บทที่ 206: อลิเซีย เธอกล้าดียังไง!

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 206: อลิเซีย เธอกล้าดียังไง!

ให้อลิเซียอยู่เคียงข้างเราตลอดไปงั้นเหรอ?

โรเอลมีคำตอบสำหรับคำถามนั้นอยู่ในใจแล้ว ใช่ เขาต้องการแบบนั้น แต่เขาก็ไม่สามารถพูดออกไปได้

โรเอลเป็นพี่ชายของอลิเซีย มันจึงไม่เหมาะสมที่เขาจะสร้างขอบเขตให้กับอลิเซียเพื่อฉุดรั้งเธอจากการแสวงหาความสุขของตัวเอง เขาควรสนับสนุนให้เธอออกไปสู่ภายนอกให้มากขึ้น ได้ลองประสบการณ์ใหม่ ๆ โลกนี้มีสิ่งมหัศจรรย์มากมายที่จะมอบให้กับเด็กสาวอย่างอลิเซีย

อย่างไรก็ตาม ตรรกะและอารมณ์ไม่ได้สอดคล้องกันเสมอไป แม้ว่าโรเอลจะปรารถนาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอลิเซีย แต่ส่วนหนึ่งในตัวเขาก็ต้องการให้เธออยู่เคียงข้างไปตลอดเช่นกัน เมื่ออลิเซียเริ่มถามคำถามนี้กับโรเอล เด็กชายจึงเกือบจะยอมจำนนให้กับความเห็นแก่ตัวของตน และพูดความคิดที่แท้จริงออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยที่สมองของเขากำลังสับสนกับการจูบสองครั้งจากอีกฝ่าย

สายตาที่จ้องเขม็งมาของอลิเซีย ทำให้โรเอลสรุปว่า ทั้งหมดเป็นเพราะเขาถูกลักพาตัวโดยชาร์ล็อต หรือบางทีชาร์ล็อตอาจจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้อารมณ์ของเธอแปรปรวน นี่น่าจะเป็นวิธีการปลดปล่อยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวของอลิเซีย แต่เมื่อโรเอลมองเข้าไปในดวงตาของเธอ เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถกล่าวคำปฏิเสธออกมาได้

อลิเซียนั้นสวยงดงามเสียจนใคร ๆ ก็ต้องตกตะลึงตั้งแต่แรกเห็น แม้โรเอลจะคิดว่าตนเคยชินกับรูปร่างหน้าตาของเธอแล้วด้วยระยะเวลาตลอดหลายปีที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน แต่เมื่อเด็กสาวแสดงให้เขาเห็นด้านที่ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง โรเอลก็พบว่าภูมิคุ้มกันที่ตนสร้างขึ้นมาอย่างอุตสาหะนั้นพังทลายลงในทันที

“… ใช่”

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง โรเอลก็ลงเอยด้วยคำพูดที่เขาไม่ควรพูด ร่างกายของอลิเซียเริ่มสั่น เธอโน้มตัวไปข้างหน้า กอดเขาแน่นจนรู้สึกเจ็บ ทำให้สติสัมปชัญญะกลับมาสู่เด็กชายอีกครั้ง

“เข้าใจแล้วค่ะ พี่ใหญ่เองก็ต้องการที่จะอยู่กับหนูตลอดไปหมือนกันสินะคะ”

อลิเซียกระซิบข้างหูของโรเอล

อารมณ์ของเด็กสาวใกล้จะอาละวาดออกมาเต็มที โรเอลที่ได้สติสัมปชัญญะบางส่วนกลับคืนมา จึงกดลงบนไหล่ของอลิเซียอย่างรวดเร็ว พยายามดึงหัวข้อที่ถูกปัดตกไปให้กลับมา

“ด..เดี๋ยวก่อนสิ อลิเซีย! พวกเราไม่ได้อยู่ระหว่างการรักษาฉันเหรอ? ทำไมเธอถึงใช้วิธีแบบนั้นกัน?”

“พี่คาดหวังวิธีอื่นอย่างนั้นเหรอ? ตั้งใจจะทำให้หนูเลือดออก หรืออยากจะให้หนูร้องไห้?”

“ม…ไม่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…”

โรเอลผู้กำลังเขินอาย พยายามหาทางอธิบายว่า ทำไมการจูบปากต่อปากถึงไม่เหมาะสม ซึ่งอลิเซียก็ใช้จังหวะนี้บังคับประเด็นดังกล่าวให้ผ่านไป

“คุณแอนดรูว์บอกว่า พวกเราต้องควบคุมปริมาณพลังชีวิตอย่างระมัดระวัง มิฉะนั้นอาจเสี่ยงต่อการให้พลังชีวิตมากเกินไป ถ้าเราอยากจะใช้น้ำตา หนูก็ต้องร้องไห้หลาย ๆ ครั้งเพื่อให้ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ส่วนเลือดเองก็มีพลังชีวิตมากเกินไปจนควบคุมปริมาณได้ยาก นั่นแสดงว่าน้ำลายเป็นสื่อกลางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการถ่ายโอนพลังชีวิตไม่ใช่หรือ?”

โรเอลใช้เวลาไตร่ตรองข้อโต้แย้งของอลิเซียด้วยหัวที่กำลังร้อนรุ่ม และมันก็ฟังดูสมเหตุสมผลดี การผลิตน้ำลายนั้นทำได้ง่ายกว่ามาก และความเข้มข้นของพลังชีวิตเองก็ต่ำกว่ามาก ทำให้ควบคุมปริมาณได้ง่ายกว่า จากมุมมองดังกล่าว น้ำลายเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพมากกว่าอย่างแท้จริง

“ฉันเข้าใจที่เธอกำลังจะสื่อ แต่ว่า…”

ด้วยความเขินอาย โรเอลจึงไม่สามารถพูดจนจบประโยคได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการกระทำดังกล่าวนั้นไม่เหมาะสม แต่มันก็ไม่สมควรที่จะถูกเรียกว่าเป็นการกระทำที่สื่อความรักด้วยเช่นกัน แม้ว่าริมฝีปากของพวกเขาสัมผัสกัน แต่มันก็เป็นเพื่อถ่ายเทแอลกอฮอล์และน้ำลายเท่านั้น มันไม่ใช่การจูบในแง่ของความรัก

ยิ่งไปกว่านั้น โรเอลยังกลัวที่จะต้องผลักไสอลิเซียออกไปไกลเกินไป แม้ว่าเธอจะเป็นสมาชิกของตระกูลแอสคาร์ดอย่างเป็นทางการ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เธอมีโอกาสที่จะขอออกจากตระกูลแอสคาร์ดได้ เมื่อโตเต็มที่ เนื่องจากตอนแรกคาร์เตอร์รับอลิเซียเข้ามาเลี้ยงด้วยความตั้งใจที่จะดูแลเธอ เพื่อที่สหายเก่าของเขาจะได้พักผ่อนอย่างสงบ แต่เหตุการณ์หลังจากนั้น ได้กระตุ้นความคิดบางอย่างในตัวมาร์ควิส ทำให้เขาหวังที่จะให้อลิเซียกลายเป็นหนึ่งในตระกูลแอสคาร์ดถาวร

“พี่ใหญ่ ดูเหมือนจะไม่ทราบสถานการณ์ในปัจจุบันของตัวเองเลยสินะคะ”

เมื่อเห็นว่าโรเอลลดระดับการป้องกันมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว อลิเซียจึงดำเนินการต่อไปด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม เธอมองเข้าไปในดวงตาสีทองของเด็กชายอย่างจริงจัง แสดงความกังวลของเธอให้อีกฝ่ายเห็น

“ความรู้สึกละอายของพี่สำคัญกว่าสุขภาพงั้นเหรอคะ? นี่ก็แค่การประสานริมฝีปาก พี่ไม่เข้าใจลำดับความสำคัญจริง ๆ เหรอคะ?”

เมื่อรู้ว่าโรเอลอ่อนไหวต่อการโต้แย้งเชิงตรรกะ อลิเซียจึงสวมบทบาทแพทย์ที่กำลังบรรยายให้ผู้ป่วยหัวดื้อฟัง การตัดสินของเธอนั้นถูกต้อง เพราะโรเอลถูกชักนำให้เล่นไปตามความคิดของเธอโดยสมบูรณ์ เขาคิดว่าถ้าอลิเซียเต็มใจที่จะแบกรับความอับอายนี้ แล้วทำไมเขาที่เป็นผู้ชายกลับไม่กล้าทำแบบเดียวกันล่ะ?

“พอแล้ว ฉันเข้าใจแล้ว”

ในที่สุดโรเอลก็ยอมแพ้และพยักหน้าตอบตกลง

ทันทีที่เห็นว่าการโน้มน้าวใจของตนประสบผลสำเร็จ รอยยิ้มแห่งความปีติยินดีก็ผุดขึ้นบนริมฝีปากของอลิเซีย เธอหยิบขวดไวน์ขึ้นมาดื่มก่อนจะป้อนมันให้โรเอล แต่โดยที่โรเอลไม่รู้ตัว แสงจาง ๆ ก็เริ่มเปล่งออกมาจากในมือของอลิเซีย

แม้ว่าไวน์พาเมล่าจะมีระดับแอลกอฮอล์ไม่สูงนัก แต่หลังจากที่ได้ดื่มไปหลายถ้วยติดต่อกัน โรเอลก็เริ่มรู้สึกมึน ๆ

ร่างกายของโรเอลร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามีใครบางคนส่งพลังงานจำนวนมากเข้าสู่ร่างกายของเขา บางทีอาจจะเป็นเพราะพลังชีวิตที่ได้รับแสดงปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ เด็กชายเริ่มรู้สึกว่าจิตใจของตนเลือนลางไปเรื่อย ๆ

“อา อลิเซีย เดี๋ยวก่อน ฉันรู้สึกเวียนหัว… ไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันรู้สึกร้อนมาก”

เมื่อตระหนักได้ว่าการรักษาเริ่มมีอะไรผิดปกติ โรเอลจึงรีบบอกให้อลิเซียหยุด ซึ่งเด็กสาวก็เชื่อฟังแต่โดยดี และทำตามที่เขาบอก อย่างไรก็ตามมือของเธอที่พันรอบตัวของโรเอลนั้น ก็ยังส่งพลังชีวิตเข้าไปในร่างของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ดี

ไวน์ สัมผัสอันใกล้ชิด และพลังชีวิตที่มากเกินไป ปัจจัยเหล่านี้คือสิ่งที่จะทำให้แผนการของอลิเซียจะบรรลุผล ด้วยตัวแปรทั้งสามนี้ลมหายใจของโรเอลจึงเริ่มหนักขึ้น ผลข้างเคียงจากพลังชีวิตที่มากเกินไปเริ่มปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน

ด…ด…ด….ด…เดี๋ยวก่อนนะ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมมันถึงตื่นตัวขึ้นมา? เราดื่มไวน์ไปไม่กี่ถ้วยเอง นี่มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?

โรเอลตื่นตระหนกเมื่อรู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาทางร่างกายของตน แก้มของเขาแดงก่ำ เด็กชายพยายามที่จะปกปิดมันอย่างเร่งรีบ ทว่าสิ่งที่โรเอลไม่รู้ก็คืออลิเซียนั้นไม่ใช่กระต่ายน้อยไร้เดียงสาอย่างที่เขาคิด แต่เป็นหมาป่าตัวโต ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเธอ แล้วแบบนี้เธอจะปล่อยให้เหยื่อหลุดพ้นจากเงื้อมมือของตนเองไปได้อย่างไร?

“พี่ใหญ่ เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”

เมื่อรู้ว่าแผนของตนใกล้จะประสบความสำเร็จ อลิเซียก็ค่อย ๆ จ้องมองลงไปที่ท่อนล่างของโรเอลก่อนจะเบิกตากว้างเล็กน้อย มีความลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เธอค่อย ๆ โน้มตัวไปข้างหน้าและกระซิบเบา ๆ ที่หูของโรเอล

“ไม่เป็นไร… พี่ใหญ่ ถ้าเป็นพี่ล่ะก็ หนูยินดี”

“!”

คำพูดของอลิเซียทำให้โรเอลร้อนรุ่ม เขารู้สึกราวกับว่าอารมณ์ตนเองกำลังจะระเบิดได้ทุกเมื่อ แต่แล้วก็มีบางอย่างระเบิดขึ้นจริง ๆ

ซึ่งนั่นไม่ใช่ความคิดของโรเอลแต่อย่างใด แต่กลับเป็นประตูห้องที่ระเบิดออก

ตูม!

ประตูกระเด็นออกไปกระแทกกับเพดานห้องอย่างไร้ความปรานี ก่อนจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงถือคลังกระสุนอัญมณีเดินเข้ามาพร้อมกับทูตสวรรค์ตัวน้อยที่มีปีกแสง ทันทีที่พวกเธอเห็นเด็กสาวผมสีเงินที่นั่งอยู่บนตักของโรเอล ดวงตาของทั้งสองก็เบิกกว้างด้วยความโกรธ พวกเธอตะโกนออกมาด้วยความเกลียดชังถึงที่สุด

“อลิเซีย เจ้ากล้าดียังไง?!”