สีหน้าของทุกคนกลายเป็นเครียดขรึม ถึงแม้ว่าคัมภีร์ปริศนาเสกสรรไม่รั่วไหลจะเป็นวิชาฝึกปรือขั้นสุดยอด แต่มันก็ไม่ได้สมบูรณ์โดยสิ้นเชิง จุดอ่อนของมันในจิตวิญญาณดั้งเดิมได้สร้างช่องโหว่ขนาดใหญ่ในวิชาของจักรพรรดิแสง
ช่องโหว่นี้ทำให้การโจมตีในแขนทั้งสี่ของเขาด้อยกว่าแขนเดิมสองข้าง และศีรษะทั้งสองก็ด้อยกว่าศีรษะเดิม เพราะอย่างนั้น เมื่อผู้ฝึกเผชิญกับยอดฝีมือในขั้นวรยุทธเดียวกัน แขนทั้งสี่และศีรษะทั้งสองก็จะกลายเป็นจุดอ่อน
จุดอ่อนนี้น่าจะเป็นสาเหตุอันสำคัญที่สุดที่ทำไมจักรพรรดิแสงจึงพ่ายแพ้
คัมภีร์ปริศนาเสกสรรไม่รั่วไหลได้วางอยู่บนรากฐานของการมีสามเศียรหกกร ร่างกายและวิชาบู๊ของยุคสมัยดังกล่าวนี้ รวมทั้งวิชาฝึกปรือและทักษะเทวะทั้งหลายล้วนแต่สร้างขึ้นมาบนรากฐานสามเศียรหกกร โดยปราศจากศีรษะอีกสองและแขนอีกสี่ วิธีการจู่โจมของพวกเขาก็จะลดทอนพลานุภาพลงไปแปดถึงเก้าส่วน พูดอีกอย่างแล้ว กระบวนท่าของพวกเขาจะเต็มไปด้วยจุดอ่อน และกำลังฝีมือของพวกเขาก็จะถดถอยลงไปอย่างมีนัยสำคัญ
นี่จึงเป็นเหตุให้ผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่าจักรพรรดิแดงคงจะตายไปอย่างน่าอนาถ
จากนี่ ใครก็สามารถอนุมานได้ว่าการที่ยุคสมัยแสงฉานพ่ายแพ้นั่นก็คงเพราะสาเหตุเดียวกันนี้
ระหว่างช่วงปลายยุคสมัยแสงฉาน ผู้ฝึกวิชาเทวะเกือบทั้งหมดได้ฝึกปรือของจำพวกวิชาบู๊เทวะไม่รั่วไหล และวิชาจำพวกนี้มีรากฐานอยู่บนคัมภีร์ปริศนาเสกสรรไม่รั่วไหล ในเมื่อวิชาฝึกปรือหลักนั้นบกพร่องมาตั้งแต่แรก วิชารองอื่นๆ ก็เลยบกพร่องตามๆ กันมา!
“เมื่อคัมภีร์ปริศนาเสกสรรไม่รั่วไหลได้หลอมรวมเข้ากับสำนึกรู้เทพอมตะสามจิตวิญญาณดั้งเดิมแล้ว มันจะไม่เหลือช่องโหว่ต่อไปอีกหรือไม่” คนแล่เนื้อถาม
ผู้ใหญ่บ้านตอบไป “บางทีอาจจะยังมีเหลืออยู่ แต่พวกเราไม่สามารถมองเห็นได้ วิชาฝึกปรือยุคสมัยแสงฉานได้มุ่งเน้นไปที่สิ่งเดียวมากเกินไป ยุคสมัยของพวกเขาทั้งหมดได้ก่อตั้งขึ้นมาบนวิชาฝึกปรือบัลลังก์จักรพรรดิเดียว และไม่ว่ามันจะเลิศล้ำมากแค่ไหน เมื่อมันถูกทำลายลงไป จุดจบย่อมน่าสยดสยองจนเกินกว่าจะทนดู”
ยายเฒ่าซีกล่าว “ในเมื่อตอนนี้สันตินิรันดร์มีวิชาฝึกปรือมากมายหลายหลาก พวกเราก็จะสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์และชะตากรรมเดียวกันที่เกิดขึ้นกับแสงฉาน บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องที่ดี”
ทุกคนผงกศีรษะ
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกสังเกตการณ์พวกเขาด้วยความสนใจใคร่รู้ เขาพบว่าผู้คนเหล่านี้ไม่ได้ดูวิเศษวิโสอะไร ยังดูแปลกและพิลึกไปเสียอีก บ้างก็สะคราญโฉมเสียจนทำให้ผู้คนลุ่มหลงหัวปักหัวปำ บ้างก็อัปลักษณ์และมีสายตาส่อนไปมา และบ้างก็มีอวัยวะขาดหายไป แต่ทว่า ความรู้และขอบฟ้าวิสัยทัศน์ทั้งหมดของพวกเขาล้วนแต่เหนือธรรมดา
ฉินมู่ก็ได้ถ่ายทอดวิชาฝึกปรือบัลลังก์จักรพรรดิทั้งสองนี้ให้แก่บรรพชนแรก แต่ว่าบรรพชนแรกไม่ได้ครุ่นคิดอะไรมากมายนัก
แม้ว่าขั้นวรยุทธของเขาจะสูงกว่า ในบางแง่เขาก็ยังคงด้อยกว่าผู้คนแห่งหมู่บ้านพิการชราเหล่านี้มาก ผู้คนเหล่านี้มีประสบการณ์อันเกลือกกลิ้งกับดินโคลน และพวกเขาก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหนทางของโลกหล้ามากมายนัก นี่เป็นสิ่งที่บรรพชนแรกไม่เคยประสบมาก่อน
หลังจากบรรพชนแรกกลายเป็นกษัตริย์มนุษย์ ความสนใจของเขาก็ชืดชา ดังนั้นเขาจึงได้แปลงร่างเป็นรูปสลักหินเพื่อปลีกตัวจากโลกหล้า
มิน่าล่ะ พวกเขาถึงสามารถสอนมู่เอ๋อให้กลายเป็นบุคคลเช่นนี้ได้
เขาเผยรอยยิ้มพลางครุ่นคิดกับตนเอง หากว่ามู่เอ่ออาศัยอยู่ในหมู่บ้านไร้กังวล เขาก็คงไม่กลายเป็นคนอย่างที่เขาเป็นในตอนนี้ และเขาก็คงไม่มีความสำเร็จในปัจจุบัน ผู้คนประหลาดเหล่านี้ที่ได้เลี้ยงดูเขาต่างหากที่ทำให้เขาเป็นดังเช่นที่เป็นอยู่
ฉินมู่อธิบายวิชาฝึกปรือทั้งสองอีกครั้ง เฒ่าเป๋และนักปรุงยารู้สึกราวกับว่าวิชานี้เป็นหนังสือสวรรค์และพวกเขาไม่อาจเข้าใจมันได้ไม่ว่าจะตีลังกาคิดอย่างไรก็ตาม ผู้ใหญ่บ้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มู่เอ๋อ เจ้าไปทำธุระของเจ้าเถอะ พวกเราตาเฒ่ายายเฒ่าจะศึกษาต่อเอง และบางทีพวกเราอาจจะช่วยนักปรุงยากับเฒ่าเป๋ตรึกตรองเข้าใจวิชาได้”
มู่เอ๋อรับคำและเดินออกไปด้วยใบหน้าอันมืดคล้ำ เขาตะโกน “มังกรอ้วน มาที่นี่เดี๋ยวนี้!”
กิเลนมังกรพยายามจะวิ่งไปหาเขาด้วยความดีใจ แต่เขาได้ก็กระดืบกระดืบไปข้างหน้า ก็ในเมื่อขาทั้งสี่ของเขาแทบจะแตะไม่ถึงพื้น เขาอยากจะก้มหัวลงไปเพื่อแสดงความสำนึกผิด แต่เขาจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรในเมื่อเขาไม่มีคอ เขาก้มหัวลงไปไม่ได้เลยสักนิด
“เจ้าได้ฝึกปรือวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนาที่ข้าถ่ายทอดให้หรือเปล่า”
ฉินมู่รู้สึกรวดร้าวในหัวใจเมื่อเขาสั่งสอนด้วยน้ำเสียงเข้มงวดต่อ “แปดสุรเสียงมังกรบรรพกาลสามารถสะท้อนก้องไปมาในกายเนื้อและจิตวิญญาณดั้งเดิม แล้วฤทธิ์พลังยาไหนกันที่มันจะไม่สามารถย่อยสลายได้ หากว่าเจ้าฝึกปรืออย่างขยันขันแข็ง เจ้าจะยังอ้วนปั้กขนาดนี้หรือ แบบนี้ข้าจะเอาหน้าไปพบคนอื่นได้อย่างไร ดูที่ศิษย์พี่เสือสิ เขาสามารถทะลวงฝ่าเข้าไปในกองทัพนับหมื่นและคร่าศีรษะของแม่ทัพศัตรูออกมาได้พร้อมกับนักบุญคนตัดไม้ หากว่าข้าขี่เจ้าเข้าไปในสงคราม ด้วยความเร็วของเจ้าในตอนนี้ แม้แต่มีดหั่นผักก็สังหารข้าได้!”
กิเลนมังกรก้มหัวลงและไม่กล่าวเอ่ยปาก
ฉินมู่กล่าวด้วยความโมโห “ทำไมเจ้าไม่พูด เจ้าต้มตุ๋นท่านปู่นักปรุงยาให้เขาให้ยาวิญญาณแก่เจ้าตั้งมากมาย แต่ในท้ายที่สุด เจ้าก็เป็นฝ่ายเสียประโยชน์! เจ้าโลภบ้างมันก็ไม่เป็นไร แต่หากว่าเจ้าทั้งโลภและพากเพียร เจ้าก็คงไม่อ้วนเบอะบะขนาดนี้ และจะกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นมากแทน ลูกแก้วมังกรและลูกแก้วกิเลนของเจ้าก็คงจะฝึกปรือไปจนถึงวรยุทธขั้นเป็นตาย! แต่เจ้าไม่เพียงแต่จะละโมบ เจ้ายังขี้เกียจอีกต่างหาก! ข้าไม่ต้องการเจ้าอีกต่อไปแล้ว ไปที่ยมโลกเลย! ข้าจะคืนเจ้าให้กับปรมาจารย์!”
กิเลนมังกรน้ำตาไหลพรากอาบหน้า และวิงวอนขอความเมตตา
โทสะของฉินมู่ยังไม่อาจไถ่ถอนบรรเทา เขาอยากจะลากหมอนี่ออกไปจากเมืองและเข้าไปในสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ แต่เขานั้นทั้งอ้วนและหนักเกินไป ต่อให้ฉินมู่มีกำลังวังชาปานเทพยดา เขาก็ไม่อาจลากไปได้เลยแม้แต่นิด
มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมากิเลนมังกรกินยาวิญญาณเข้าไปมากแค่ไหน! น้ำหนักของเขาเทียบเท่ากับร่างเนื้อของเทพเจ้า!
“น้องสาวจิว มาช่วยข้าหน่อย!” ฉินมู่ตะโกน
หลิงอวี้จิวเดินเข้ามาและหัวเราะระรื่น “ต่อให้เจ้าลากเขาไปที่ยมโลก เจ้าก็จะต้องใช้เวลามากกว่าสิบวัน เจ้าจะเหนื่อยจนตายไปก่อน ทำไมเจ้าไม่ให้โอกาสเขาและให้เขาฝึกฝนจนไขมันของเขาหายไปล่ะ นั่นจะไม่ง่ายกว่าหรือ”
กิเลนมังกรผงกหัวกลมดิกของเขาอย่างซ้ำๆ ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา
ฉินมู่ใจอ่อนลง ในที่สุดเขาก็ปรานีและกล่าว “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ข้ามีสมบัติอยู่นี่เรียกว่าหม้อห้าอัสนี มันเป็นสมบัติที่สภาสวรรค์ใช้เพื่อชักนำภัยพิบัติมา และครั้งหนึ่งข้าเคยใช้สมบัตินี้เพื่อคิดค้นวิชาแปลกประหลาด ข้างในหม้อนั้นเป็นมหาเมฆสายฟ้าห้าก้อน และหากว่าพวกมันถูกปลดปล่อยออกมา พวกมันสามารถคลี่คลุมอาณาเขตทั้งหมดของจักรวรรดิสันตินิรันดร์ เปลวอสุนีบาตนับหมื่นๆ จะฟาดลงไปยังแผ่นดินทุกตารางนิ้ว เจ้าจงฝึกปรือโดยใช้ห้ามหาเมฆสายฟ้าในหม้อ และด้วยแปดสุรเสียงมังกรบรรพกาล เจ้าก็จะสามารถฝึกฝนให้ไขมันเจ้าหายไปได้ แต่ทว่า มันจะยากเข็ญเป็นอย่างยิ่ง หากว่าเจ้ายินดี เจ้าก็ติดตามข้าต่อไปได้ แต่ถ้าเจ้าไม่ยินดี งั้นเจ้าก็ไปที่ยมโลก และข้าจะคืนเจ้าให้กับปรมาจารย์”
กิเลนมังกรลังเลและถามอย่างขลาดกลัว “จ้าวลัทธิ โดนสายฟ้าฟาดจะเจ็บไหม”
ฉินมู่ถลึงตาจ้องเขา ขณะที่เขาจะระเบิดโทสะอีกรอบ กิเลนมังกรก็รีบกล่าว “ตกลง ข้ายินดี!”
ฉินมู่คิดคำนวณและกล่าว “การย่อยสลายฤทธิพลังยาในไขมันด้วยแปดสุรเสียงมังกรบรรพกาลเพียงอย่างเดียวนั้นยังคงยากอยู่ แม้แต่มีข้าคอยช่วยด้วย ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะย่อยสลายลงไปในระยะเวลาอันสั้น พวกเราต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่น นอกจากองค์หญิงจิวแล้ว พวกที่ฝึกปรือวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนาก็คงจะเป็นเจียงเหมี่ยวและยอดฝีมือจากหมู่บ้านมังกร”
หลิงอวี้จิวกล่าวอย่างตื่นเต้น “ให้ข้าไปรายงานเทพเที่ยงแท้ผางอวี้ และให้เขาเชิญพวกเขามา”
ฉินมู่พยักหน้าและตรวจตราดูบริเวณรอบๆ “พวกเรายังต้องใช้พื้นที่กว้างใหญ่ มันมีพื้นที่กว้างขวางอยู่ใจกลางเมืองหลี พวกเราสามารถทำมันที่นั่นได้…มังกรอ้วน ตามข้ามา!”
กิเลนมังกรรีบติดตามไป เขาวิ่งด้วยฝีเท้าอันสั้นและเร็ว ทำให้สิ่งก่อสร้างในเมืองหลีพังถล่มลงมา โชคยังดีว่าผู้คนส่วนใหญ่ได้อพยพไปยังสันตินิรันดร์แล้ว และก็ไม่มีผู้คนเหลืออยู่ที่นี่ ยกเว้นแต่ทหารรักษาการณ์
เมื่อฉินมู่มายังใจกลางพื้นดินโล่งว่าง เทพเที่ยงแท้ผางอวี้ก็นำทหารมากมายรุดมา เขาถาม “จ้าวลัทธิต้องการพื้นที่มากเท่าไร”
ฉินมู่มองไปรอบๆ และพบว่าสถานที่นี้ราบเรียบเป็นอย่างยิ่ง ความกว้างและความยาวประมาณร้อยห้าสิบวา เขากล่าว “พื้นที่นี้กว้างพอแล้ว แต่ข้าเกรงว่าพลานุภาพของหม้อห้าอัสนีจะแข็งแกร่งเกินไปและคุกคามโลกภายนอก คงจะดีที่สุดหากว่ามีสมบัติวิเศษอันสามารถปิดคลุมบริเวณโดยรอบ เพื่อป้องกันมิให้สายฟ้าสวรรค์รั่วไหลออกมา”
เทพเที่ยงแท้ผางอวี้แย้มยิ้ม “ข้ามีสมบัติที่เรียกว่าฝามังกรเมฆาสวรรค์เก้า มันสร้างขึ้นมาจากไอน้ำ และฝามังกรเมฆานี้สามารถดูดกลืนสายฟ้า มันจะไม่ปล่อยให้หม้อห้าอัสนีคุกคามโลกภายนอก”
เขาโยนฝามังกรเมฆาสวรรค์เก้าขึ้นไปท้องฟ้า และเมฆของมันก็พลันแผ่ขยายข้ามน่านฟ้าของเมืองหลี เมฆเหล่านั้นแปรเปลี่ยนเป็นไอน้ำหลายชั้นที่ครอบคลุมพื้นที่นี้เอาไว้เป็นโค้งครึ่งทรงกลม
ในมวลเมฆมีชั้นไอน้ำเก้าชั้น และพวกมันก็เกาะเกี่ยวซึ่งกันและกัน
ฉินมู่กล่าวขอบคุณ ในตอนนั้น ชิงเอี๋ยน ชิงหยา และคนอื่นๆ จากหมู่บ้านมังกรก็มาถึง หลังจากพวกเขาคารวะทักทายฉินมู่แล้ว หนึ่งในนั้นก็ถาม “พี่ท่านเชิญพวกเรามาเพื่ออะไรหรือ”
เมื่อฉินมู่อธิบายสาเหตุ พวกเขาก็ตกตะลึงเมื่อเห็นกิเลนมังกร “นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของเผ่ามังกรงั้นรึ ช่างน่าขายหน้าต่อบรรพชน! แน่นอน ว่าพวกเราจะต้องช่วยเหลือ”
สักครู่ถัดมา เด็กหนุ่มสองคนที่ดูเหมือนกับฝาแฝดก็ตามมา และพวกเขาคือฉินอวี้และเจียงเหมี่ยว ฉินมู่ลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าระบุว่าใครเป็นใคร
วรยุทธของเด็กหนุ่มทั้งสองสูงล้ำ หนึ่งในนั้นได้ฝึกปรือจนถึงขั้นชาวสวรรค์ และจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาคือมังกรเขียวที่รัดกระหวัดข้างหลังเขา พ่นน้ำแม่น้ำออกมา อีกคนหนึ่งได้ฝึกปรือถึงขั้นเจ็ดดาว และจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขามิได้ถูกปลดปล่อยออกมา
“จ้าวลัทธิ ข้าคือเจียงเหมี่ยว” เด็กหนุ่มที่มีมังกรกระหวัดอยู่ข้างหลังกล่าวด้วยน้ำเสียงจนปัญญา
เด็กหนุ่มอีกคน ฉินอวี้ก็ดูจนปัญญาพอๆ กัน ในวินาทีที่เขาเห็นมังกร เขาก็กะพริบตารัวๆ เดิมทีเขาได้ให้ฉินมู่ยืมมังกรน้อยไป และไม่คาดคิดเลยว่ามังกรน้อยจะแปลงร่างออกมาเป็นรูปลักษณ์เช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นวรยุทธของมังกรน้อยยังรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว และเหนือล้ำกว่าเขาไปไกล
เดิมทีเขาถือว่าเจียงเหมี่ยวเป็นสัตว์พิสดารที่เขาเลี้ยงเอาไว้ แต่ตอนนี้บทบาทของทั้งสองคนดูจะพลิกสลับกัน ฉินมู่ได้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นพี่น้องร่วมสาบานต่างเผ่าพันธุ์ ดังนั้นจึงมิได้ประดักประเดิดมากนัก
ฉินมู่กล่าวขออภัยและพูด “ทุกท่าน มังกรอ้วนของข้ามีความเกียจคร้านฝังกระดูกดำ และข้าจะต้องรบกวนให้ทุกคนช่วยเขาขจัดไขมันออกไป ข้าละอายอย่างยิ่งจริงๆ”
ทุกคนแย้มยิ้มและกล่าว “จ้าวลัทธิสุภาพไปแล้ว เมื่อพวกเราขับเคลื่อนแปดสุรเสียงมังกรบรรพกาล พวกเราก็อาศัยโอกาสนี้ฝึกปรือไปด้วย พวกเราสามารถดูดซับสายฟ้าสวรรค์จำนวนหนึ่ง ดังนั้นนี่จึงเป็นประโยชน์ต่อพวกเราด้วยเช่นกัน เวลาได้ไหลไปไม่รอรี ดังนั้นพวกเราเริ่มลงมือกันเถอะ!”
ฉินมู่ให้กิเลนมังกรเดินเข้าไปฝามังกรเมฆาสวรรค์เก้า และเขาวางหม้อห้าอัสนีไว้ในใจกลาง ชิงเอี๋ยน ชิงหยา เจียงเหมี่ยว และคนอื่นๆ เผยร่างที่แท้จริง แปลงกายเป็นมังกรเทพยดาอันยาวกว่าร้อยห้าสิบวา พวกเขาขดกายไปรอบๆ และร่ายรำขึ้นๆ ลงๆ
ฉินมู่เดินไปที่มุมและเงยศีรษะขึ้นมองดูพวกเขา ด้วยหมอกเก้าชั้นที่อยู่รอบๆ ตัวเขา เขาก็สามารถมองเห็นมังกรเทพยดาอันร่ายรำอยู่ได้อย่างเลือนราง
กิเลนมังกรยืนอยู่อีกฟากหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัว ขณะที่หม้อห้าอัสนีอยู่ข้างๆ ตัวเขา
“จ้าวลัทธิไม่ออกมาหรือ” เจียงเหมี่ยวถาม
ฉินมู่ส่ายหน้า “วิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะของข้าก็ยังต้องอาศัยการเคี่ยวกรำจากห้ามหาเมฆอัสนีบาตจากหม้อห้าอัสนี ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังต้องคอยดูมังกรอ้วนด้วย”
กิเลนมังกรสีหน้าซีดเผือด
ฉินมู่ตบหม้อห้าอัสนีด้วยมือข้างหนึ่ง และตะโกน “กิเลนมังกร ขับเคลื่อนวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนา! ทุกคน ช่วยข้าด้วย!”
กิเลนมังกรรีบขับเคลื่อนวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนา และแปดสุรเสียงมังกรบรรพกาลก็ดังมาจากร่างของเขา มังกรเทพยดามากมายข้างนอกร้องคำราม และมีเสียงมังกรมากมายเริงระบำบนนภากาศ แปดสุรเสียงมังกรบรรพกาลสั่นพ้องกับเสียงมังกรคำรามจากฉินมู่และกิเลนมังกร และเสียงเหล่านี้ก็สะท้อนไปมาในจิตวิญญาณดั้งเดิมและกายเนื้อของพวกเขา
ทันใดนั้น สายฟ้าสวรรค์ก็กลิ้งออกมาจากหม้อห้าอัสนี และในเสี้ยววินาที เปลวอัสนีบาตจำนวนนับไม่ถ้วนทุกสีสันก็ฟาดลงมา ในพื้นที่ร้อยห้าสิบคูณร้อยห้าสิบวา สายฟ้าได้เข้มข้นราวกับพายุฝน ฉินมู่และกิเลนมังกรพลันรู้สึกถึงเข็มแหลมอันทิ่มแทงพวกเขาเข้ามาจากทุกทิศทาง!
ฉินมู่ขับเคลื่อนวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ และรัศมีแสงก็ปรากฏข้างหลังศีรษะเขา มังกรและพุทธเจ้าเหาะเหินไปมาในรัศมี ก็เพราะว่าเขาได้ผนวกรวมคัมภีร์สักกะเข้ากับวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะของเขา
กิเลนมังกรก็กู่ร้องเสียงยาวอันกึกก้องเป็นพิเศษ
ฉินมู่ตะโกน “มังกรเขียวไล่ตามลมและเมฆ ควบคุมสายฟ้า นี่คือวิธีฝึกปรือที่ดีที่สุดของเจ้า! มังกรอ้วน หากว่าเจ้าอยากจะร้องไห้ ก็ไสหัวกลับไปที่ยมโลก!”
กิเลนมังกรกัดฟันเอาไว้และดิ้นรนขับเคลื่อนวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนาเพื่อต้านทานสายฟ้าสวรรค์
ร่างของฉินมู่พลันสั่นสะท้าน เขาเผยร่างสามเศียรหกกรออกมา อาศัยโอกาสนี้เพื่อตรึกตรองทำความเข้าใจว่าจะหลอมรวมคัมภีร์ปริศนาเสกสรรเข้ากับสำนึกรู้เทพอมตะได้อย่างไร
โอรสเทพแสงฉานจะต้องหลอมรวมสองวิชานี้เข้าด้วยกันและซ่อมปะจุดอ่อนของเขาเป็นแน่ บัดนี้ พวกเรามาดูกันว่าพรสวรรค์และปฏิภาณของใครจะล้ำเลิศกว่ากัน และใครจะตรึกตรองเข้าใจมันได้ก่อน!
ข้างนอกฝา หัวใจของทุกคนเต้นโครมๆ อย่างรุนแรงจากภาพที่เห็น พวกเขามองไม่เห็นอะไรสักอย่างในฝามังกรเมฆาสวรรค์เก้า มีแต่ก็สายฟ้าอันขาวโพลนปานหิมะเท่านั้น!
เทพเที่ยงแท้ผางอวี้รู้สึกกระวนกระวายด้วยเช่นกัน หากว่าสายฟ้าพวกนี้ระเบิดออกมา ข้าเกรงว่าเมืองหลีคงถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง ข้าหวังว่าฝาของข้าจะสามารถทานทนได้…
เมื่อเขาเห็นชิงหยา ชิงเอี๋ยน และมังกรเทพยดาตนอื่นๆ กลืนสายฟ้าเข้าไปเพื่อควบแน่นมาเป็นลูกแก้วมังกร เขาก็ค่อยคลายใจลงในที่สุด
ทันใดนั้น หลิงอวี้จิวก็พุ่งตัวเข้าไปในฝาครอบ นางเองก็กะว่าจะหยิบยืมเปลวฟ้าเหล่านี้เพื่อฝึกปรือด้วย สายฟ้าสวรรค์อันเข้มข้นเต็มทัศนวิสัยของนาง และนางมองไม่เห็นฉินมู่กับกิเลนมังกรเลยแม้แต่น้อย
ที่นางฝึกปรือก็เป็นวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนาด้วยเช่นกัน แต่พรสวรรค์และปฏิภาณของนางดีกว่าจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงมาก นางเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งจิตวิญญาณดั้งเดิมหกทิศ และนางก็มีปฏิภาณความเข้าใจเป็นของตนเอง นางได้เปลี่ยนแปลงวิชาฝึกปรือนี้ให้เหมาะสมกับตนไปตั้งนานแล้ว และนางยิ่งรุดหน้าไปไกลขึ้นและไกลขึ้นบนมรรคาเวทมนตร์บู๊
หลิงอวี้จิวป้องกันสายฟ้าและปราณชีวิตของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นมังกรเทพยดาที่ร่ายรำไปในอากาศ นางขัดเกลาสายฟ้าเหล่านี้ให้เป็นปราณชีวิตของตน เมื่อนางเข้าใกล้หม้อห้าอัสนี ความเข้มข้นของสายฟ้าฟาดก็ยิ่งถี่ยิบขึ้น เพราะอย่างนั้น นางจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามก้าวเข้าไปในปราดเดียว
หลังจากสิบวัน หลิงอวี้จิวก็ค่อยๆ กระเถิบไปทีละก้าว และเข้าใกล้หม้อห้าอัสนีเข้าไปทุกทีๆ
สายฟ้าภายในฝาครอบนั้นยังคงเข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง และนี่ทำให้นางไม่อาจมองเห็นทางข้างหน้าได้อย่างถนัดชัดเจน นางได้แต่อาศัยความรู้สึกของตนเพื่อเข้าใกล้หม้อห้าอัสนี
ในวันนี้ นางได้เห็นจิตวิญญาณดั้งเดิมสามเศียรหกกรยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางสายฟ้า มันหายใจเอาเปลวอัสนีเข้าและออก และนางก็อดตื่นตระหนกไม่ได้ที่เห็นภาพเช่นนี้ จิตวิญญาณดั้งเดิมดังกล่าวสูงมากกว่าสิบห้าวา และมันยืนยิ่งใหญ่อยู่ท่ามกลางพายุสายฟ้า เมื่อใดก็ตามที่มันหายใจ สายฟ้านับร้อยเส้นก็จะถูกดูดซับเข้าไปในร่างของมัน!
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีลูกแก้วขนาดใหญ่สองลูกที่หมุนวนไปรอบๆ จิตวิญญาณดั้งเดิมนี้
หลิงอวี้จิวเดินไปข้างหน้า และเห็นฉินมู่ยืนอยู่ข้างใต้จิตวิญญาณดั้งเดิมอันยิ่งใหญ่อลังการ เขานั้นก็มีสามเศียรหกกรเช่นกัน ข้างหลังเขา เงาของสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ลางเลือน
สัตว์ยักษ์ข้างหลังฉินมู่มีศีรษะมังกรและร่างของกิเลนอันอาบอยู่ในอัสนีบาต เกล็ดมังกรบนร่างของเขาถูกขัดเงาและสะท้อนแสงอันเย็นเยียบ