ภาคที่ 1 บทที่ 167 หมวกถูกขโมย

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 167 หมวกถูกขโมย

“ไม่มีปัญหา!”

ฮั่วซือฉิงพยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดว่า “ถ้านายสามารถรักษาเธอได้สำเร็จ ฉันจะขอบคุณนายด้วยตัวเองเลย”

“ก่อนอื่น ฉันขอเวลาหาสมุนไพรทั้งหมดที่นายต้องการก่อน”

หญิงสาวสูดหายใจลึกพลางโบกมือไล่ “ฉันอยากอยู่เงียบ ๆ นายกลับไปได้แล้ว”

ซูเย่หมุนตัวเดินจากมา

เขากำลังคำนวณเวลาอยู่ในใจ

“วันนี้หญ้าเฉาก๊วยสวรรค์ที่เราเจอในป่าครั้งที่แล้ว ก็น่าจะโตเต็มที่พอดี แวะเข้าไปเก็บเลยก็ดีเหมือนกัน”

“แต่ก่อนไปที่นั่น เราลองแวะไปหาต้นเบญจมาศสวรรค์ ตามที่ตาลุงคนขายสมุนไพรเคยให้ที่อยู่เอาไว้ก่อนดีกว่า”

ดังนั้น ซูเย่จึงขับรถเช่าออกจากประตูหน้าของเรือนกระจกในอีกไม่กี่นาทีต่อมา

รถยนต์แล่นทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วแรง!

แต่ในความรู้สึกของซูเย่ ความเร็วของรถยนต์ก็ยังช้าเกินไปอยู่ดี

ซูเย่จอดรถทิ้งไว้ริมเนินเขาแห่งหนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปในป่า ตรงไปยังบริเวณที่ชายชราคนขายสมุนไพรเคยบอกว่าพบเจอต้นเบญจมาศสวรรค์อยู่ที่นั่น

ในเวลาเดียวกันนี้

เมื่อซูเย่กลับไปแล้ว ฮั่วซือฉิงก็ยกโทรศัพท์โทรไปหาหลี่เคอหมิงทันที

หลังรอสายอยู่พักใหญ่ หลี่เคอหมิงกดก็รับสาย

“ฮัลโหล?”

“ทำไมต้องให้รอตั้งนานกว่าจะรับสาย เดี๋ยวนี้กลัวฉันถึงกับไม่กล้ามาเจอหน้ากันแล้วเหรอ?”

“เปล่าสักหน่อย ช่วงนี้ผมกำลังยุ่ง”

“ฉันไม่สนใจหรอกว่าคุณยุ่งหรือเปล่า แต่ขอฉันพูดให้ชัดเจนอีกครั้งนะว่า คุณไม่ต้องสนใจเรื่องนั้นแล้วก็ได้ มันก็แค่ความรักของเด็ก ๆ ตอนที่ฉันยังอ่อนต่อโลกมากเกินไป แต่ที่โทรมาหาตอนนี้น่ะ เพราะฉันมีเรื่องอื่นอยากสอบถามต่างหาก”

“หลี่เคอหมิง”

ฮั่วซือฉิงพูดชื่อของบุคคลปลายสายออกมาตรง ๆ “ลูกศิษย์ของคุณเป็นคนยังไงกันแน่?”

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? อยู่ดี ๆ ทำไมมาถามอะไรแบบนี้?”

หลี่เคอหมิงถามด้วยความตกใจ

“ก็เขาเล่นบอกว่าตัวเองสามารถรักษาเสี่ยวเหอได้น่ะสิ ถึงไม่รับปากว่าจะรักษาหายขาด แต่อย่างน้อยก็คงช่วยทำให้เธอไม่ต้องตายอีกแล้ว!”

ฮั่วซือฉิงพูดพร้อมกับหัวเราะในลำคอเล็กน้อย “เขาถึงกับเขียนใบสั่งยาให้ฉันจัดการ แต่สมุนไพรที่เขาอยากได้แต่ละตัว ฉันไม่รู้เลยว่าจะไปหาจากที่ไหน”

“ซูเย่บอกว่าเขาสามารถรักษาเสี่ยวเหอได้งั้นเหรอ?”

หลี่เคอหมิงตกตะลึงเช่นกันเมื่อได้ยินดังนั้น และกำลังจะพูดออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้…”

แต่อย่างไรก็ตาม

คำพูดยังไม่ทันพ้นริมฝีปาก ผู้เป็นอาจารย์ก็นึกถึงความแปลกประหลาดที่ไม่เหมือนใครของซูเย่

อย่างเช่น เรื่องบ้านเก่าแก่ของบรรพบุรุษที่ซูเย่มักจะเอ่ยถึงอยู่บ่อย ๆ

แล้วไหนจะเรื่องที่เขาเคยรักษาคนไข้ขาหักถาวรให้หายดีในเวลาเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น

เมื่อคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้แล้ว

หลี่เคอหมิงก็พูดออกไปว่า “คุณส่งใบสั่งยาของเขามาให้ผมหน่อย เดี๋ยวผมจะเอาไปให้อาจารย์ดูเอง!”

“ได้สิ เดี๋ยวฉันจะถ่ายรูปส่งไปให้นะ”

หลังจากนั้น ฮั่วซือฉิงก็กดวางสาย จัดการถ่ายรูปใบสั่งยาที่ซูเย่เขียนเอาไว้ส่งไปให้หลี่เคอหมิง

เมื่อได้รับรูปถ่ายใบสั่งยา

หลี่เคอหมิงก็พบว่าสมุนไพรแต่ละชนิดในใบสั่งยานี้ค่อนข้างแปลกประหลาด มันไม่ใช่สมุนไพรที่จะถูกใช้ในการปรุงยาทั่วไป เพราะร่างกายของคนปกติไม่มีทางรับผลข้างเคียงที่รุนแรงของสมุนไพรเหล่านี้ได้เด็ดขาด อย่าว่าแต่ฮั่วเสี่ยวเหอมีร่างกายอ่อนแอถึงขนาดนั้น

แต่ว่า

หลี่เคอหมิงก็ยังไม่หมดความมั่นใจเสียทีเดียว เขาโทรศัพท์ไปหาซูเย่โดยไม่ลังเล

“สวัสดีครับอาจารย์?”

ซูเย่ที่กำลังเดินขึ้นเขาหยุดชะงักเพื่อรับโทรศัพท์จากหลี่เคอหมิง

คุณลุงที่เป็นคนเก็บสมุนไพรป่าเดินผ่านมาพอดีก็ชำเลืองมองเขาด้วยความไม่อยากเชื่อ

เพราะชายหนุ่มคนนี้มีความรวดเร็วมากเกินไป ความรวดเร็วระดับนี้ น่าจะจับกระต่ายป่าด้วยมือเปล่าได้ด้วยซ้ำ!

“ใบสั่งยาที่นายเขียนมา สามารถเอาไปใช้รักษาฮั่วเสี่ยวเหอได้จริง ๆ ใช่ไหม?”

หลี่เคอหมิงถามอย่างตรงไปตรงมา

“ได้แน่นอนครับ” ซูเย่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ดีแล้วล่ะ”

หลี่เคอหมิงพยักหน้า กดวางสาย และนำใบสั่งยาของซูเย่ไปให้ปรมาจารย์ฮั่วตรวจสอบ

สิบนาทีหลังกดวางสายจากหลี่เคอหมิง

ซูเย่ก็มาถึงตำแหน่งที่ตั้งของต้นเบญจมาศสวรรค์

ที่นี่แตกต่างไปจากป่าแห่งอื่น ๆ

ป่าแห่งนี้มีต้นไม้ขึ้นอยู่เพียงน้อยนิด แต่กลับมีดอกไม้ป่าขึ้นอยู่เต็มหุบเขา เช่นเดียวกับบ่อน้ำและลำธารที่ปรากฏอยู่มากมาย

หากป่าดอกไม้แห่งนี้ไม่ได้ซ่อนอยู่ในเขตป่าลึก มันก็คงกลายเป็นสถานที่ตั้งแคมป์ยอดนิยมสำหรับคนหนุ่มสาววัยมหาลัยแน่นอน

“แถวนี้มีพลังปราณธรรมชาติแรงกว่าที่อื่น”

ซูเย่คิดคำนึงอยู่ในใจ

“หวังว่าวันนี้เราคงไม่ต้องกลับบ้านมือเปล่าหรอกนะ”

หลังจากนั้น เขาก็กวาดตามองรอบบริเวณ

ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังอยู่ห่างไกลออกไป

“สวบสาบ สวบสาบ…”

ได้ยินเหมือนเสียงหอยทากกำลังคลานไปบนพื้นดินด้วยความเร็วไว

เดี๋ยวก่อนนะ

ซูเย่หรี่ตามองพื้นที่ริมเนินเขาตรงหน้า

และแล้ว เขาก็พบเข้ากับต้นแอปเปิลป่าที่ขึ้นอยู่บริเวณริมเนินเขา

ผลแอปเปิลสีแดงสดกำลังเปล่งประกายได้ที่

ปรากฏว่าเสียงที่ซูเย่ได้ยินไม่ใช่เสียงของหอยทาก แต่กลับเป็นเสียงของตะขาบตัวใหญ่กับงูยักษ์กำลังมุ่งขึ้นไปเผชิญหน้ากันอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่งต่างหาก

เมื่อเห็นเจ้าตะขาบยักษ์ ซูเย่ก็ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย

เพราะนั่นมันตะขาบตัวเดียวกับที่เขาเคยฝังเศษหยกปราณธรรมชาติลงไปในตัวมันไม่ใช่หรือ?

“กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ ต้องข้ามภูเขาตั้งหลายลูก แกออกมาหากินไกลเหมือนกันนะ ขนาดอยู่ห่างจากเมืองจี้หยางร่วมสิบกิโล ฉันก็ยังหนีแกไม่พ้นอีกเหรอเนี่ย?”

ซูเย่หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ นับว่าเขากับตะขาบยักษ์ตัวนี้ คงมีชะตาผูกพันกันโดยแท้

ชายหนุ่มเลื่อนสายตาไปจับจ้องงูยักษ์

เพียงดูลวดลายวงแหวนสีดำสลับขาวบนลำตัวของมัน เขาก็รู้แล้วว่างูตัวนี้เป็นงูพิษ!

หลังจากนั้น ซูเย่ก็หรี่ตาจ้องมองผลแอปเปิลที่อยู่บนต้นไม้ต้นนั้น

“เปิดผนึกดวงตาที่สาม!”

“ว่าแล้วเชียว”

ในจำนวนผลแอปเปิลที่งอกงามออกมามีห้าลูกที่กำลังปลดปล่อยพลังปราณธรรมชาติหนาแน่นในระดับเดียวกับผลวอลนัทวิเศษ

“ที่แท้พวกแกก็กำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งแอปเปิลพวกนี้นี่เองสินะ!”

ซูเย่ยิ้มร่าและเดินเข้าไปใกล้

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา เจ้าตะขาบยักษ์ก็หันกลับมามองซูเย่ทันที

เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงเดินเข้าไปหา เจ้าตะขาบก็รีบกระดิกหางด้วยความตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่ามันอยากให้ซูเย่ช่วยเหลือตนเอง

ระหว่างที่กระดิกหางอยู่นี้ เจ้าตะขาบก็พยายามฝังคมเขี้ยวของมันลงไปบนลำตัวของเจ้างูพิษ

“ชีวิตคงไม่ง่ายดายขนาดนั้นหรอก พรรคพวก”

ซูเย่ยิ้มกว้าง ประทับฝ่ามือของตนเองลงไปบนต้นแอปเปิล ก่อนจะโคจรพลังลมปราณอัดเข้าไปในต้นไม้

“วูบ!”

ผลแอปเปิลทั้งห้าลูกหลุดหล่นลงมาจากขั้วทันที

ซูเย่หมุนกายรับพวกมันได้ทันเวลาทุกลูก

ทั้งเจ้าตะขาบและงูยักษ์ต่างก็ถูกแรงสั่นสะเทือนของต้นไม้สลัดตกลงมาบนพื้นดิน แรงกระแทกทำให้พวกมันมึนงงสับสนไปครู่หนึ่ง

เมื่อรู้สึกตัวอีกที แอปเปิลวิเศษเหล่านั้นก็ไปอยู่ในมือซูเย่เรียบร้อยแล้ว

“ฝ่อ!”

เจ้างูยักษ์ชูหัวส่งเสียงข่มขู่ซูเย่ด้วยความโกรธแค้น คล้ายกับว่ามันพร้อมที่จะโจมตีเขาได้ตลอดเวลา

ส่วนเจ้าตะขาบยักษ์ฉลาดมากกว่านั้น

มันรีบคลานมาอยู่ข้าง ๆ ซูเย่และส่งเสียงข่มขู่เจ้างูพิษด้วยความดุร้าย

แปลเป็นภาษาสัตว์ได้ว่า ‘เก่งจริงก็เข้ามาสิวะ’

“ฝ่อ…ฝ่อ…”

เจ้างูยักษ์ลดหัวลง เตรียมตัวพร้อมที่จะพุ่งฉก

“พวกเราอย่ามาสู้กันเองเลยนะ ของพวกนี้เราแบ่งกันก็ได้”

หลังจากนิ่งคิดอยู่เล็กน้อย ซูเย่ก็รู้ว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับสัตว์ป่าที่จะพบเจอผลไม้วิเศษเช่นนี้

หากเขาขโมยแอปเปิลวิเศษไปทั้งห้าลูก ก็คงใจร้ายมากเกินไปหน่อย

โดยเฉพาะสำหรับเขาแล้ว แอปเปิลพวกนี้ไม่ได้มีพลังมากมายสักเท่าไหร่

ทันใดนั้น ซูเย่โยนผลแอปเปิลวิเศษในมือให้กับงูพิษและตะขาบยักษ์ตัวละลูก ก่อนพูดว่า “พวกนายเอาไปคนละลูกก็แล้วกัน ส่วนที่เหลือเป็นของฉัน”

เจ้างูพิษอ้าปากกัดแอปเปิลลูกนั้น ก่อนจะกลืนลงคอไปรวดเดียวหมด

ทางด้านเจ้าตะขาบยักษ์ก็กัดกินด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน

หลังจากนั้น มันก็กระดิกหางวิ่งวนรอบ ๆ เท้าซูเย่ ก่อนจะหันไปส่งเสียงขู่เจ้างูยักษ์ทีหนึ่ง แล้ววิ่งหนีไปอย่างมีความสุข

เจ้างูยักษ์ชูคอขึ้นมามองหน้าซูเย่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่มันจะเลื้อยเข้าไปในป่าข้างทางและหายลับไปจากสายตาในวินาทีต่อมา

“เจ้าพวกนี้ฉลาดเหมือนกันแฮะ รู้ซะด้วยว่าควรสู้และควรถอยเวลาไหน”

ซูเย่ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ

ก่อนจะก้มมองผลแอปเปิลสามลูกที่อยู่ในมือ

“ถือว่าหายากอยู่นะ ต่อให้มีเงินก็คงหาซื้อไม่ได้”