บทที่ 200 เสื้อผ้าปลิดปลิว ส่วนสุราก็ลืมไปได้เลย!

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

ปู้ฟางเดินโซเซกลับเข้ามาในครัว เขาผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ กลิ่นสุรากระจายออกจากปาก

หลังจากที่ดื่มสุราเข้าไปสองจอก ปู้ฟางก็รู้สึกมึนเหมือนตัวลอย ต้องยอมรับว่าสุราชนิดใหม่นี้แรงกว่าสุราหัวใจหยกเยือกแข็งอยู่มากโข

ชายหนุ่มนำเหยือกที่เหลือไปเก็บ เหลือไว้เพียงเหยือกหยกสีขาวสามเหยือกที่มีสุราชนิดใหม่บรรจุอยู่เท่านั้น ซึ่งก็เป็นสุราที่ส่งกลิ่นหอมกินพื้นที่ไปกว่าครึ่งนครนั่นเอง

เขาปิดฝาเหยือกหยกสีขาวทั้งสามอย่างแน่นหนา เพื่อกันไม่ให้กลิ่นสุราในเหยือกกระจายออกไปอีก ปู้ฟางตบเหยือกเบาๆ ก่อนจะเลียริมฝีปากตนเองตามสัญชาตญาณ กลิ่นสุราลอยออกจากปากเขาอีกครา

ปู้ฟางมองเหยือกสุราทั้งสามตรงหน้า สมองกำลังครุ่นคิดหาชื่อที่เหมาะสมสำหรับสุราชนิดใหม่นี้…

สุราพลังปราณที่หมักจากสมุนไพรพลังปราณระดับเจ็ดสามชนิด… จะเรียกมันว่า สุราสามขุมทรัพย์ดีไหมนะ ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว ชื่อนั้นดูไร้รสนิยมสิ้นดี รังแต่จะทำให้คุณค่าของสุราชั้นยอดลดลงเสียมากกว่า

“จิบเดียวก็ทำให้ปากร้อนรุ่มเหมือนเพลิงเผา พอกลืนลงท้องกลับเย็นเยียบเหมือนกริชน้ำแข็ง… หรือว่าจะชื่อสุราเพลิงน้ำแข็งดี ไม่สิ ยังไม่ลึกซึ้งพอ หรือจะเป็นสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็ง อืม… เอาเป็นสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งก็แล้วกัน”

ชายหนุ่มลูบคางพร้อมคิดทบทวนดูอีกครั้ง แต่ในหัวใจก็ตัดสินใจเป็นแม่นมั่นไปเสียแล้ว สุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งนั้นยอดเยี่ยมกว่าสุราหัวใจหยกเยือกแข็งชนิดไม่เห็นฝุ่น เขาสงสัยเหลือเกินว่ามันจะเทียบชั้นลมหายใจมังกรได้หรือไม่

ความรู้ที่เขามีเกี่ยวกับลมหายใจมังกรนั้นมาจากคำอธิบายของหนี่หยันทั้งสิ้น เขาไม่เคยดื่มสุราชนิดนั้นมาก่อน จึงยังไม่สามารถตัดสินได้ว่าสุราใหม่ของตนดีกว่าจริงหรือไม่

“ระบบ เป็นไปได้ไหมถ้าข้าจะลองทดสอบดูว่าสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งหรือสุราลมหายใจมังกรดีกว่ากัน” ชายหนุ่มเอ่ยถามระบบด้วยความคาดหวัง

แต่ระบบกลับเงียบไปสักพักก่อนเอ่ยตอบ “การตัดสินเทียบเคียงนั้นต้องกระทำโดยผู้ที่เคยดื่มสุราลมหายใจมังกรมาก่อน ด้วยเหตุนี้นายท่านจึงยังไม่สามารถทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้ในตอนนี้ ขอให้นายท่านพยายามต่อไป แต่ระบบได้บันทึกสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และได้เริ่มคำนวณหาราคาที่เหมาะสมแล้วเช่นกัน…”

คำตอบของระบบเหนือความคาดหมายของปู้ฟางจนทำให้เขางงเล็กน้อย

ต้องให้ผู้ที่เคยชิมลมหายใจมังกรเป็นคนตัดสินเช่นนั้นรึ เรื่องนี้ทำให้ปู้ฟางขมวดคิ้วทันที

ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็คลายปมคิ้ว แล้วยกยิ้มมุมปาก ในนครหลวงนี้มีคนผู้หนึ่งที่เคยดื่มลมหายใจมังกรมาก่อน ซึ่งก็คือหนี่หยันนั่นเอง นั่นแปลว่าการตัดสินจะเกิดขึ้นได้เมื่อนางมาลองชิมสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งในวันพรุ่งนี้

ระบบยังคงคำนวณราคาที่เหมาะสมไม่เสร็จ ปู้ฟางเองก็ไม่รู้ว่าราคาจะออกมาเท่าไร แต่เขามั่นใจอยู่อย่างหนึ่งว่ามันต้องไม่ถูกอย่างแน่นอน

ด้วยความที่ผลยังไม่ออกมา แต่ชายหนุ่มเริ่มง่วงงุนจากฤทธิ์เหล้าแล้ว เขาจึงอ้าปากหาวหวอดก่อนเดินออกจากครัวไปเตรียมตัวเก็บร้านเพื่อเข้านอน

  …

เจ้าขาวยืนอยู่นอกร้านเหมือนภูเขาทะมึน แสงสีแดงกะพริบอย่างต่อเนื่องในดวงตา

ห่าฝนกระบี่ตกลงตรงหน้าเทียนสวีจื่อ ฝนอันตรายนี้เกิดจากกระบี่ในมือของเขาแผลงฤทธิ์นั่นเอง

ใบหน้าของเทียนสวีจื่อเครียดขึง เลือดสีแดงเข้มไหลออกจากจมูกมาเปราะเปื้อนเคราขาว…

“ไอ้หุ่นเชิดเวรนี่จงหัวขาดไปเสีย!”

เขาคำรามเบาๆ จากนั้นก็เพ่งสมาธิไปที่การปล่อยพลังปราณเที่ยงแท้ออกจากร่างกาย เคร้งๆ เงากระบี่พุ่งเข้าใส่เจ้าขาวทันที

เงานั้นปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า เกือบจะกลายสภาพเป็นห่าฝนกระบี่ที่หนักหนามากเสียจนทำให้ใครที่ได้เห็นต้องพากันขนลุกซู่ หัวใจสั่นสะท้านด้วยความกลัว

ใจกลางของห่าฝนกระบี่นั้นมีพลังงานกระบี่ของเทียนสวีจื่อสถิตอยู่ มันเป็นพลังงานกระบี่ของผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการที่ทั้งแข็งแกร่ง ยิ่งใหญ่ และหาได้ยากยิ่ง มันสาดลงมาบนพื้นด้วยกำลังแรงเสียจนแทบทำให้ประตูเมืองพังทลาย ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการทั่วไปคงไม่แม้แต่จะกล้าต่อกรกับกระบวนท่านี้อย่างแน่นอน

วิชานี้… น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

คนที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ ต่างตกอยู่ในสภาวะตื่นตะลึง ทุกคนตระหนักแล้วว่าเทียนสวีจื่อนั้นแข็งแกร่งเพียงใด

ร่างอ้วนกลมของเจ้าขาวดูเล็กกระจ้อยร่อยท่ามกลางฝนกระบี่ที่รายล้อม เหมือนเรือลำน้อยในมหาสมุทรกว้างใหญ่ ทำได้แค่เฝ้ารอให้กระแสน้ำพัดให้เรือคว่ำ

เสียงจักรกลดังผ่านอากาศ ดวงตาของเจ้าขาวเหลือบขึ้นมองข้างบน แล้วปล่อยแสงสีแดงเข้าใส่ห่าฝนกระบี่

ตอนนั้นเองพายุกระบี่จากฟากฟ้าก็ล้อมตัวมันเอาไว้มิด

“ฮ่าๆๆ! ตายโหงตายห่าไปเสียเถิด!” เทียนสวีจื่อระเบิดเสียงหัวเราะลั่น เขาเช็ดเลือดที่หยดออก หน้าตาดูมีความสุขเหลือล้น

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะสาแก่ใจของชายชราก็พลันหยุดชะงัก

นั่นก็เพราะตรงหน้าเขาตอนนี้ ห่าฝนกระบี่กำลังถูกกลืนเข้าหุบเหวไร้ก้นบึ้งแล้วเริ่มเบาบางลงเรื่อยๆ

ไม่นานนักก็เหลือกระบี่อยู่ไม่กี่เล่มเท่านั้น

พลังที่แก่กล้าน่ากลัวเหมือนจะกลืนกินทุกสิ่ง กลับเหลือเพียงกระบี่เล่มเล็กน่าเวทนา

ดวงตาของเทียนสวีจื่อแทบหลุดออกจากเบ้าขณะมองเจ้าขาว นิ้วที่ชี้ไปข้างหน้าของเขาหยุดสั่นไม่ได้… ให้ตายเถิด ในโลกใบนี้มีหุ่นเชิดที่น่ากลัวถึงเพียงนี้อยู่ด้วยหรือ

ดวงตาจักรกลของเจ้าขาวกะพริบแสงสีแดงอีกครั้ง กระบี่โลหะในมือของมันถูกงอจนไม่เหลือทรง ก่อนจะหักพร้อมเสียงดังแกร๊ก…

เสียงกระบี่หักดังสะท้อนไปในตรอกที่เงียบจัดสงัดแทบได้ยินเสียงเข็มตกพื้น

ตอนนั้นเองเหล่าคนดูก็พากันสูดลมหายใจเข้าลึก เทียนสวีจื่อถึงกับกระอักเลือดออกมาแล้วล่าถอยไปสองสามก้าวอย่างไม่อยากเชื่อ ร่างยังคงสั่นไม่หยุด

นั่นเป็นกระบี่วิญญาณที่เขาสร้างขึ้นมาจากเลือดสารัตถะของตน ใครจะไปคิดว่าไอ้หุ่นยนต์ตรงหน้าเขานี้… จะหักมันแหลกคามือได้ง่ายๆ!

เทียนสวีจื่อรู้สึกเหมือนเครื่องในตนเองกำลังปั่นป่วน ร่างกายปวกเปียกลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ผู้ก่อความไม่สงบจะต้องถูกจับแก้ผ้าประจานต่อหน้าประชาชี”

เสียงของเจ้าขาวดังขึ้น ทุกคนต่างผงะไปเพราะไม่มีใครรู้ว่าคำพูดเหล่านั้นหมายความว่าอย่างไร

ผู้นำกองโจรลำดับเจ็ดที่อยู่ในกลุ่มคนดูจำภาพและเสียงนี้ได้เป็นอย่างดี เสียงที่เปรียบเสมือนฝันร้ายนี้ทำให้ร่างทั้งร่างของเขาสั่นสะท้านด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง

อีกแล้ว… เอาอีกแล้วรึ! ไอ้ปีศาจนี่มันช่างหมกมุ่นกับการจับคนอื่นแก้ผ้าเสียจริง!

เจ้าขาวโยนกระบี่หักๆ ทิ้งลงพื้น มันยกมือขึ้นเอื้อมไปข้างหน้า แล้ววางมือลงบนศีรษะของเทียนสวีจื่อ จากนั้นก็ยกตัวอีกฝ่ายขึ้นมา

ฝ่ามือนี้ที่หักได้แม้กระทั่งกระบี่วิญญาณ…

บรรดาคนดูรู้สึกเหมือนสมองตนเองแข็งทื่อไม่ทำงาน หากฝ่ามือนั้นคิดอุตริออกแรงแม้แต่นิดเดียว สมองของเทียนสวีจื่อที่อ่อนกว่ากระบี่วิญญาณก็คง… มีสภาพที่ไม่ค่อยน่าดูนัก

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงนั้นไม่เหมือนกับที่พวกเขาคิดเอาไว้แต่อย่างใด แม้จะไม่ได้น่าดูพอกันก็ตาม

แควก!!

เทียนสวีจื่อรู้สึกถึงลมหนาวที่โชยต้องผิวกาย ชุดคลุมของเขาถูกก้อนเหล็กฉีกออกจนขาด…

สวรรค์ช่วย! ไอ้หุ่นยนต์นี่มันต้องการอะไรกัน มันบ้าไปแล้วหรือ แม้แต่คนแก่ก็ไม่เว้น!

ผู้นำกองโจรลำดับเจ็ดฟันกระทบกันดังกึกๆ นี่เป็นภาพที่คุ้นเคยเหลือเกิน จนทำให้อยากจะตาบอดกันเลยทีเดียว…ภาพนี้ทำให้ความเจ็บปวดไหลเข้าท่วมท้นใจของเขา!

ลำแสงสีแดงจากดวงตาเจ้าขาวกวาดดูร่างล่อนจ้อนของเทียนสวีจื่อ จากนั้นก็สะบัดแขนเหวี่ยงชายชราทิ้งไปเหมือนโยนขนมปังถั่วแดงที่ไม่อร่อยทิ้งจนกระทบพื้นฝุ่นตลบไปหมด

หนี่หยันกะพริบตาปริบแล้วรีบปิดตายี่จือหลิงทันที “เจ้าเด็กน้อยห้ามดู”

บรรดาสิบสามกองโจรรู้สึกหนาวจนถึงกระดูก ต่างคนต่างหายใจหอบด้วยความตกใจ ให้ตายเถิด เหมือนที่หมายเลขเจ็ดพูดเอาไว้ไม่มีผิด… ไอ้หุ่นกระป๋องนี่มันเป็นปีศาจที่หมุกมุ่นกับการจับคนแก้ผ้า มันจะไม่ฆ่า แต่จะจับเราแก้ผ้าให้อับอาย ช่างวิปริตอะไรเช่นนี้!

เทียนสวีจื่อคลานขึ้นจากพื้น ลมหนาวที่พัดผ่านทำให้เขารู้สึกเย็นเป้าขึ้นมา ใบหน้าเหี่ยวย่นดูซีดเผือดกว่าที่เคย เขาไม่อยากดื่มสุราอีกต่อไป แม้แต่เสื้อผ้ายังไม่มีจะใส่ จะมาร่ำร้องหาเหล้าเข้าปากอะไรตอนนี้!

ไอ้หุ่นยนต์ตรงหน้าเขานี้แข็งแกร่งเหลือคณนา สมแล้วที่เป็นไพ่ตายของร้านนี้… ไม่แปลกใจเลยที่เหตุใดต้นตื่นรู้ทางห้าสายยังคงอยู่ เพราะว่าร้านนี้มีหุ่นยนต์ที่สามารถจับขั้นนักพรตยุทธการแก้ผ้าได้โดยที่ไม่ต้องออกแรงนั่นเอง ช่างน่าสยองจริงๆ

เทียนสวีจื่อไม่มีหน้าอยู่อีกต่อไป เขาโบกมือเรียกกระบี่จำนวนมากออกมา จากนั้นก็สะบัดนิ้วเพื่อเอากระบี่เหล่านั้นปิดช่วงล่างของร่างกายไว้ร่าวกับกำลังสวมกระโปรง… อย่างน้อยก็ทำให้คนอื่นไม่เห็นภาพอุจาดตา

เซียวเยวี่ยตะลึงสุดขีด ผู้อาวุโสแห่งตำหนักกระบี่มหาสูญนี้ช่างสมคำร่ำลือเสียจริง มีอารมณ์ขันเหลือร้ายนัก

เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้น สีหน้าเมามายเล็กน้อยยังคงไม่หายไปจากใบหน้าของปู้ฟาง เขาเดินมาที่ทางเข้าร้าน ดวงตาตวัดไปมองชายชราแก้ผ้าล่อนจ้อนที่กำลังพยายามปิดจุดซ่อนเร้นด้วยกระบี่หมุน จากนั้นชายหนุ่มก็ยิ้มออกมา

เขาตบพุงเจ้าขาวแล้วประกาศ “วันนี้ร้านเราปิดแล้ว หากอยากดื่มสุราก็มาเข้าแถวพรุ่งนี้ก็แล้วกัน…”

“อ้อ เรามีขายไม่มาก ใครมาก่อนได้ก่อน”

ชายหนุ่มพูดเสียงนิ่ง เจ้าขาวเองก็หันหลังกลับเข้าร้าน แล้วไปยืนประจำที่อยู่ในครัวตามเดิม ปู้ฟางเอื้อมมือไปหยิบไม้กระดานมาปิดทางเข้าเสียงดังป้าบท่ามกลางสายตาตกใจของฝูงชน

พอปิดร้านเสร็จ เขาก็รู้สึกหนังตาหนักเหมือนเป็นตะกั่ว ปู้ฟางง่วงนอนจนแทบสลบคาที่ เขาผ่อนลมหายใจที่เต็มไปด้วยกลิ่นสุราออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็เดินกลับห้องที่ชั้นสองของร้านไป หลังจากที่อาบน้ำอาบท่าเสร็จ ชายหนุ่มก็คลานขึ้นเตียงแล้วผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

สุรามีไม่มาก มาก่อนได้ก่อน… คำประกาศนี้ทำให้หลายคนกลอกตา จากนั้นพวกเขาก็พากันจากไปทีละคนสองคน ต่างคนต่างครุ่นคิด

ดูเหมือนว่าสุรานี้… จะดื่มได้พรุ่งนี้จริงๆ

พยายามบังคับแย่งชิงมาด้วยกำลังเช่นนั้นหรือ ภาพแสนอุจาดตาของเทียนสวีจื่อยังคงสดร้อนอยู่ในดวงตา พวกเขาไม่ได้โง่ แน่นอนว่าย่อมไม่กล้าหือไม่กล้าอือกับเจ้าขาวอยู่แล้ว ก็ไอ้เจ้านั่นมันเป็นปีศาจที่หมกมุ่นกับการจับคนแก้ผ้านี่นา

“ไปกันเถิด วันนี้หมดเรื่องสนุกแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้มากันแต่เช้าถ้าอยากดื่ม” หนี่หยันลูบศีรษะยี่จื่อหลิง จากนั้นก็ดึงน้องหญิงของตนให้เดินออกจากตรอกไป