บทที่ 371 ไยไม่ไปตายข้างนอก + บทที่ 372 ขออนุญาตแต่งงาน

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 371 ไยไม่ไปตายข้างนอก

ซือถูเซวียนเขินเล็กน้อย นางแตะจมูกตัวเองด้วยความลำบากใจ “ข้าอยากขอเวลาอีกสักระยะ ได้หรือไม่”

“ได้เลย”

ท่าทีตอนมู่เฉินตอบทำให้ซือถูเซวียนรู้สึกตื้นตันขึ้นมา

“อย่าคิดมากไปเลย ข้าเข้าใจ” มู่เฉินลูบซือถูเซวียน เขาไม่อยากให้นางเข้าใจผิด

ซือถูเซวียนยิ้มแล้วไม่พูดอะไร

เพราะซือถูเซวียน บรรยากาศหนักอึ้งเมื่อครู่จึงคลายตัวลง

ยังมีเวลาก่อนชิงซวงจะแต่งงาน มู่เฉินและคนที่เหลือไม่สามารถอยู่บ้านได้ทุกวัน หลังจากจัดการเรื่องที่ต้องทำเสร็จสิ้น พวกเขาออกไปเล่นข้างนอกกันทุกวัน หนิงเมิ่งเหยาก็ถูกพาออกไปด้วย ทำให้เฉียวเทียนช่างหดหู่ใจเล็กน้อย เขายังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก

“ข้าคิดว่าเจ้าอยากจะอยู่ใกล้หนิงเมิ่งเหยาทุกวันเสียอีก” เมื่อเห็นเฉียวเทียนช่างเดินเข้ามาในวัง เซียวชวี่เฟิงจึงเอ่ยทัก

“เหยาเหยาตามออกไปเล่นกับอวี้เฟิงและคนอื่นๆ” เฉียวเทียนช่างกล่าวเสียงแผ่ว แต่น้ำเสียงไม่ได้สุขุมเลยสักนิด

เซียวชวี่เฟิงผงกศีรษะอย่างเข้าอกเข้าใจ “มิน่าเล่าเจ้าจึงอยู่ที่นี่”

“มีเรื่องที่ค่อยๆ กระจ่างขึ้นมา ตระกูลหลี่อาจจะมีคนหนุนหลังพวกเขาอยู่”

“ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้สืบดู เจ้ารู้อะไรมาบ้าง” เขารู้เกี่ยวกับตระกูลหลี่อยู่แล้ว แต่ไม่เคยได้หลักฐานมา จึงทำได้เพียงแอบตามดูอย่างลับๆ

เมื่อเห็นว่าเซียวชวี่เฟิงรู้แล้ว เฉียวเทียนช่างก็โล่งใจ “ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้ว ข้าก็วางใจ”

“บอกมาเถอะ อาจมีเรื่องที่ข้ายังไม่รู้” เซียวชวี่เฟิงเหลือบตามองเฉียวเทียนช่าง เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทิ้งหนิงเมิ่งเหยาไว้แล้วมาวังหลวงเพื่อเรื่องเล็กๆ น้อยๆ

เฉียวเทียนช่างครุ่นคิด จากนั้นจึงเล่าเรื่องที่ตนได้รู้มาว่าเซียวจื่อเซวียนไม่ใช่บุตรสาวของเซียวอี้หลิน และหลี่หลินเอ๋อร์ได้เปิดเผยเรื่องเซียวเฉิงหย่า

“ถ้าเป็นเช่นนั้น เรายิ่งต้องสืบเรื่องนี้ แต่เจ้าคิดว่าเซียวจื่อเซวียนจะลงมือเร็วๆ นี้หรือไม่” เซียวชวี่เฟิงถามเฉียวเทียนช่าง

เฉียวเทียนช่างพยักหน้าเบาๆ “ใช่ ท่าทีที่หลี่หลินเอ๋อร์มีต่อเซียวจื่อเซวียนไม่ดีนัก ทำให้เซียวจื่อเซวียนโกรธแค้นนาง นางต้องไม่ยอมปล่อยหลี่หลินเอ๋อร์ไปแน่”

“เอาล่ะ ข้าเข้าใจ” เซียวชวี่เฟิงครุ่นคิด ครู่ต่อมาเขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

หนิงเมิ่งเหยาตามซือถูเซวียนและคนอื่นๆ ไปเดินเล่นในเมืองหลวง แล้วนางก็ไปเห็นสิ่งที่น่าสนใจเข้า แต่ไม่นานนักก็มีคนกลุ่มหนึ่งมาขวางทางพวกนางไว้

เมื่อเห็นหญิงสาวอายุประมาณ 15-16 ปี สีหน้าซือถูเซวียนถึงกับบิดเบี้ยว คนที่มาขวางทางพวกนางไว้คือบุตรสาวของหญิงที่ทำให้มารดานางต้องตาย

ซือถูหมิงมองจ้องซือถูเซวียนด้วยความเกลียดชัง “ซือถูเซวียน ข้าไม่คิดว่าเจ้ายังจะมีหน้ากลับมาเมืองหลวง เจ้าอยู่ข้างนอกไม่ได้เลยจะกลับมารึ ให้ข้าบอกอะไรเจ้าเสียหน่อยแล้วกัน ถ้าข้ายังมีลมหายใจ เจ้าอย่าหวังว่าจะกลับมาได้หรอก”

ซือถูเซวียนปรายตามองซือถูหมิง จากนั้นจึงหันไปหามู่เฉินแล้วเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ไปกันเถอะ”

“ซือถูเซวียน นางคนชั้นต่ำ เจ้ากลับมาทำอะไรที่นี่ ทำไมเจ้าไม่ตายอยู่ข้างนอกนั่นเสีย” ซือถูหมิงกล่าวอย่างชิงชัง

เพราะมีซือถูเซวียน นางถึงเป็นได้เพียงบุตรของอนุภรรยาผู้ต้อยต่ำ มารดาของนางก็เป็นได้เพียงอนุภรรยาเท่านั้นไปตลอดชีวิต อย่าว่าแต่เป็นภรรยาเอกเลย แม้แต่ผิงชีก็เป็นไม่ได้ด้วยซ้ำ และนางไม่มีสิทธิ์จะแต่งงาน ทั้งหมดเป็นเพราะนางหญิงชั้นต่ำคนนี้

เมื่อเห็นหนิงเมิ่งเหยาและคนอื่นๆ เดินมายังที่แห่งนี้ สีหน้าเซียวฉีเทียนจึงบิดเบี้ยวจนน่ากลัว เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้เข้า

เขาย่างสามขุมเข้าไปคว้าแขนซือถูหมิง แล้วตบหน้านาง “ใครให้เจ้าใช้คำพูดเช่นนี้”

ตอนแรกซือถูหมิงคิดจะตวาดต่อ ทว่าพอเห็นเป็นเซียวฉีเทียน หน้านางพลันซีดขาว

“ท่านพี่ฉีเทียน ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้” ซือถูเซวียนยิ้มพลางมองเซียวฉีเทียน

เซียวฉีเทียนผลักซือถูหมิงไปให้พ้นทางแล้วเดินไปหาซือถูเซวียน “เจ้าช่างโง่เง่ายิ่งนัก เจ้ามีข้ากับท่านพี่ที่เป็นถึงฮ่องเต้ เจ้าปล่อยให้ตัวเองโดนรังแกง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร กลับไปวังหลวงกันเถอะ”

บทที่ 372 ขออนุญาตแต่งงาน

ซือถูเซวียนไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่เมื่อนางนึกถึงบรรดาคนที่ใช้สินเดิมของมารดาแล้วยังกล้ามาโอ้อวดตัวที่บ้าน ซือถูเซวียนก็พยักหน้าเห็นด้วย “ก็ดี พวกเราไปกันเถอะ มู่เฉิน”

“ไปเถอะ”

ทั้งกลุ่มไปยังวังหลวงด้วยกัน โดยซือถูหมิงถูกลากตัวไปด้วย ส่วนพวกข้ารับใช้ที่ติดตามนางต่างรีบกลับไปบอกหัวหน้าตระกูลซือถูหลังจากเห็นว่ามีบางสิ่งผิดปกติ

เมื่อได้ยินเสียงดังข้างนอก ซือถูเซิงก็ขมวดคิ้ว “เอะอะอะไรกัน”

สนมลู่ผลักคนที่ขวางทางนางไปให้พ้น แล้ววิ่งไปหาซือถูเซิง “นายท่าน ท่านต้องช่วยหมิงเอ๋อร์นะเจ้าคะ”

ซือถูเซิงผลักคนตรงหน้าเขาไปอย่างหงุดหงิดแล้วขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น” ซือถูเซิงนึกรำคาญซือถูหมิงอยู่เนืองๆ สนมลู่ตามใจนางจนเสียคน ทำให้นางเป็นเด็กโอหังและมักจะนำปัญหามาให้

“เพราะนางซือถูเซวียน นางคนชั้นต่ำนั่นเจ้าค่ะ” สนมลู่โกรธจัด ถ้าไม่ใช่เพราะนางคนชั้นต่ำคนนั้น นางคงได้เป็นชายาเอกไปแล้ว ยิ่งคิดนางยิ่งเดือดดาล

พอซือถูเซิงได้ยินดังนั้น เขาก็มีสีหน้าหมองหม่น และผลักสนมลู่ออกไป “เจ้าว่าอย่างไร”

คนที่ซือถูเซิงนึกสงสารที่สุดในชีวิตคือซือถูเซวียนและมารดาของนาง หญิงผู้นั้นช่างโดดเด่น แต่นางกลับตายไปต่อหน้าต่อตาเขา เพียงนึกถึงตอนที่นางไม่ยอมมองเขาในช่วงลมหายใจสุดท้าย และคำพูดที่นางบอกกับเซวียนเซวียนก่อนสิ้นใจ ในอกเขาก็ปวดร้าว

สนมลู่รู้ว่าตนทำพลาดไปแล้วเมื่อเห็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวของซือถูเซิง นางรีบส่ายศีรษะ “นายท่าน ข้าไม่ได้…ข้า…”

“ตกลงมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น” ซือถูเซิงไม่อยากเห็นนางเช่นนี้ จึงพูดอย่างหมดความอดทน

สนมลู่พูดจาตะกุกตะกักขณะเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ซือถูเซิงยิ่งโกรธ ใบหน้าเขาถมึงทึงยิ่งนัก

เขาตบหน้าสนมลู่เต็มแรง “เจ้าสั่งสอนลูกสาวเจ้าอย่างไร นางสมควรโดนแล้ว” นางเป็นแค่เด็กที่เกิดจากอนุภรรยา แต่ยังกล้าตวาดใส่บุตรสาวของภรรยาเอกต่อหน้าธารกำนัล ถึงขั้นให้เซียวฉีเทียนมาเห็นเข้า นางกำลังรนหาที่ตายชัดๆ

สนมลู่ปิดแก้มตัวเองแล้วไม่กล้าพูดอะไร นางเพียงอ้อนวอนซือถูเซิง “นายท่าน หมิงเอ๋อร์ก็เป็นลูกสาวของท่าน ท่านจะมองดูนางถูกลงโทษโดยไม่ช่วยอะไรเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ”

ขณะที่สนมลู่ขอร้องให้ซือถูเซิงช่วยซือถูหมิง เซียวฉีเทียนได้พาซือถูเซวียนและคนอื่นๆ เข้าวังหลวงแล้ว

เขาผลักซือถูหมิงอย่างรังเกียจแล้วเอ่ย “ท่านพี่ ท่านต้องช่วยเซวียนเซวียน”

เซียวชวี่เฟิงขมวดคิ้ว เขามองดูซือถูหมิงในขณะที่เปลี่ยนจากหวาดกลัวเป็นหลงใหลด้วยความรังเกียจ “เกิดอะไรขึ้น”

“นาง…นางเป็นแค่ลูกของอนุภรรยา แต่กล้าตวาดใส่เซวียนเซวียนในที่สาธารณะ” น้ำเสียงเซียวฉีเทียนบ่งบอกชัดเจนว่าเขาเกลียดผู้หญิงคนนี้

ซือถูหมิงรีบส่ายศีรษะ “ฝ่าบาท ไม่ใช่นะเพคะ หม่อมฉันมิได้ทำเช่นนั้น ไม่เป็นความจริงเลยเพคะ”

“องครักษ์ ซือถูหมิงกระทำผิด ลากนางไปโบยสามสิบครั้ง” เซียวชวี่เฟิงไม่อยากฟังคำอ้อนวอนของนางอีกต่อไปเขาจึงสั่งให้องครักษ์มาลากตัวนางออกไปทันที

“ซือถูเซวียน นางคนชั้นต่ำ เพราะเจ้า ฝ่าบาท เมตตาด้วยเถิดเพคะ” สถานการณ์หนักหนาสาหัสแล้ว แต่ซือถูหมิงยังคงกล้าด่าทอซือถูเซวียนต่อ นางถึงขั้นทำเช่นนั้นต่อหน้าเซียวชวี่เฟิง ไม่ใช่ว่านี่คือการหาเรื่องชัดๆ เลยหรือ

เซียวชวี่เฟิงมองเหล่าคนข้างนอกอย่างเย็นชา ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความดูถูก

“เซวียนเซวียน เหตุใดเจ้ากลับมาแล้วแต่ไม่มาหาข้า” เซียวชวี่เฟิงถามซือถูเซวียนอย่างทำอะไรไม่ได้

“ท่านพี่ชวี่เฟิง ข้าเพิ่งมาถึง แล้วก็ไปพบกับนางเข้าพอดีเพคะ” ซือถูหมิงทนซือถูเซวียนไม่ได้ นางเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน นางรอให้ซือถูหมิงตายไปเสียให้พ้นๆ ไม่ไหวแล้ว

เซียวชวี่เฟิงปรายมองคนที่ยืนอยู่ โดยไม่สนใจความไร้มารยาทของพวกเขา เขากล่าวกับคนเหล่านั้น “พวกเจ้าทุกคน ไปนั่งเสีย”

“แล้วเจ้าคิดจะทำอะไรรึ”

“ข้าอยากได้ทุกอย่างที่เป็นของท่านแม่คืนมา” ซือถูเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ตอนที่นางแต่งงานกับซือถูเซิง นางได้รับสินสมรสมาไม่น้อย

เซียวชวี่เฟิงกะพริบตาปริบๆ มองซือถูเซวียนแล้วผงกศีรษะลง “ก็ดี ข้ามีรายการสินเดิมอยู่นี่แล้ว แม่ของเจ้าทิ้งเอาไว้คราวก่อน เป็นสินเดิมที่นางเตรียมไว้ให้เจ้า”

ซือถูเซวียนรู้สึกขอบคุณเซียวชวี่เฟิง “ขอบคุณท่านพี่ชวี่เฟิง”

“แต่เจ้าควรจะมีเหตุผลนะ” หนิงเมิ่งเหยาโพล่งขึ้นมา

ถ้านางอยากเอาสินสมรสกองนั้นคืน นางจะทำโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรมิได้

มู่เฉินหรี่ตา เขาชำเลืองมองซือถูเซวียนแล้วก็พูดขึ้น “ฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้กระหม่อมแต่งงานกับเซวียนเซวียนด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”