ตอนที่ 343 ไม่มีที่ยืนในสังคม / ตอนที่ 344 แล้วอะไรอีก

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 343 ไม่มีที่ยืนในสังคม

 

 

“พี่บอกว่าในห้องไม่มีใครฉันก็ต้องเชื่ออยู่แล้ว แต่ว่าในเมื่อตอนนี้นักข่าวมากันเยอะขนาดนี้…ฉันว่าพี่เปิดประตูดีกว่านะ ให้ทุกคนเห็นกันไปเลยว่าพี่บริสุทธิ์ใจ ไม่งั้นเรื่องวันนี้…ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพรุ่งนี้มันจะถูกตีข่าวไปไนทางไหน…”

 

 

คำพูดแสนคลุมเครือทว่าถูกเอ่ยขึ้นด้วยความเฉียบแหลม เป็นการบอกพวกนักข่าวอยู่นัยๆ ว่าพรุ่งนี้พวกเขาควรลงข่าวเรื่องอะไร

 

 

เฉินฝานซิงยกยิ้มเย็น “ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ฉันยังไม่เคยพูดเลยสักคำว่านายเฉินหยินเซินอะไรนั่นของพวกเธออยู่ในห้องฉัน พยานเพียงคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์ก็ดันให้ความย้อนแย้ง จับมือใครดมไม่ได้แบบนี้ ขืนพรุ่งนี้พวกเขากล้าลงข่าวฉันสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะก็ ฉันก็กล้าฟ้องพวกเขาข้อหาหมิ่นประมาทเหมือนกัน”

 

 

ได้ยินเช่นนั้น นักข่าวที่ยืนออกันอยู่ตรงนั้นก็พากันหน้าซีดเป็นไก่ต้ม

 

 

เฉินเชียนโหรวลอบขบฟันเสียงดังกรอดๆ!

 

 

นังชั่วนี่!

 

 

ดันเล่นลูกไม้นี้ขึ้นมาซะได้!

 

 

“…เฉินหยินเซิน?” อธิการบดีที่นิ่งเงียบไปแล้วสักพักหนึ่งก็รู้สึกว่าชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูไม่น้อย ไม่นานนักเขาก็นึกขึ้นได้ ก่อนจะหันกลับไปจ้องเฉินฝานซิงเขม็งด้วยสีหน้าโกรธจัด

 

 

“ฉันจำได้ว่านั่นคือกรรมการในงานแข่งเปียโน…ที่แท้เธอก็ยังติดต่อกับเฉินหยินเซินอยู่? เธอนี่มัน…ไม่รู้จักละอายใจ!”

 

 

เฉินฝานซิงหรี่ตาพร้อมเอ่ยออกมาด้วยเสียงเย็นยะเยือก

 

 

“ช่วยระวังปากด้วย ก็ฉันบอกไปแล้วไงว่าไม่มี”

 

 

นัยน์ตาของเธอพลันดิ่งลงสู่ความมืดมิดและหนาวเหน็บ ความเย็นชาและดุดันก่อตัวขึ้นตรงกลางระหว่างคิ้วของเธอ

 

 

เสียงเย็นแข็งกร้าวราวกับถูกเคลือบด้วยน้ำแข็งหนาหลายชั้นทำเอาคนที่อยู่ตรงนั้นสะท้านไปตามๆ กันอย่างไม่รู้ตัว

 

 

สบกับนัยน์ตาเยือกเย็นนั้น ใจของอธิการบดีก็พลันสั่นเทาอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาลอบกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง การโดนอดีตนักเรียนทำให้ตกใจเช่นนี้ ทำเอาความภาคภูมิใจในตัวเองของเขาถูกเล่นงานเข้าอย่างจัง

 

 

“อธิการคะ เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนะคะ…”

 

 

เฉินเชียนโหรวมองเขาวูบหนึ่งพลางเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว แต่บัดนี้ไฟโทสะในอกของเขาได้ประทุขึ้นแล้ว เขาเค้นเสียงหัวเราะเย็นออกมาแล้วพูดขึ้นว่า

 

 

“เรื่องราวออกจะใหญ่โตซะขนาดนั้น เธอคิดว่ามันยังน่าเชื่อถือไม่พอรึไง ถึงได้พากันมาถึงในสถานศึกษา กลัวคนเขาจะไม่รู้กันหรือว่าตอนนั้นเธอก่อเรื่องอะไรไว้บ้าง หึ! การถูกสถาบันไล่ออกตอนนั้นคงทำเธอแค้นมากล่ะสิท่า กลับมาแก้แค้นวิทยาลัยงั้นเหรอ! ในเมื่อเธอไม่กลัวจะขายหน้าอยู่แล้ว อย่างนั้นจะมัวหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ทำไม ผู้จัดการ เปิดประตูนั่นซะ!”

 

 

เรื่องที่เฉินฝานซิงล่อลวงกรรมการในงานแข่งเปียโนครั้งนั้นเป็นเรื่องราวใหญ่โตมาก ถึงขนาดที่วิทยาลัยเสียสิทธิ์ในการถูกคัดเลือกเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงของประเทศในปีนั้นไปเลย พลอยทำให้เขาพลาดโอกาสได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จอีกมากมายไปด้วย เป็นแบบนี้แล้วจะไม่ให้เขามีน้ำโหได้อย่างไร!

 

 

เมื่อเห็นอธิการบดีโต้ตอบเช่นนั้น ใบหน้าของเฉินเชียนโหรวก็ปรากฏสีหน้าได้ใจ

 

 

เฉินฝานซิงเดินเข้าไปตรงหน้าของผู้จัดการฝ่ายห้องพักอีกครั้ง และมองเขาด้วยสายตาที่ดุดันยิ่งกว่าเก่า!

 

 

“คุณกล้าเหรอ!”

 

 

เสียงเข้มดังขึ้น ทำเอาฝูงชนสะดุ้งเฮือกไปเพราะความแข็งกร้าวของเธอ

 

 

อธิการบดีเองก็ตกใจจนรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาจะเต้นผิดจังหวะ เขาโต้ตอบการกดดันของเฉินฝานซิงอย่างฉุนเฉียว ด้วยการแย่งคีย์การ์ดจากมือของผู้จัดการคนนั้นมา

 

 

“วิทยาลัยทีมีชื่อเสียงมามากกว่าหนึ่งศตวรรษ ไม่ใช่ที่ที่จะให้ใครเข้ามามั่วสุมกัน สำหรับนักเรียนที่ทำอัตลักษณ์ของวิทยาลัยเสื่อมเสียและสร้างภาพลักษณ์แย่ๆ ออกไป ถ้าเป็นไปได้สถาบันก็จำเป็นจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้มันไม่มีที่ยืนในสังคม! ฉันล่ะอยากเห็นจริงๆ ว่าไอ้ผู้ชายที่เธอยอมทำลายชีวิตตัวเองเพื่อซ่อนมันเอาไว้จะเป็นขยะประเภทไหน!”

 

 

เฉินฝานซิงยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอยู่ไม่ห่าง แต่ก็หาได้เข้าไปหยุดยั้งการกระทำของอธิการบดี

 

 

เฉินเชียนโหรวเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งได้ใจ เธอมองเฉินฝานซิงกลับไปด้วยสีหน้ายั่วยุ!

 

 

แต่ทันใดนั้น สีหน้าเคร่งขรึมไม่น่ามองของเฉินฝานซิงก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มภายในพริบตา!

 

 

เฉินเชียนโหรวหัวใจกระตุกวูบ ก่อนที่เสียงรูดคีย์การ์ดจะดังขึ้นและประตูก็ถูกผลักเข้าไปอย่างจัง!

 

 

บรรดานักข่าวต่างก็แย่งกันจะเข้าไปเป็นคนแรกโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น สิ่งแรกที่พวกเขาหวังจะทำหลังจากที่เข้าไปได้แล้วนั่นก็คือการกระหน่ำถ่ายภาพในห้องนั้นอย่างบ้าคลั่ง!

 

 

ทว่าเพียงไม่กี่อึดใจต่อจากนั้น เหล่านักข่าวก็ต้องวางกล้องถ่ายรูปในมือลงแล้วหันมองหน้ากันไปมา

 

 

“นี่…”

 

 

 

 

 

ตอนที่ 344 แล้วอะไรอีก

 

 

“นี่…”

 

 

มันเรื่องอะไรกัน

 

 

ไม่มีเสียงนักข่าวซักถามอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีท่าทีจนตรอก ไม่มีความกระเสือกกระสนอย่างที่ได้จินตนาการไว้ แต่กลับมีเพียงความเงียบสงัดจนหน้าประหลาดใจ!

 

 

ทุกคนต่างก็ชะเง้อคอยาวมองเข้าไปในห้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น เฉินเชียนโหรวสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล เธอผละออกจากแขนของซูเหิงแล้วตรงเข้าห้องไปด้วยความตื่นเต้น

 

 

ในตอนที่เธอเบียดตัวออกมาจากกลุ่มนักข่าวจนมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าได้สำเร็จ สีหน้าตื่นเต้นและลิงโลดเมื่อครู่ก็ได้ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าซีดเผือด

 

 

เธอถึงกับผงะถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่อยากเชื่อสายตา สันหลังเธอพลันเย็นวาบ ความตื่นตระหนกผุดขึ้นเต็มใบหน้าขาวซีด

 

 

อธิการบดีเองก็ถูกนักข่าวเบียดมาจนถึงแถวหน้าสุด ในตอนนั้นราวกับเท้าของเขาได้ถูกตอกตรึงไว้กับที่ สองขาเขาสั่นระริก ริมฝีปากสั่นระรัว แม้แต่คำเดียวก็พูดไม่ออก

 

 

“โอ้โหแฮะ คึกคักดีแท้ คิดไม่ถึงเลยว่าแค่ตั้งวงเล่นไพ่กันก็ได้ขึ้นพาดหัวข่าวด้วย!”

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยนั่งทิ้งตัวอยู่บนเก้าอี้ สองขาของเขาไขว้เข้าหากัน ในมือถือไพ่โป๊กเกอร์ที่กำลังเล่นอยู่ แม้ว่าใบหน้าหล่อเหลาจะฉาบไปด้วยความตื่นเต้น แต่ทว่าหลายคนตรงนั้นก็สัมผัสได้ถึงความฉุนเฉียวที่แฝงอยู่ในถ้อยคำ

 

 

“ฉันเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเล่นไพ่จะได้รับความสนใจขนาดนี้ รู้แบบนี้ทีหลังฉันจะได้ปฏิเสธงานไปสักสองสามงาน แต่ก็เอาเถอะ ไว้ค่อยมาเล่นไพ่กับพวกคุณเพิ่มอีกสักสองตา”

 

 

เหลียงซู่เอ๋อร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามอินรุ่นเจวี๋ยก็เอ่ยขึ้นขำๆ ด้วยเสียงนุ่ม ไม่เร่งร้อน เรียบเฉยทว่างามสง่าราวกับเทพธิดา ใบหน้าประณีตงดงามหันมองไปยังเฉินเชียนโหรวพร้อมด้วยรอยยิ้มจางๆ

 

 

เฉินเชียนโหรวหน้าชา แถมยังซีดหนักกว่าเก่า

 

 

เดิมความตั้งใจของเธอคือหากเปิดมาเจอชู้นอนอยู่บนเตียงก็คงจะดีไม่น้อย แต่สุดท้ายกลับถูกยัยชั่วเฉินฝานซิงมาขวางประตูเอาไว้ แต่อย่างน้อยๆ ก็ขอให้เปิดเข้ามาเจอว่าเฉินหยินเซินอยู่ในห้องของเธอก็เป็นพอ นึกไม่ถึงเลยว่า…

 

 

จะเข้ามาเจอสภาพแบบนี้!

 

 

 

 

ตรงที่นั่งหลักซึ่งหันหน้าเข้าหาประตู ปรากฏให้เห็นร่างชายหนุ่มในสูทสีดำถูกรีดเป็นระเบียบ เสื้อเชิ้ตสีเดียวกันยิ่งขับให้ความสูงศักดิ์และสุขุมของเขาโดดเด่นขึ้น

 

 

ใบหน้าหล่อเหลายากจะหาที่เปรียบของเขาประณีตราวกับงานแกะสลัก คิ้วเข้มสงบนิ่งดั่งขุนเขา ก้นบึ้งของนัยน์ตาสีดำคู่คมนั้นลึกล้ำเกินจะหยั่งถึง

 

 

เขาเพียงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ ทว่ากลับรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาได้อย่างแรงกล้า

 

 

“ค…คุณชายป๋อ…”

 

 

อธิการบดีที่ยืนปากสั่นพะงาบๆ ตรงนั้นอยู่ค่อนวัน ในที่สุดก็เค้นคำพูดออกมาได้หนึ่งประโยค

 

 

ป๋อจิ่งชวนจัดไพ่ในมืออย่างไม่รีบร้อน หลังจากที่ได้ยินเสียงนั้น การกระทำในมือของเขาก็หยุดชะงักลง

 

 

ผู้คนที่ยืนออกันอยู่ตรงแถวหน้าต่างก็พากันถอยกรูไปข้างหลังสองก้าวเมื่อเห็นการกระทำเล็กๆ น้อยๆ นั้นของเขา

 

 

ดวงตาหลุบต่ำค่อยๆ ปรายขึ้น เขาใช้สายตาเฉยชาที่อัดแน่นไปด้วยความหนาวเหน็บกวาดมองไปยังเฉินเชียนโหรว…

 

 

เฉินเชียนโหรวตื่นตระหนกจนหัวใจแทบจะหลุดออกมาเต้นข้างนอกอก เมื่อเห็นสายตาของป๋อจิ่งชวน เธอจึงยกยิ้มขึ้นน้อยๆ ปั้นใบหน้ายิ้มแย้มที่สวยที่สุดของตัวเองส่งกลับไปยังชายงดงามและสูงศักดิ์ตรงหน้า

 

 

ทว่าสีหน้าของชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉยไม่ไหวติง ทั้งยังเบนสายตาไปมองยังอธิการบดีที่อยู่อีกด้านหนึ่ง

 

 

“ไหนคุณลองว่ามาซิ…ว่าผมเป็นขยะประเภทไหน”

 

 

อธิการได้ยินดังนั้นก็ยิ่งหน้าซีดขาว

 

 

“คุณ…ชายป๋อ นี่มันเรื่องเข้าใจผิดกันครับ…เข้าใจผิดกัน…”

 

 

“เข้าใจผิด”

 

 

ป๋อจิ่งชวนพยักหน้ารับพร้อมเอ่ยตอบเสียงเรียบ ทำให้อธิการบดีแอบถอนหายใจได้อย่างโล่งอก

 

 

“เรื่องไหนที่ว่าเข้าใจผิด”

 

 

อธิการบดีหัวใจกระตุกวูบ ในตอนนี้บรรยากาศน่ากดดันจนถึงที่สุด

 

 

“ร…เรื่องที่ผมเข้าใจคุณหนูใหญ่ผิดไปครับ…”

 

 

สีหน้าของป๋อจิ่งชวนยังคงเรียบนิ่ง เขาเอ่ยถามต่อไปว่า “แล้วอะไรอีก”

 

 

“ผมไม่ทราบจริงๆ ครับว่าพวกคุณอยู่กันในนี้ และพวกคุณก็ไม่ใช่ขยะด้วย…”