บทที่ 369 ไม่ฉลาดเท่าไรนัก + บทที่ 370 อยู่ให้ห่าง

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 369 ไม่ฉลาดเท่าไรนัก

เซียวอี้หลินพินิจมองหลี่หลินเอ๋อร์ มุมปากเขากระตุก “ดูเหมือนว่าจะมีคนคอยหนุนหลังเจ้าอยู่จริงๆ สินะ”

สีหน้าหลี่หลินเอ๋อร์เปลี่ยนไป นางสับสนเล็กน้อย “ข้าไม่เข้าใจว่าท่านพูดถึงอะไร”

“จริงหรือ” เซียวอี้หลินถลึงตามองหลี่หลินเอ๋อร์อย่างชั่วร้ายและเย็นชา จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินจากไป

“เฝ้านางให้ดี อย่าให้นางตายหรือหนีไปได้ ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าพวกเจ้าทุกคน” เมื่อได้ยินคำสั่งของเซียวอี้หลิน สีหน้าหลี่หลินเอ๋อร์ก็เปลี่ยนไปขณะที่มองแผ่นหลังของเซียวอี้หลินค่อยๆ ห่างออกไป

ไม่ นางจะไม่ยอมแพ้เอาตอนนี้ นางจะต้องหาทางหนี

“หาคนมาเฝ้าหลี่หลินเอ๋อร์ รายงานข้าถึงทุกอย่างที่นางทำ”

“ขอรับ ท่านอ๋อง”

เซียวอี้หลินหรี่ตามองเบื้องหน้า สาเหตุที่เขาพูดสิ่งเหล่านั้นออกไป จริงๆ แล้วเพียงเพื่อจุดประสงค์เดียว เขาต้องการให้หลี่หลินเอ๋อร์ติดต่อกับคนที่หนุนหลังนางอยู่เท่านั้น เขาจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

หลังใคร่ครวญดู เซียวอี้หลินเลือกไม่บอกหนิงเมิ่งเหยาเรื่องนี้

เขาวางแผนจะรอดูผล เมื่อถึงตอนนั้นค่อยไปหาหนิงเมิ่งเหยา

ทว่า เขาไม่รู้เลยว่านางรู้เรื่องนี้แล้ว

อวี้เฟิงนอนเอกเขนกบนเก้าอี้ยาวเบาะอ่อนนุ่ม แขนโอบรอบเอวเหมยรั่วหลิน ตามองคนที่หลับในอ้อมแขนของเฉียวเทียนช่าง “เซียวอี้หลินดูไม่ฉลาดเท่าไรนัก”

“ทำไมเจ้าจึงพูดเช่นนั้น”

“เขาลงโทษหลี่หลินเอ๋อร์ เพื่อให้นางติดต่อคนที่หนุนหลังนาง แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่าหลี่หลินเอ๋อร์จะโดนฆ่า นางจะได้ไม่แฉความลับ” อวี้เฟิงและคนอื่นๆ ไม่พอใจกับแผนของเซียวอี้หลิน

มู่เฉินผงกศีรษะ “อวี้เฟิงพูดถูก เซียวอี้หลินคิดจะล่อคนหนุนหลังออกมา ตรงจุดนั้นเราเข้าใจ แต่วิธีการของเขาไม่ฉลาดเอาเสียเลย” ดวงตามู่เฉินเย็นชา

หนิงเมิ่งเหยามองพวกเขา นางไม่เข้าใจ “พวกเจ้ากำลังบอกว่าวิธีนี้จะทำให้เงื่อนงำที่เรามีขาดตอนรึ”

“ไม่เชิง ถึงตอนนั้นเจ้าจะรู้เอง” อวี้เฟิงเผยยิ้มชั่วร้าย ไม่มีใครมาห้ามพวกเขาให้ทำตามความต้องการได้

หนิงเมิ่งเหยามองพวกเขาอย่างสับสน แต่ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมเล่าให้ฟัง นางจึงหยุดถาม แล้วอดทนรอผลลัพธ์

ในเวลานั้นเอง หนานกงเยี่ยนที่อยู่ในเมืองหลิงก็ได้รับข่าวจากหนิงเมิ่งเหยา สีหน้าเขาเปลี่ยนไป เขาหันไปมองคนอื่นๆ “เตรียมตัวไปเมืองเซียว”

“ผู้สำเร็จราชการ ฮ่องเต้นั้น…” ฮ่องเต้หลิงคิดหาทางแย่งกำลังทหารไปจากเขาตั้งแต่เขามาถึง ถ้าออกเดินทางตอนนี้ จะไม่ทำให้ฮ่องเต้บรรลุเป้าประสงค์หรือ

หนานกงเยี่ยนยิ้มอย่างประชดประชัน “เขาอยากจะยึดอำนาจจากข้ารึ องค์หญิง[1]ได้จัดการให้เรียบร้อยแล้ว” หนิงเมิ่งเหยาบอกเขาว่าถ้าเขาอยากไปเมืองเซียว นางจะให้คนมาช่วยเขาจัดการเรื่องในเมืองหลิง

เมื่อเหล่าคนข้างกายเขาได้ยินเช่นนั้นต่างก็วางใจ พวกเขาเชื่อมั่นในความสามารถของนาง

“ท่านผู้สำเร็จราชการ เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมตัวขอรับ”

“ไปเสีย เตรียมของดีไปเยอะๆ ด้วย เรากำลังจะมีนายน้อยกันในไม่ช้า”

บรรดาคนเหล่านั้นได้ยินก็หัวเราะ ตั้งแต่หนานกงเยี่ยนรู้ว่าหนิงเมิ่งเหยาตั้งครรภ์ เขาก็ยิ้มกว้างปากฉีกแทบถึงหู ทุกวันเขามีความสุข พลอยให้พวกเขาสุขใจไปด้วย เพราะนานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นเขามีความสุขเช่นนี้

หลังจากส่งคนไปเตรียมตัว หนานกงเยี่ยนดึงบางอย่างที่ห้อยรอบคอออกมา เขามองสิ่งนั้น หนานกงเยี่ยนครุ่นคิด เช่นนี้หรือเปล่า ครั้งนั้นเจ้าจึงมอบสิ่งนี้ให้ข้า

หนานกงเยี่ยนถอนหายใจแล้วเก็บของสิ่งนั้นไว้ในหีบเสื้อผ้า แววตาหนักแน่นมองออกไปข้างนอก หนนี้เขาจะนำตัวนางกลับมาให้จงได้

หนานกงเยี่ยนส่งจดหมายตอบกลับหาหนิ่งเมิ่งเหยา แจ้งแก่นางว่าเขาจะไปถึงที่นั่นในไม่ช้า แล้วพวกตนจะคุยเรื่องต่างๆ กันเมื่อได้พบหน้า

หนิงเมิ่งเหยาได้รับจดหมายจากหนานกงเยี่ยนไม่กี่วันให้หลัง นางขมวดคิ้ว ดูท่าหนานกงเยี่ยนจะได้อะไรบางอย่างมา

“ข้าคงต้องรอให้ท่านพ่อของข้ากลับมาก่อนจึงจะรู้” หนิงเมิ่งเหยาย่นหัวคิ้วเล็กน้อย นางสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย

“อย่าห่วงไปเลย ท่านพ่อตามาถึงเมื่อใด เจ้าก็จะรู้เองว่าเกิดอะไรขึ้น” เฉียวเทียนช่างปลอบอย่างนุ่มนวล

บทที่ 370 อยู่ให้ห่าง

หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ นางเข้าใจความจริงเรื่องนั้น และยังรู้ว่าตอนนี้คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ในใจนางยังคงกังวล

“เหยาเอ๋อร์ ที่เจ้าต้องทำตอนนี้คือดูแลเด็กในท้องเจ้า อย่าคิดมากเรื่องอื่นเลย ต่อให้ฟ้าถล่ม เจ้าก็ยังมีเราปกป้องเจ้า” อวี้เฟิงทนเห็นหนิงเมิ่งเหยาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ได้ เขาเคาะศีรษะนางเบาๆ เห็นได้ชัดว่าเขาทำอะไรไม่ถูก

หนิงเมิ่งเหยาลูบศีรษะตัวเอง ถลึงตาใส่อวี้เฟิง

เฉียวเทียนช่างเองก็เขม่นใส่อวี้เฟิงพลางนวดศีรษะให้หนิงเมิ่งเหยา

อวี้เฟิงรีบชักมือกลับพอเห็นทั้งสองชักสีหน้า เขาหันไปมองทางอื่น แสร้งทำเป็นคุยกับเหมยรั่วหลิน ชายคนนี้ท่าทางอยากจะโดนอัดนัก

“แม้ที่อวี้เฟิงกล่าวจะไม่น่าฟังนัก แต่เหยาเอ๋อร์ เขาพูดถูก เจ้ามีพวกข้า อย่ากังวลนักเลย” เหมยรั่วหลินมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างเป็นกังวล

หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า “ข้ารู้ ข้าจะไม่คิดมากเกินไป”

แน่นอนว่านางรู้ดี ว่าตนต้องคอยรักษาอารมณ์ให้ดีเข้าไว้เพราะกำลังท้องอยู่ ถ้านางเอาแต่ขมวดคิ้ว มีโอกาสสูงว่าอาจจะเกิดอาการซึมเศร้าก่อนคลอด

จากนั้นทุกคนก็เริ่มคุยเกี่ยวกับเรื่องชื่นมื่น หนิงเมิ่งเหยายิ้ม ทุกคนก็ผ่อนคลาย

จนในที่สุด มู่เฉินและคนที่เหลือก็มองซือถูเซวียน “นี่ เจ้าไม่อยากกลับไปดูหน่อยหรือ”

“ไม่จำเป็น” แววตาซือถูเซวียนสั่นไหวเล็กน้อย นางเอ่ยเสียงแผ่ว

ซือถูเซวียนไม่อยากกลับบ้าน ถ้านางอยู่ที่นั่น ก็จะคิดถึงเรื่องความตายของมารดาและหญิงคนนั้น นางอาจทนแบกรับความเจ็บปวดนี้ไม่ไหวแล้วสังหารหญิงนางนั้นเข้า

ดังนั้นแล้ว ให้นางอยู่ข้างนอกให้พ้นสายตาจะดีกว่า

มารดาของนางเคยกล่าวไว้ ว่านางจะออกจากตระกูลซือถูก็ได้ แต่ไม่ควรทำลายชื่อเสียงของตระกูล

นางฟังคำของมารดา นางเดินทางออกจากที่แห่งนั้นมาไกล ตราบที่คนพวกนั้นไม่มาหาเรื่อง นางก็จะแสร้งทำเป็นไม่รู้จักพวกเขาและไม่ขอข้องเกี่ยวอะไรด้วยทั้งสิ้น

ทุกคนพูดไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่เมื่อเห็นสีหน้าซือถูเซวียน

“เซวียนเซวียน เราจะอยู่ข้างเจ้าไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร ขอเพียงเจ้าบอกมา” หนิงเมิ่งเหยามองซือถูเซวียนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ซือถูเซวียนยิ้มแล้วผงกศีรษะ “ข้ารู้ดีว่าเจ้าจะอยู่ข้างข้า ข้าจะไม่ให้ใครมารังแกข้าได้หรอก ข้าสัญญากับท่านแม่ไว้แล้ว ถ้าพวกเขาไม่มายุ่งกับข้าก่อน ข้าก็จะไม่ทำอะไรพวกเขา” ถ้าคนพวกนั้นยังดื้อด้าน นางก็จะลงมือจัดการ โดยเฉพาะกับหญิงนางนั้น เพราะสุดท้ายแล้ว ตัวนางไม่ได้เกี่ยวพันทางสายเลือดกับคนพวกนั้น

ถ้านางสังหารอนุภรรยาสักคน แล้วจะทำไมเล่า

“ถึงแม้นี่จะเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการ เราก็ไม่ควรมองข้ามเรื่องที่พวกเขาทำผิดต่อเจ้า” มู่เฉินหรี่ตา เขาพูดอย่างเย็นชา

พวกเขารู้จักกันมานาน เมื่อพบกันครั้งแรก ซือถูเซวียนเป็นคนอมทุกข์ บัดนี้พวกเขาก็ยังจำได้ดี จึงไม่อาจมองข้ามได้ง่ายๆ

ซือถูเซวียนยิ้มแล้วพยักหน้า “ตกลง”

มู่เฉินเดินไปหาซือถูเซวียน แล้วเอื้อมมือไปถูตรงหางตาของนาง

“ถ้าเจ้าไม่ชอบยิ้ม ก็อย่ายิ้มเลย ดูน่าเกลียดเปล่าๆ”

“เจ้าไม่ชอบข้ารึ” ซือถูเซวียนปัดมือมู่เฉินออกแล้วหัวเราะ

มู่เฉินมองนาง จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงรักใคร่ “ทำไมข้าจะไม่ชอบเจ้า”

หนิงเมิ่งเหยาพิงแขนเฉียวเทียนช่างพลางมองทั้งสอง นางอดเลิกคิ้วมิได้ “ระหว่างพวกเจ้ามีอะไรกันรึ ทำไมข้ารู้สึกเหมือนข้าพลาดอะไรไป”

มู่เสวี่ยหัวเราะ “อีกไม่นานเซวียนเซวียนจะมาเป็นพี่สะใภ้ของข้า”

“จริงรึ ขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆ แต่พวกเจ้าไม่บอกข้าด้วยซ้ำ กล้าดีอย่างไร” หนิงเมิ่งเหยามองพวกเขาด้วยสายตาไม่พอใจ

มู่เฉินเลิกคิ้ว แล้วถามหนิงเมิ่งเหยา “เจ้าอิจฉาหรือ”

หนิงเมิ่งเหยากลอกตาใส่มู่เฉิน “ข้าน่ะรึจะอิจฉา เจ้าไม่ใช่เทียนช่างสักหน่อย” หากเฉียวเทียนช่างปฏิบัติกับสตรีอื่นเช่นนี้ นางอาจหึงหวงอยู่บ้าง แต่เขาเป็นเพียงมิตรสหาย นางจึงหาได้สนใจแต่อย่างใด

มีมือเอื้อมมาแตะแก้มหนิงเมิ่งเหยา “อย่าพูดไร้สาระ”

“ข้าแค่เปรียบเปรย”

“ถึงอย่างนั้น ข้าก็ไม่ยอม” เฉียวเทียนช่างลดมือลงแล้วมองลึกเข้าไปในดวงตาของหนิงเมิ่งเหยาอย่างจริงจัง

ริมฝีปากหนิงเมิ่งเหยากระตุก นางผงกศีรษะ แล้วนั่งลงข้างๆ เฉียวเทียนช่างพลางมองสองคนที่อยู่ตรงข้ามตน “พวกเจ้าวางแผนจะแต่งงานเมื่อใด”

“ขึ้นอยู่กับเซวียนเซวียน” มู่เฉินยิ้มกว้าง

เขาบอกบิดามารดาไปแล้ว เหลือเพียงรอนาง

[1] องค์หญิงในที่นี้หมายถึง หนิงเมิ่งเหยา