บทที่ 204 เหลือไว้

คู่ชะตาบันดาลรัก

หมิงเวยตวัดนิ้วแล้วร่างของหลิงหลงก็ค่อยๆ สลายหายไปจนไม่เห็นแล้ว

นางถอนหายใจแล้วพูดกับเจี่ยงเหวินเฟิง “ใต้เท้าคงเห็นแล้ว ความทรงจำของนางไม่สมบูรณ์จึงรู้แค่เพียงเท่านี้”

เจี่ยงเหวินเฟิงพยักหน้าเขาเดินไปที่ตู้หนังสือหยิบพู่กันขึ้นวาดรูปลักษณ์ของหลิงหลง

“หลิงหลง ชำนาญดนตรี เหมือนฝัน” เขาเขียนคำด้านข้างภาพวาดแล้วพูด “ให้พวกเขาไปหาคนก่อนละกัน!”

หมิงเวยพูดอีกว่า “ข้าฟังสำเนียงการร้องของนางเป็นไปได้มากว่ามาจากทางใต้” เจี่ยงเหวินเฟิงเขียนคำเพิ่มลงไปจากนั้นก็เรียกเหลยหงแล้วส่งภาพวาดแก่เขา

เหลยหงพูด “เด็กสาวนางนี้เป็นไปได้ว่าจะเป็นนักขับร้อง ข้าน้อยจะให้คนไปตรวจสอบดูขอรับ” หากสามารถพบร่องรอยของสตรีคนใดคนหนึ่งก็ถือว่ามีจุดเริ่มต้นแล้ว ไม่เสียแรงโดยเปล่าประโยชน์ เรื่องที่เหลือหมิงเวยไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้จึงขอตัวกลับ

เหลยหงจัดการได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่วันเดียวศาลาว่าการก็ส่งข้อความมา

เมื่อหมิงเวยไปถึงศาลาว่าการก็เห็นว่าหยางชูอยู่ที่นั่นด้วย

“ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่กัน” หมิงเวยแปลกใจ “หวงเฉิงซือไม่ได้ทำงานที่นี่ไม่ใช่หรือเจ้าคะ”

หยางชูเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ฝ่าบาทสั่งให้ข้าติดตามคดีนี้ด้วย”

เห็นสีหน้าของเขาแล้วหมิงเวยก็สงสัย “ทำไมท่านถึงยิ้มแปลกๆ เช่นนั้นเล่า”

หยางชูมองนางแล้วพูดเสียงเบา “ได้ยินว่าท่านขอเจี่ยงเหวินเฟิงแต่งงานงั้นหรือ”

“อา ท่านรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ”

“ใช่หรือไม่”

“ใช่เจ้าค่ะ!” หมิงเวยยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “ข้าคิดว่าใต้เท้าเจี่ยงเป็นคนดี เหมาะสมที่จะเป็นสามีมาก”

หยางชูกัดฟัน “แต่อายุเขามากกว่าท่านสองเท่า!”

หมิงเวยมองเขาด้วยความแปลกใจ “ท่านยังไม่ตื่นหรือ ลืมไปแล้วหรือว่าข้าไม่ใช่คุณหนูเจ็ด แล้วอายุจริงๆ ของข้าก็เหมาะสมกับใต้เท้าเจี่ยงพอดีเลย แต่กับท่าน นับว่ายังเด็กไปนะ!”

หยางชูดูตื่นตระหนกเล็กน้อย “ข้าพูดถึงท่านอยู่! ท่านมาพูดถึงข้าทำไมกัน”

หมิงเวยพูดอย่างจริงจัง “ก็ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากพูดก็แค่นั้น”

ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้นเหลยหงก็เดินเข้ามาพอดี

เมื่อเห็นหมิงเวยอีกฝ่ายก็พูดเข้าประเด็นทันที “แม่นางหมิง หลิงหลงผู้นั้นเป็นนักขับร้องจริงๆ ขอรับ มีคนที่ซอยคังเล่อเคยเห็นนาง”

หมิงเวยไม่รู้ว่าซอยคังเล่อคือสถานที่แบบไหน แต่หยางชูกลับรู้จักเป็นอย่างดี ซอยคังเล่อเป็นซอยที่เงียบสงบ เจ้าหน้าที่หลายคนมักจะเลี้ยงสตรีอื่นไว้ที่นั่น

“เป็นเรือนไหนหรือ มีผู้ใดอยู่เบื้องหลังหรือไม่”

เหลยหงตอบ “เรือนหลังนั้นรับแขกเยอะมาก ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีคนอยู่หรือเปล่าขอรับ”

หยางชูพยักหน้า “บอกที่อยู่กับข้ามา ข้าจะลองไปตรวจสอบดู”

เหลยหงรีบบอกทันที การตรวจสอบเรื่องนี้ไม่มีผู้ใดเชี่ยวชาญไปกว่าหวงเฉิงซืออีกแล้ว เมื่อพูดคุยเรื่องนี้เสร็จเหลยหงก็ขอตัวไปทำธุระต่อ

หมิงเวยเดินตามหยางชูออกจากศาลาว่าการและขึ้นรถม้าไปกับเขาด้วย

หยางชูขึ้นมาแล้วแค่นหัวเราะก่อนกล่าว “ชายหญิงโสดสองคนไม่รู้จักหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่รโหฐานหรือ”

หมิงเวยเปิดกล่องที่อยู่บนรถม้า หยิบพัดที่เขาเตรียมไว้ออกมาแล้วพัดด้วยท่าทางสง่างาม “ต้องหลีกเลี่ยงอะไรหรือเจ้าคะ ท่านร้อนตัวหรือ”

“ทำไมข้าต้องร้อนตัวด้วย” หยางชูหันหน้ามามองนาง

อาสวนเข้ามาถาม “คุณชายจะไปที่ไหนหรือขอรับ”

หยางชูอารมณ์ไม่ดี “นางขึ้นมาแล้วยังจะกลับจวนโหวได้หรือ”

อาสวนมองคนนั้นทีคนนี้ทีแล้วพยักหน้า “ขอรับ” ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจอะไร

รถม้าเริ่มเคลื่อนที่อย่างช้าๆ และกำลังแล่นไปตามถนน หยางชูเห็นนางงอนิ้ว หลังจากนั้นไม่นานควันก็ลอยเข้ามาจากข้างนอกตกลงบนฝ่ามือของนางและเปลี่ยนรูปเป็นงูสีขาวตัวน้อย

“นายท่าน”

หมิงเวยยื่นมือออกไปลูบหัวมัน “พี่ห้าอยู่ที่ใด เจ้านำทางหน่อย”

“เจ้าค่ะ”

หลังจากนั้นไม่นานรถม้าก็หยุดลงและอาสวนก็ยกม่านขึ้น “คุณชาย ข้างหน้าคือซอยคังเล่อขอรับ”

เมื่อได้ยินเหลยหงพูดถึงซอยคังเล่อ พวกเขาก็ได้เดินทางมาถึงซอยคังเล่อ พอดิบพอดี การแสดงออกของทั้งคู่ค่อนข้างพูดยาก

“กระดูกพวกนั้นเกี่ยวข้องกับกลุ่มยาจกงั้นหรือ”

หมิงเวยได้รับรู้ประสบการณ์ของจี้เสียวอู่จากปากของงูขาว นางเลิกคิ้ว “พี่ห้าเข้าไปในถ้ำโจรจริงหรือเนี่ย”

“งั้นดีเลย!” หยางชูพูดขึ้นมาลอยๆ “เข้าไปในถ้ำโจรเร็วขนาดนี้ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยเพื่อนร่วมชั้นของท่านได้อย่างราบรื่น”

หมิงเวยพยักหน้าแล้วสั่งการงูขาว “เจ้าไปบอกพี่ห้าว่าให้เขาตามหาเด็กสาวที่ชื่อหลิงหลงที่เคยอาศัยอยู่ในซอยคังเล่อ ถ้าเกิดเรื่องอันตรายให้รีบมารายงานทันที”

…………

“ข้าจัดการเองได้” จี้เสียวอู่รีบหยิบเสื้อผ้าในมือของกุ้ยเหนียงแล้วเดินไปด้านหลังฉากกั้น

กุ้ยเหนียงยิ้มแล้วถามว่า “คุณชายมาสถานที่เช่นนี้เป็นครั้งแรกหรือเจ้าคะ”

“คือ…”

“อยู่ไปสักพักเดี๋ยวก็ชินเจ้าค่ะ” กุ้ยเหนียงยิ้มแล้วมองไปยังเงาที่อยู่หลังฉากกั้น “เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าสังคมข้างนอก”

จี้เสียวอู่ตอบ “เจ้าคงเห็นมาเยอะแล้วคงจะชินแล้วสินะ”

กุ้ยเหนียงยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบว่า “เจ้าค่ะ”

นางยืนอยู่ด้านข้างฉากกั้นแล้วส่งผ้าคาดเอวให้กับเขา

“ดูจากท่าทางของท่านแล้วไม่ต่างจากคุณหนูที่เกิดในตระกูลชนชั้นสูงเลย เหตุใดถึงมาทำอาชีพนี้หรือ”

กุ้ยเหนียงยิ้ม “คุณชายถามเช่นนี้ท่านคงมาเป็นครั้งแรกจริงๆ”

“อ้อ…ใช่แล้วล่ะ”

กุ้ยเหนียงตอบ “อาชีพอย่างพวกเรายิ่งไว้ตัวมากเท่าไรยิ่งได้รับความนิยมมากเท่านั้น คณิกาชั้นหนึ่งเหล่านี้จะด้อยกว่าคุณหนูชนชั้นสูงได้อย่างไร”

“….”

จี้เสียวอู่เดินออกมาจากหลังฉากกั้น กุ้ยเหนียงกล่าวชมว่า “คุณชายช่างงดงามจริงๆ ได้พบแขกเช่นท่านเป็นโชคดีของพวกเรานัก”

จี้เสียวอู่หัวเราะอย่างเขินอายแล้วพูดเสียงแผ่วเบา “ข้าขอความช่วยเหลือจากพี่สาวได้หรือไม่”

“เชิญกล่าวมาได้เลยเจ้าค่ะ”

“พี่ฉีท่านนั้น เขาอยากให้ข้าพักผ่อนกับท่านที่นี่ แต่ข้าปฏิเสธไม่ได้ เลยอยากให้พี่สาวช่วยข้าปิดบังที”

กุ้ยเหนียงถาม “คุณชายไม่ต้องการพักที่นี่ ข้าไม่งดงามพองั้นหรือ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น” จี้เสียวอู่รีบพูด “ข้าก็แค่…ที่บ้านข้าเข้มงวดมาก อีกอย่างพี่สาวงดงามราวกับเทพธิดาข้าไม่กล้าดูหมิ่นหรอก”

กุ้ยเหนียงชะงัก นางยิ้มออกมา “คุณชายพูดอะไรกัน เทพธิดาอะไร คนอย่างพวกเรา แสร้งทำเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ แต่อย่างไรก็เป็นได้แค่ของเล่นไว้ประดับเท่านั้น”

“คุณชาย เสร็จหรือยังเจ้าคะ” เสียงของตัวฝูดังมาจากด้านนอก

จี้เสียวอู่ยิ้มให้กุ้ยเหนียงแล้วพูดเสียงเบา “เห็นหรือไม่ว่าสาวใช้ของข้าจับตาดูอยู่”

กุ้ยเหนียงยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นพวกเราออกไปกันเถอะเจ้าค่ะ”

เมื่อจี้เสียวอู่เดินออกมา ฉีผิงก็มองไปยังจี้เสียวอู่และกุ้ยเหนียงที่เดินกลับมาด้วยกันแล้วหัวเราะเสียงดัง “พี่กัว ท่านกลับมาแล้ว หากท่านไม่กลับมาข้าคงออกไปก่อน”

จี้เสียวอู่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “พี่ฉีพูดอะไรน่ะ ข้าก็แค่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง”

“ใช่ๆๆ เปลี่ยนเสื้อผ้า” ฉีผิงดึงจี้เสียวอู่เข้ามา “มา มาดื่มกันต่อเถอะ” แล้วพวกเขาก็รับประทานอาหารดื่มสุรากันจนถึงเที่ยงคืน ใบหน้าของจี้เสียวอู่แดงก่ำ เขาเมาจนมองเห็นอะไรไม่ชัดเจน ตัวฝูเองก็ถูกจับกรอกไปหลายแก้วจนเริ่มมึนนางนั่งอยู่ที่นี่ด้วยความงุนงง

ฉีผิงขยิบตาและออกไปคุยกับกุ้ยเหนียงข้างนอก

“คืนนี้เจ้าอยู่กับเขาซะ” ฉีผิงพูด “คุณชายกัวเพิ่งออกจากบ้านเป็นครั้งแรก เขาซื่อมาก ใช้วิธีการของเจ้าทำให้เขาอยู่กับเจ้าที่นี่ซะ”

กุ้ยเหนียงตอบรับแล้วถามกลับ “ให้ทิ้งคุณชายกัวไว้ที่นี่แล้วหากนายท่านทั้งหลายมาจะทำอย่างไรเจ้าคะ”

ฉีผิงตอบ “พวกเขาจะไม่มาที่นี่สักพัก ตอนนี้สถานการณ์กำลังตึงเครียด” แล้วพูดอีกว่า “เจ้าให้หลิวหลีพาคนมาเป็นครั้งคราวแล้วค่อยๆ บอกเรื่องหนึ่งแก่พวกเขา…”

กุ้ยเหนียงได้ยินข้อความที่อีกฝ่ายถ่ายทอดมาก็ตกใจ “หัวหน้าฉี ท่าน…”

ฉีผิงตวัดสายตาอันเฉียบคมขัดคำพูดนาง “ทำตามไปก็พอแล้ว”

กุ้ยเหนียงก้มหน้ารับคำเสียงเบา “เจ้าค่ะ”

……