ตอนที่ 189 ดาวหมาป่าสวรรค์ปรากฏ

แม่ครัวยอดเซียน

“ไป๋ลู่ ไปเชิญเจ้าตำหนักใหญ่แห่งตำหนักคุนเผิงกับหยวนหวงแห่งตำหนักราชาพสุธามา บอกพวกเขาว่าข้ามีเรื่องจะปรึกษา” ชิงเฟิ่งครุ่นคิดแล้วสั่งให้ไป๋ลู่ไปเรียกพวกเขา

ณ ตำหนักคุนเผิง หลังจากที่คุนได้ยิน เขาก็พยักหน้า

“บอกชิงเฟิ่งว่าเดี๋ยวข้าจะไป” คุนกล่าว ชิงเฟิ่งช่างจินจนาการคิดไปเอง การได้มาถือเป็นโชคดี การเสียไปถือเป็นโชคชะตา

ณ ตำหนักราชาพสุธา หยวนหวงกำลังถอนหายใจกับตำหนักราชาพสุธาที่ไร้ซึ่งผู้สืบทอด หยวนเทียนดีก็จริง แต่ใจเขาไม่ได้อยู่ที่นี่

“ไป๋ลู่ กลับไปบอกชิงเฟิ่ง ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” หยวนหวงกล่าว ชิงเฟิ่งมีเรื่องอะไรกันแน่

“ชิงเฟิ่ง ข้ากับอาหยวนมาแล้ว เจ้าพูดเถอะ เรียกพวกเรามามีเรื่องอะไร” คุนถาม

“ผู้อาวุโสคุน ผู้อาวุโสหยวน ชิงเฟิ่งมีเรื่องอยากรู้แต่ไม่รู้ว่าควรถามหรือไม่” ชิงเฟิ่งถามอย่างระมัดระวัง

“พูดมาสิ ยังจะมาเล่นลูกไม้กับคนแก่อย่างเราสองคนอยู่อีก” หยวนหวงกล่าว

“เขาจู้หรง ผู้อาวุโสทั้งสองพอจะรู้เรื่องหรือไม่ ชิงเฟิ่งสงสัยว่าเขาจู้หรงน่าจะมีเพลิงอัคคีอยู่” ชิงเฟิ่งเล่าสิ่งที่ตนเองคาดเดา

“เสี่ยวชิงเฟิ่ง เจ้าล้อเล่นหรือเปล่า หากว่ามีเพลิงอัคคีอยู่จริง จะหาไม่เจอได้อย่างไร” หยวนหวงรู้สึกเหมือนคำพูดของอีกฝ่ายเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น

“ชิงเฟิ่ง เจ้าบอกข้ามา เหตุใดเจ้าจึงสงสัยเช่นนั้น” คุนเปิดปากถาม

“ท่านผู้อาวุโส ไม่กี่วันก่อนนี้น้องสาวข้าชิงหลวนพาเพื่อนกลับมาด้วยสองคน หนึ่งคือผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งหลงหลิวหลี ส่วนอีกคนคืออันดับสามหนานกงเวิ่นเทียน หลงหลิวหลีเป็นใคร ทุกคนคงรู้จักกันดี นางมีชื่อเสียงเพราะเป็นนักปรุงยาที่เก่งกาจบวกกัลฝึกฝนคัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณ ในการฝึกคัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณนั้นจะบรรลุขั้นได้จะต้องใช้เพลิงอัคคี เมื่อเช้านางนำแผนที่แผ่นนึงออกมาเพื่อจะไปล่าสมบัติ ตอนนั้นชิงเฟิ่งก็ไม่ได้คิดอะไร ต่อมาจึงนึกขึ้นได้ หลงหลิวหลีมาที่โลกอสูรเป็นครั้งแรก นางจะมีแผนที่สมบัติได้อย่างไร ข้าเลยเดาเอาเองว่า เขาจู้หรงน่าจะมีเพลิงอัคคี” ชิงเฟิ่งสูดลมหายใจลึก แล้วพูดสิ่งที่ตัวเองคาดเดาออกมา

“มีเพลิงอัคคี” หยวนหวงตกใจ แต่ก็คิดอะไรไม่ออก คุนเงียบไปนาน

“ชิงเฟิ่ง เจ้ามาหาพวกเราเพราะคิดจะบอกอะไรกันแน่?” คุนถาม

“ในเมื่อเป็นเพลิงอัคคี ไม่ทราบว่าศิษย์พี่ทั้งสองสนใจจะไปตามหาด้วยกันหรือไม่” ชิงเฟิ่งบอกจุดประสงค์ของตนเอง

“ชิงเฟิ่ง เจ้าวู่วามเกินไป เพลิงอัคคีนี้อยู่ในโลกอสูรเรามาตั้งนาน แต่กลับไม่ถูกค้นพบ เจ้าคิดว่าเราสามคนจะหาเจอหรือ หรือว่าเจ้าคิดว่าเจ้ารู้แล้วจะหาเจอหรือ” คุนที่เงียบอยู่นาน จู่ๆก็พ่นคำพูดพวกนี้ออกมา ราวกับสาดน้ำเย็นใส่ตัวชิงเฟิ่ง ถึงนางจะรู้ตำแหน่งแต่นางมีความสามารถอะไรจะหาเจอหรือ

“อีกอย่าง คำพูดในวันนี้ เจ้าสองคนจงจดจำไว้ ห้ามบอกคนนอกเป็นอันขาด แม้แต่ชิงหลวนกับหยวนเทียนก็ห้ามบอก” คุนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พี่ใหญ่คุน มีอะไรก็พูดออกมาเลยไม่ต้องกังวล” หยวนหวงเหมือนรู้สึกได้ว่ามีเรื่องสำคัญ ชิงเฟิ่งเองก็จริงจังขึ้นมา

“จำเป็นต้องผูกมิตรหลงหลิวหลีคนนั้นไว้ให้ดี เข้าใจไหม นางคือผู้มีบุญ เมื่อผู้มีบุญปรากฏกายขึ้นแปลว่านั่นคือผู้ที่มีชะตาที่ฝืนกับลิขิตฟ้า ได้ผูกมิตรกับนางถือเป็นการมีวาสนาร่วมกับนาง ทำให้เจ้าได้รับอะไรไม่น้อยเลย อีกอย่างพวกเจ้าอาจไม่เคยสัมผัสได้ว่า สงครามใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นและคนที่สำคัญก็คือหลงหลิวหลี”

คำพูดของคุน ทำให้ทั้งสองคนตกใจ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้

“พี่คุน ที่ท่านพูดคือเรื่องจริงหรือไม่ จะเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นหรือ” หยวนหวงไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

“อายุของพวกเจ้ายังไม่มากเท่าข้า อาจไม่รู้แน่ชัด แต่ข้าก็จดจำคำทำนายของหอพยากรณ์ในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี คนที่รู้เรื่องนี้มีไม่มาก ที่ข้าบอกพวกเจ้าตอนนี้ก็เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมตัว ดาวหมาป่าสวรรค์ได้ปรากฏขึ้นแล้ว ดาวมังกรกับดาวหงส์ยังอับแสง ตอนนี้อยู่ดีๆเพลิงอัคคีก็ปรากฏขึ้นน่าจะเพราะดาวมังกรปรากฏขึ้น” คุนเดา

“ปรากฏขึ้นเพื่อหลงหลิวหลี พระเจ้า” ชิงเฟิ่งหงุดหงิดน้อยๆ ตัวเองเกือบจะทำเรื่องโง่ๆแล้ว

“ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ หากไม่ใช่เพราะหลงหลิวหลีวาสนาขัดต่อชะตาฟ้าล่ะก็ นางจะพิชิตเพลิงอัคคีไปแล้ว 7 ชนิดได้อย่างไร แถมเป็นธาตุที่ต่างกัน ข้าเดาว่าสุดท้ายหลงหลิวหลีจะไม่ใช่แค่ร่างวิญญาณเพลิง แต่จะเป็นร่างวิญญาณเพลิงอัคคีผสม” คุนพูดต่อ

“ร่างวิญญาณเพลิงอัคคีผสมจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่สุดยอดขนาดไหนกันแน่” หยวนหวงพูดจนแทบจะไม่มีเสียง

“พระเจ้า” ชิงเฟิ่งเสียสติอีกครั้ง ร่างวิญญาณเพลิงอัคคีผสมเป็นสิ่งมีชีวิตแบบใด พวกเขาทุกคนต่างก็รู้ดี

“ดังนั้นในความหมายของพี่ใหญ่คุนก็คือ หลงหลิวหลีไม่เพียงแต่เป็นดาวนำโชค แต่ยังมีชะตาราชา เราทำได้เพียงเชื่อฟังนาง” เมื่อหยวนหวงตั้งสติได้ ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ใช่แล้ว ในเรื่องคู่ครองของนาง นางต้องเป็นคนเลือกเองเท่านั้น หนานกงเวิ่นเทียนก็คือคู่ครองของราชา ชะตาหงส์” คุนพูดพลางพยักหน้า

“พี่ใหญ่ น้องช่างโง่เขลานัก โชคดีที่ได้ท่านพี่เตือนสติ” ชิงเฟิ่งยอบตัวลงน้อยๆ ตอนนี้เพียงคิดก็เหงื่อท่วมตัว

“เฮ้อ ในเมื่อตอนนี้พวกเจ้ารู้กันแล้ว รีบกลับไปเตรียมตัวรับมือให้ดี ดาวหมาป่าสวรรค์กำลังจะปรากฏแล้ว” คุนมองท้องฟ้าแล้วพูดขึ้น

ณ โลกมาร ในห้องบรรทมของพญามาร เยี่ยซิงหวงเดินไปมาราวห้องตนเองแล้วเดินไปเคาะที่ข้างเตียงอยู่ครู่หนึ่ง ทางลับก็ปรากฏขึ้นทันที เขาเดินหายลับเข้าไปแล้วห้องบรรทมก็กลับสู่สภาพเดิม

เมื่อเดินเข้าไปก็มีบุคคลสองคนที่ดูเป็นครึ่งผีครึ่งคน ซึ่งคือพญามารเยี่ยว่านซิงกับองค์ชายใหญ่เยี่ยซิงขวง

“เจ้าเองเรอะ ไอ้ลูกทรพี” พญามารลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้า เขาอยู่เหนือผู้คนมาทั้งชีวิตแต่ตอนนี้กลับมาตกม้าตายเพราะสายเลือดในไส้ ช่างน่าขัน ช่างน่าขันจริงๆ

“พะยะค่ะ เสด็จพ่อของข้า ถ้าไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใครได้อีก วันนี้น่ะหรือ เป็นวันพิเศษของข้าเอง ข้าชวนเพื่อนของข้าคนหนึ่งมาช่วยส่งท่านกลับสู่อ้อมกอดเทพมาร” เยี่ยซิงหวงไม่แยแส ตอนนี้ความเป็นตายของพวกนั้นอยู่ในมือเขา

“หึ ไอ้ลูกทรพี ยังมีลูกเล่นอะไรอีกก็รีบใช้ออกมาเถอะ เรื่องที่ล้มเหลวที่สุดในชีวิตของข้า ก็คือการให้กำเนิดคนที่ฆ่าพ่อ ฆ่าพี่ตัวเองโหดร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอย่างเจ้า” พญามารเสียใจ ตอนนั้นเขาไม่น่าละโมบ เห็นแก่ที่จะได้มีตัวเลือกเพิ่ม จนให้กำเนิดเดรัจฉานตัวนี้

“หึ เพราะเสด็จพ่ออบรมสั่งสอนข้ามาดีหรอก ยามเยี่ยซิงขวงก่นด่าข้าเป็นคนชั้นต่ำ ท่านก็ไม่สนใจ ตอนคนในโลกมารรังแกข้า ท่านก็ไม่สนใจ แม้แต่พัฒนาการของข้าท่านก็ไม่สนใจ ที่ข้ามีวันนี้ได้เป็นเพราะความไม่แยแสใดๆของท่าน จริงสิ ต้องขอบคุณท่าน หากไม่ใช่เพราะท่าน ข้าคงไม่อาจพิชิตเพลิงหยินหยางอันเป็นเพลิงอัคคีอันดับ 2 มาได้ ออกมาเถอะ สหายข้า ไท่จี๋” เยี่ยซิงหวงเชยคางพญามารแล้วกล่าว และชายชุดดำก็ปรากฏขึ้นข้างกายเยี่ยซิงหวง

“เพลิงอัคคีรึ” ใบหน้าพญามารเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทำไมลูกทรพีคนนี้ถึงได้โชคดีขนาดนี้

“จริงสิ ข้าได้เพลิงอัคคีหยินหยางก็เพราะท่านเลือกมารดาผู้เป็นนักพรตของข้า จนให้กำเนิดสัตว์ประหลาดครึ่งธรรมะครึ่งอธรรมอย่างข้าออกมา ไม่เช่นนั้นแล้วไท่จี๋ก็คงจะไม่มาอยู่กับข้า” เยี่ยซิงหวงเผยไม้ตายสุดท้ายของตนเองออกมา

“เพลิงหยินหยาง หึ ไท่จี๋ เจ้าก็ดูแล้วกัน ตอนนี้เขาสามารถทำกับข้าได้ขนาดนี้ ในภายหน้าเจ้าก็จะเป็นแบบนี้เช่นเดียวกัน ฮ่าฮ่า” พญามารกล่าวและมองเพลิงหยินหยา

“ไท่จี๋ อย่าฟังเขา พวกเราอยู่ด้วยกันมานาน ข้าจะทำเช่นนั้นกับเจ้าได้อย่างไร คำพูดคนใกล้ตายไม่มีอะไรต้องตั้งใจฟังหรอก” เยี่ยซิงหวงกล่าว ตาแก่นี่ตายไปก็สมควรแล้ว จะตายอยู่แล้วก็ยังไม่ลืมจะกวนน้ำให้ขุ่น การทำให้ร่างกลายเป็นเถ้าธุลีไม่ได้ทำให้หายแค้นจริงๆ

“ตาเฒ่า เดี๋ยวข้าจะส่งเจ้าไปหาลูกชายแล้วกัน” เยี่ยซิงหวงพูดจบก็สูบพลังมารสุดท้ายที่เหลือบนตัวของเยี่ยซิงขวงออกมาจนหมด เยี่ยซิงขวงเละเหลือแค่ซาก บุปผาสีดำขาวเบ่งบาน บนโลกนี้ไม่มีเยี่ยซิงขวงอีกต่อไป

“ถึงตาท่านแล้ว เสด็จพ่อของข้า” เยี่ยซิงหวงดูดพลังมารของเยี่ยซิงขวงหมดก็หันไปที่พญามาร

“หึ ไอลูกทรพี ข้าขอแช่งให้เจ้าไม่ได้ตายดี” พญามารพูดจบ ก็ถูกเยี่ยซิงหวงสูบพลังมารโดยใช้วิธีที่โหดร้ายที่สุด สุดท้ายพญามารกลายเป็นกองเนื้อเหลว ถูกเพลิงหยินหยางเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

“หึหึ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าคือผู้เป็นใหญ่ที่สุดในโลกมาร รอให้ข้าย่อยพลังเสร็จ ข้าก็จะเป็นใหญ่ที่สุดในโลกบำเพ็ญ ไท่จี๋ดีที่ได้เข้ามาช่วยข้า” เยี่ยซิงหวงกล่าว

“เจ้ากับข้าไม่จำเป็นต้องเกรงใจกัน” ไท่จี๋พูดขึ้นมา

“ไท่จี๋ พวกเราควรจะออกไปเจอพวกตาแก่อวดเก่งพวกนั้นได้แล้ว” เยี่ยซิงหวงกล่าว

ณ หอพยากรณ์ จู่ๆ ผู้เฒ่าคนหนึ่งก็ลืมตาขึ้นมาทันที และแหงนหน้ามองฟ้า

“ความทะเยอทะยานในใจของดาวหมาป่าสวรรค์ได้บ่มเพาะจนได้ที่แล้ว เวลามีไม่มาก ดาวมังกรควรจะหาเพลิงอัคคีชนิดที่ 8 เจอได้แล้ว มิเช่นนั้น มหันตภัยครั้งนี้จะทำให้ทุกชีวิตดับสูญ”

“อาเหยา มานี่”

“ท่านปู่ทวด” ตวนมู่เหยารีบเดินเข้ามา

“อาเหยา เจ้ารีบไปแจ้งให้ทุกดินแดนเตรียมตัวให้พร้อม ความทะเยอทะยานของดาวหมาป่าสวรรค์กำลังจะระเบิดออก พวกเราต้องเตรียมการไว้แต่เนิ่น ๆ”

“ขอรับ ท่านปู่ทวด” ตวนมู่เหยาเข้าใจความเร่งด่วนของเป็นอย่างดี

“ดาวมังกร ดาวหงส์ พวกเจ้าจะต้องเร่งมือหน่อยแล้ว” ผู้เฒ่ามองท้องฟ้าแล้วพูดขึ้น

หลิวหลีที่ถูกกล่าวถึง ไม่ได้รับรู้ความเลวร้ายของเรื่องนี้แม้แต่น้อย ยังเดินตามแผนที่ในเขาจู้หรง

“หลิวหลี แผนที่ของเจ้าเชื่อถือได้หรือไม่?” ชิงหลวนเดินไปก็สงสัยไป นี่ไม่ใช่ทางทั่วไปหรือ ไม่เคยเจอเพลิงอัคคีมาก่อนเลย

“เชื่อถือได้สิ ได้มาจากคนดัง รับประกันคุณภาพ” ท่าทางหลิวหลีบ่งบอกว่าถึงหม้อสามขาจะใจแคบนั้น แต่มันคงไม่หลอกลวงอย่างแน่นอน

“แต่พวกเราเดินทางพวกนี้ทีไรก็หลงทุกที เดินวนเป็นวงกลมสักพัก ถึงจะหาทางออกได้” ชิงหลวนรู้สึกว่าทางไม่ถูกนัก

“อือ อาจเป็นเพราะพวกเจ้าวนไม่ถูกทางหรือเปล่า” หลิวหลียังคงเชื่อมั่นว่าที่นี่มีเพลิงอัคคี

“ก็ได้ หากเดินวนๆแล้วออกไปได้ อย่ามาโทษข้าล่ะ” ชิงหลวนชิงบอกก่อน

“ไม่โทษเจ้าหรอก ไปกันสิ”

……………………