ตอนที่ 170.2 อดอยากมานาน จึงถึงเวลาปลดปล่อย (2)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

เมื่อได้ยินคำพูดเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋มองเธอเงียบๆ อยู่แวบหนึ่ง พลันคิดในใจ

มิน่าตอนแรกที่เธอพบหน้าหนานกงจวิ้นซี กลับจำไม่ได้แม้แต่น้อย ทำราวกับเป็นคนแปลกหน้า

เพราะพูดกันว่าเธอคนก่อนชอบหนานกงจวิ้นซียิ่งนัก

พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงไม่สงสัยในคำพูดของเล่อเหยาเหยา

และเรื่องราวทั้งหมด ก็เริ่มดูสดใสขึ้นมา

ก่อนหน้านี้ตนเป็นทุกข์เพราะชื่นชอบขันที สุดท้ายรู้ว่าเธอคือสตรี จนถึงตอนนี้เธอกลับตั้งครรภ์ และยังเป็นบุตรของตน

ยิ่งคิด หัวใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายอาบไปด้วยน้ำผึ้งจริงๆ

ร่างกายเบาหวิว จนแทบลอยขึ้นไปบนฟ้า

“ฮ่าๆ ดียิ่ง ดียิ่งนัก”

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่ปิดบังความสุขของตนเอง ก่อนกอดรัดคนใต้ร่างแน่นขึ้น คล้ายต้องการบดขยี้เธอเข้าไปในร่างกายตน

เช่นเดียวกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ เล่อเหยาเหยาก็อารมณ์เช่นเดียวกัน

แม้สวรรค์จะเล่นตลกกับเธอไม่น้อย แต่ผลในตอนนี้ เธอพอใจอย่างยิ่ง

เดิมคิดว่า ต่อไปเธอต้องแยกจากชายผู้นี้ คิดไม่ถึง ผลสุดท้ายกลับเป็นเช่นนี้

เธอตอนนี้ รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก!

“อวี๋ นี่คือเรื่องจริง ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่”

สวรรค์!

เธอตอนนี้ มีความสุขที่สุด จนเธอกลัวว่านี่คือความความฝัน

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดใช้มือหยิกที่ต้นขาไม่ได้ เพื่อลองดูว่านี่เธอกำลังฝันหรือไม่

ผลสุดท้าย ไม่ว่าเธอจะหยิกเช่นใด เธอกลับไม่รู้สึกสิ่งใดเลยสักนิดเดียว

ทันใดนั้น เล่อเหยาเหยาตื่นตระหนก

“สวรรค์ ไม่เจ็บ นี่แสดงว่าทั้งหมดไมใช่ความจริงหรือ”

เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ทั้งจนใจและเอ็นดู ก่อนยิ้มมุมปากพลางเอ่ยขึ้น

“นั่นเพราะเจ้าหยิกต้นขาของเปิ่นหวาง”

“หา ขออภัย ขออภัย ข้า ข้าเพียงรู้สึกว่าตอนนี้มีความสุขเกินไป ข้ากลัวจะเป็นเพียงความฝัน”

เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาร้อนใจ พลันคลายมือที่หยิกบนต้นขาออก ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้ากังวล

เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเช่นนั้น ในใจก็เป็นเช่นเดียวกัน!

เขาตอนนี้ รู้สึกพอใจ มีความสุขอย่างมากจริงๆ

“เด็กน้อย นี่ไม่ใช่ความฝัน ต่อไปพวกเราจะมีความสุขเช่นนี้ตลอดไป”

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ถอนหายใจออกมา แต่ภายในน้ำเสียงกลับหนักแน่น เล่อเหยาเหยาได้ฟังอบอุ่นในใจ ริมฝีปากก็ค่อยๆ ยกยิ้มอย่างมีความสุข

รอยยิ้มดุจบุปผานั้น งดงามยิ่งนัก

หน้าตาเธอเผยความสุขออกมา ราวกับเธอคือคนที่มีความสุขที่สุดบนโลกใบนี้ ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋มองอย่างสั่นไหวในใจ

สุดท้ายสายตาไร้การควบคุมเคลื่อนจากใบหน้างดงามนั้น ไปที่คอเรียวนั้น ก่อนมาที่กระดูกไหลปลาร้ายั่วยวนใจ สุดท้ายหยุดอยู่ที่กระต่ายหยกขาวดุจหิมะของเล่อเหยาเหยา

เพราะเมื่อครู่ดีใจมากเกินไป ส่งผลให้เล่อเหยาเหยาพลันลืมเลือนว่าเสื้อผ้าท่อนบนตนถูกฉีกขาดจนหมด จึงเผยร่างกายที่งดงามไร้สิ่งห่อหุ้มของเธอออกมา

ชายหนุ่มพอเห็น สายตาก็อดลึกล้ำขึ้นหนึ่งส่วนไม่ได้

แม้รูปร่างคนตรงหน้าจะไม่ได้ยอดเยี่ยมที่สุด

แต่กลับมีผิวที่เกลี้ยงเกลา ไร้รอยขีดข่วน

กระต่ายหยกคู่นั้นขาวผ่อง ราวกับซาลาเปาเนียนนุ่มคู่หนึ่ง ทำให้เขาที่เห็นพลันเริ่มหิวขึ้นมา

เขาอยากจะกินซาลาเปาคู่นั้นเสียจริง

ในใจคิดเช่นไร ชายหนุ่มก็ทำเช่นนั้นทันที

เล่อเหยาเหยาที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของความสุข จึงรู้สึกเพียงร้อนที่หน้าอก ริมฝีปากของชายหนุ่ม กำลังดูดกลืนหน้าอกของเธอ

เมื่อพลันถูกชายหนุ่มโจมตีที่หน้าอก เล่อเหยาเหยาตั้งตัวไม่ทัน จึงร้อง ‘อา’ ขึ้น หมายผลักชายหนุ่มที่กำลังป้วนเปี้ยนบนหน้าอกเธอออก

แต่ชายหนุ่มคล้ายกับเป็นพยาธิในท้องเธอ สองมือเธอเพิ่งยื่นออกไปก็ถูกมือชายหนุ่มรัดเอาไว้ และกดมือเธอไว้บนศีรษะ

ส่วนอีกมือก็ไม่ปล่อยให้ว่าง นวดเฟ้นกระต่ายหยกอีกตัว

เมื่อหน้าอกถูกมือและริมฝีปากของชายหนุ่มจู่โจม เล่อเหยาเหยาจึงลำบากใจและเขินอาย

เพราะเรื่องประเภทนี้ ยังเป็นครั้งแรก

แม้เธอและชายหนุ่มผู้นี้จะผ่านเรื่องใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก่อน นั่นก็เป็นเพียงเธอช่วยดึงหัวไชเท้าและจุมพิตริมฝีปากเขาเท่านั้น หน้าอกของเธอ ยังไม่เคยมีผู้ใดสัมผัสมาก่อน!

ดังนั้นเวลานี้ เมื่อถูกชายหนุ่มใช้มือจับ และอีกมือนวดเฟ้นเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาอยากหนีเรื่องนี้ด้วยการหมดสติไป

“ไม่ อวี๋ หยุด…”

“เด็กน้อย เจ้าน่าหลงใหลเกินไป เปิ่นหวางอดลุ่มหลงเจ้าไม่ได้”

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาเขินอายอึดอัด เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยขึ้นอย่างลืมตัว

และเขาไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของตนหวานเลี่ยนมากเพียงใด เพราะสิ่งเหล่านี้ต่างออกมาจากใจ

เด็กน้อยผู้นี้ คือปีศาจน้อยที่เกิดมาเพื่อยั่วยวนเขาจริงๆ

เมื่อเห็นเธอเขินอายไม่หยุด สองแก้มแดงก่ำ ตั้งตารอคอยอยู่ใต้ร่างตน ราวอยากจะปฏิเสธแต่ยังใคร่รู้ เขามองด้วยจิตใจสับสน เลือดทั่วร่างกายคล้ายเดือดพล่านขึ้นมา

สัตว์ร้ายที่หลับลึกนั้น ก็ค่อยๆ ถูกเธอปลุกขึ้นมา

เมื่อรู้ว่าเธอคือผู้หญิง เช่นนั้นตอนนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ

อดกลั้นความปรารถนามานานเกินไป นี่จึงเป็นช่วงเริ่มทานอาหาร!

พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่รอให้เล่อเหยาเหยาพูดสิ่งใดอีก ริมฝีปากที่ดูดกลืนกระต่ายหยก ประกบลงบนริมฝีปากเล็กที่หมายจะเอ่ยคำว่า ‘ไม่’ ออกมานั้นไว้อย่างแม่นยำ ทำให้คำพูดทั้งหมดของเธอถูกปิดไว้

จุมพิตดุดันร้อนรุ่ม ดุจพายุลมพายุฝน ทำให้เล่อเหยาเหยาวิงเวียนมึนงง ร่างกายแทบอ่อนระทวย

เมื่อค่อยๆ ได้สติ รู้สึกเพียงเย็นที่ร่างกายท่อนล่าง เมื่อก้มลงมอง เล่อเหยาเหยาตกใจจนตาเบิกกว้าง เพราะกางเกงของเธอ เมื่อครู่ถูกชายหนุ่มใช้มือดึงลงไปที่ข้อเท้า

เวลานี้ ร่างกายเธอไร้สิ่งใดปกปิด นอนเปลือยกายอยู่บนพื้นหญ้าที่อ่อนนุ่มนั้น พอดีเป็นช่วงฤดูร้อน ตอนกลางคืนจึงไม่หนาวเย็น

แต่เมื่อรู้สึกว่าตนเปลือยกายดุจทารกที่เพิ่งคลอด หลังได้สติกลับมา เล่อเหยาเหยาตกใจขดตัวราวกุ้งแห้ง มือข้างหนึ่งปกป้องส่วนที่สำคัญของร่างกายท่อนบนไว้ ส่วนมืออีกข้างปกปิดพื้นที่สามเหลี่ยมของตนเอาไว้ ไม่ให้ชายหนุ่มได้เห็น

น่าเสียดาย ตอนนี้เธอปิดบังก็สายไปแล้ว เพราะชายหนุ่มเมื่อครู่เห็นร่างกายของเธอหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว

เมื่อกวาดมองทางหางตา เล่อเหยาเหยาจึงพบว่า ไม่เพียงตนที่เปลือยเปล่า กระทั่งชายหนุ่ม ก็ไม่รู้ว่าถอดเสื้อผ้าบนกายตนออกจนหมดตั้งแต่เมื่อใด ก่อนทับบนตัวเธอโดยไร้เสื้อผ้าติดกาย

ด้านหลังเขา คือท้องฟ้ายามราตรีไร้ขีดจำกัด หมู่ดวงดาวเปล่งประกาย พระจันทร์กระจ่างใส

แสงจันทร์สีเงินนั้นสาดส่องลงมา ก่อนสาดลงบนกายเขา เปิดเผยรูปร่างสมบูรณ์แบบของเขานั้นออกมาจนหมด

ไหล่กว้าง เอวคอด สองขาเรียวยาว ส่วนสะโพกสูงงอน และหน้าอกสามมิตินั้น

ลายเนื้อเด่นชัด เค้าโครงงดงาม ดุจเทพเจ้ากรีกที่หล่อเหลา สมบูรณ์แบบ!

สุดท้ายสายตาเล่อเหยาเหยาตกอยู่ที่นกยักษ์พร้อมรบนั้น

เห็นเพียงนกยักษ์นั้นตั้งตระหง่านรวดเร็วอย่างยิ่ง ขยายใหญ่จนมหึมา ทำให้เล่อเหยาเหยามองตาถลน

และอดกลืนน้ำลายอย่างตื่นตระหนกตกใจไม่ได้ เพราะ…

สวรรค์!

ใหญ่ยิ่งนัก!

แม้เธอจะไม่เคยทำเรื่องพรรค์นั้นมาก่อน แต่ไม่ใช่ไม่เคยได้ยินมา

ดังนั้น เล่อเหยาเหยาย่อมรู้ว่า ต่อจากนี้ชายหนุ่มคิดจะทำสิ่งใดกับเธอ

แต่เธอหวาดกลัวยิ่งนัก!

เพราะเธอไม่เคยทำเรื่องนั้นมาก่อน

ขนาดมหึมาของชายหนุ่ม เธอรู้ดี ทว่าก่อนหน้านี้ใช้เพียงใช้มือและปากสัมผัสกับนกยักษ์นั้นเท่านั้น แต่ต่อจากนี้…

ไม่! ทำเช่นนี้ไม่ได้ เธอจะเจ็บปวดจนตายแน่!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาตื่นตระหนก สับสน พลันส่ายหน้าดุจระลอกคลื่นกับชายหนุ่มว่า

“ไม่ ท่านทำไม่ได้”

เมื่อเห็นแววตากังวลวิตกของเล่อเหยาเหยา ชายหนุ่มอดหยุดการกระทำของตนไม่ได้ ก่อนเอ่ยเบาๆ ว่า

“ไม่ต้องกลัว เปิ่นหวางจะอ่อนโยน”

“ไม่ ไม่ได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาตกใจจนร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

เพราะเธอกลัวความเจ็บปวด

อาจเพราะรู้ความคิดในใจของเล่อเหยาเหยา ชายหนุ่มจึงเอ่ยปากอย่างอดทนขึ้นอีกครั้ง

“ผู้อื่นต่างพูดว่า ครั้งแรกจะเจ็บ ครั้งที่สองจะไม่เจ็บ และยังสบายอย่างมากอีกด้วย”

แม้เรื่องความรักระหว่างชายหญิง เขาจะผ่านมาเพียงครั้งเดียว และครั้งนั้นยังอยู่ในช่วงเมามาย สติเลอะเลือน แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็รู้เรื่องระหว่างชายหญิงอยู่บ้าง

เพราะเพื่อรอให้ถึงเวลานี้ เขาแอบซื้อชุนกงถู[1]ที่มีจำนวนจำกัดกลับมาหลายเล่มเพื่อ ‘ฝึกฝน’ อยู่หลายรอบ

……………………………………………………………………………………

[1] ชุนกงถู เป็นหนึ่งประเภทของภาพวาดอีโรติกในสมัยโบราณของจีน