“ใกล้กว่าพวกเจ้า” หลิวหลีพยักหน้าเพื่อบอกว่านางเองก็คิดเช่นนั้น
“แล้วสหายหนานกงล่ะ?” เฟยเผิงลองถามหนานกงเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างๆ เขาก็ช่างลึกลับไม่อาจคาดเดาได้เช่นกัน
“ช่วงชำระล้างระยะต้น” หนานกงเวิ่นเทียนตอบ
สองสามีภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งงานคู่นี้เหนือมนุษย์ทั้งคู่
“หลิวหลี ครั้งนี้โชคดีที่เจ้ามา ตอนที่เจ้าจะออกไปพาข้าไปด้วย ข้าไม่ชินกับการอยู่ในโลกอสูร” หยวนเทียนพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้
“หยวนหวงไม่ดีกับเจ้าหรือ?” ชิงหลวนถาม นางได้ยินมาว่า หยวนหวงปฏิบัติกับหยวนเทียนราวกับเขาเป็นลูกชายแท้ๆเลยทีเดียว
“ดีมาก พูดได้ว่าดีมากจริงๆ เพียงแต่ข้าคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตที่นั่น ไม่ชินกับที่นี่ ถึงแม้ที่นี่จะดีอย่างไร ข้าก็ไม่ชิน ข้ายังมีพี่น้องของข้าที่รอให้ข้ากลับไปดูแล” หยวนเทียนแสดงบอกว่าเขาเองยังมีเพื่อนพี่น้อง ไม่อาจย้ายมาที่นี่แล้วทิ้งพี่น้องที่ร่วมสู้ฝ่าฟันกันมาได้
“แล้วถึงตอนนั้นข้าจะไปกับเจ้าเอง” หลิวหลีกล่าว
“ได้” หยวนเทียนพยักหน้าตอบตกลง
ภายใต้การนำทางของชิงหลวนกับเฟยเผิง ไม่นานก็มาถึงบริเวณรอบนอกเขาจู้หรง
“ที่นี่ก็คือเขาจู้หรง อากาศค่อนข้างร้อน” ชิงหลวนกล่าว
“คงจะไม่ได้มีภูเขาไฟใช่ไหม” หยวนเทียนกล่าวถาม
“อาจ- ไม่มี หลายปีมานี้มีคนเข้าออกก็มาก แต่ก็ไม่มีใครเห็นภูเขาไฟที่นี่” เฟยเผิงพูดพลางส่ายหัว แต่ก็ไม่มีใครรู้คำตอบเช่นกันว่าทำไมที่นี่ถึงได้ร้อนขนาดนี้
“ไม่แน่อาจจะมี แต่ว่าถูกปิดเอาไว้ หรือไม่ก็มีม่านมายา จู้หรงเป็นถึงเทพอัคคีบรรพกาล ในเมื่อใช้ชื่อเขามาตั้งชื่อภูเขา ก็อาจจะมีก็ได้” หลิวหลีเดาแบบทีเล่นทีจริง
“ก็อาจจะจริง” หนานกงเวิ่นเทียนเองก็เดาตาม
“หลิวหลี เจ้าอย่าบอกข้านะว่านี่เป็นเพราะว่าเจ้านึกสนุกอยากจะตามหาสมบัติ ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก” หยวนเทียนกล่าว
“ข้ามาหาสมบัติจริงๆ เพียงแต่สมบัติชิ้นนี้ เป็นสิ่งที่ข้าจะต้องได้มันมาครองให้ได้” หลิวหลีแสดงออกว่าเพลิงอัคคีอันล้ำค่านี้ต้องตกเป็นของนาง
“หลิวหลี เจ้าอย่ามัวแต่อ้อมค้อมอยู่เลย” ชิงหลวนเอ่ยอย่างร้อนรน
“เอาเถอะ ในเมื่อเรื่องมาถึงตอนนี้ ข้าก็จะไม่ปิดบังพวกเจ้า รางวัลที่ได้จากหม้อสามขาเทียนสิงจะเกี่ยวกับการเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียรใช่หรือไม่” เฮ้อ บอกพวกเขาก็ได้
“ใช่แล้ว” สามคนที่เหลือพยักหน้า พวกเขาใช้รางวัลจากหม้อสามขาเทียนสิงแล้วพลังบำเพ็ญเพียรก็เพิ่มขึ้นมา หนานกงเวิ่นเทียนถอนหายใจ นังหนูคนนี้
“ของข้าก็เช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้มาโต้งๆแบบพวกเจ้า แต่จำต้องหาด้วยตัวเอง” เฮ้อ นี่คือส่วนที่ทำให้นางละเหี่ยใจ ให้เพลิงอัคคีนางมาเลยไม่ได้หรืออย่างไร
“ตามหาเองหรือ?” ชิงหลวนทวน ใบหน้าของเขาสับสน
“เพลิงอัคคี คือเพลิงอัคคีใช่หรือไม่” เฟยเผิงโพล่งออกมา เขานึกออกแล้ว หลงหลิวหลีฝึกคัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณอันลือชื่อ จำเป็นต้องใช้เพลิงอัคคีในการบรรลุช่วงพลัง ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาจู้หรงจะต้องมีเพลิงอัคคีอยู่แน่
“พี่เฟยเผิง ท่านพูดถูกแล้ว นี่คือจุดประสงค์การเดินทางครั้งนี้ของข้า แต่ข้าไม่ค่อยแน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากพวกเจ้าจะถอนตัวตอนนี้ก็ยังทัน” หลิวหลีกล่าว
“ถอนตัวหรือ ข้าต้องไปตามล่าสมบัติพร้อมหลิวหลีอยู่แล้ว” หยวนเทียนบอกชัดเจนว่าเขาย่อมต้องติดตามหลิวหลี เขาไม่อยากจะไปพบหน้าเศร้าสร้อยยามมองตนเองของหยวนหวงอีกแล้ว อึดอัดจะตาย
“ข้าเป็นคนนำทาง หากไม่มีข้านำทาง เจ้าจะเดินทางในเขาจู้หรงได้อย่างไร” ชิงหลวนเองก็แสดงท่าทีว่าตนเองจะไม่ยอมถอยเช่นกัน เรื่องน่าสนุกตื่นเต้นขนาดนี้ จะขาดนางได้อย่างไร
“หากหลิวหลีไม่รังเกียจ ข้าก็อยากจะเห็นเพลิงอัคคีบ้าง” เฟยเผิงตัดสินใจจะตามไปด้วยเพราะเห็นแก่ความเป็นคนตรงของหลงหลิวหลี
“ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีทางให้หันหลังกลับแล้วนะ” หลิวหลีพูดกึ่งล้อเล่น
“ไม่ต้องเป็นห่วง แต่หลิวหลีทำไมเจ้าถึงไม่ถามท่านพี่หนานกงล่ะ?” ชิงหลวนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปที่หนานกงเวิ่นเทียน โดยตั้งใจยียวนอย่างเห็นได้ชัด
“เสี่ยวเทียนหรือ? เขาต้องไปกับข้าอยู่แล้ว” หลิวหลีตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติ เขาเป็นคู่หมั้นของนางก็จะต้องอยู่กับนางสิ
“หลิวหลี บางครั้งข้าก็สงสัยว่าเจ้าเป็นอสูร เจ้าช่างเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมานัก” เฟยเผิงพูดด้วยความสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลิ่นอายอสูรเทพโบราณบนตัวอีกฝ่าย
“เรื่องนั้นน่ะหรือ ไม่มีอะไรสักหน่อย เฟยเผิง เจ้าสงสัยใช่ไหมว่าทำไมตัวข้าถึงมีกลิ่นอายของอสูรเทพโบราณ”
สีหน้าเฟยเผิงกระดากน้อยๆ ถูกรู้เข้าจนได้
“เอาเถอะ บอกเจ้าไปก็คงจะไม่เป็นอะไร ข้าเคยได้รับคำอวยพรจากอสูรเทพบรรพกาลทั้งห้าจากแดนลี้ลับในโลกอสูรเทพ จะให้พูดว่าอย่างไรดีล่ะ ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่อสูรเทพ แต่ก็มีกลิ่นอายและพลังอำนาจของอสูรเทพ” หลิวหลีอธิบาย
คงจะไม่มีใครโชคดีแบบนี้อีกแล้ว เฟยเผิงนึกถึงคำพูดของพี่ใหญ่คุนของเขา คนผู้นี้เป็นผู้มีบุญ หากได้เป็นเพื่อนกับคนผู้นี้ โชคดีจะหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราควรออกเดินทางได้แล้วกระมัง แผนที่นี้แตกต่างไปจากเขาจู้หรงที่พวกเราเคยหลงทาง” ชิงหลวนพินิจมองแผนที่โดยละเอียดแล้วพูดขึ้น
“ออกเดินทางกันเถอะ”
ในอีกฟากชิงเฟิ่งยังนึกถึงแผนที่ตามล่าสมบัติของหลิวหลี หลงหลิวหลีคงจะไม่อยู่ดีๆก็นึกสนุกตามล่าหาสมบัติแน่ หรือที่เขาจู้หรงจะมีสมบัติอยู่จริงๆ ก็ไม่น่าใช่ หากว่ามีสมบัติอยู่จริงๆล่ะก็ คงจะมีอสูรหาเจอไปนานแล้ว เพราะในแต่ละปีก็มีคนเข้าไปในเขาจู้หรงเป็นจำนวนมาก เดี๋ยวนะ นี่เป็นครั้งแรกที่หลงหลิวหลีมาที่โลกอสูร แต่กลับมีแผนที่ล่าสมบัติของโลกอสูร ชิงหลวนเคยบอกว่า 60 ปีมานี้หลงหลิวหลีไม่เคยออกไปไหน แล้วนางได้แผนที่นี้มาจากไหน จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยจริงๆ ชิงเฟิ่งกุมขมับ เดี๋ยวนะ ใช่รางวัลจากการจัดอันดับผู้ถูกเลือกหรือเปล่า เขาจู้หรง เพลิงไฟ หรือจะเป็นเพลิงอัคคี ชิงเฟิ่งตื่นตกใจกับการคาดเดาของตัวเอง
………………..