เล่มที่ 7 บทที่ 201 ทรยศหักหลัง

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

เพียงเดินออกจากตำหนักหยาเสวียน ป๋ายจื่อยกมือขึ้นตบหน้าอกของตนเอง ก่อนจะบ่นกระปอดกระแปด

“มีอะไรแปลกหรือเจ้าคะ? ข้ามองไม่ออก”

ช่วงนี้หลินเมิ้งค่อนข้างยุ่ง แต่นางรู้สึกว่าคนที่แปลกที่สุดในจวนคือพระสนมเต๋อเฟย

“ช่วงนี้นายหญิงยุ่งทั้งงานภายในและภายนอก ดังนั้นจึงไม่รู้เรื่องนี้ ข้าได้ยินมาว่านับตั้งแต่วันที่พระสนมเต๋อเฟยกลับออกมาจากวัง คนที่พระนางรักและเอ็นดูหาใช่น้าจิ้งเยว่ แต่เป็นหยุนลั่วคนนั้น”

ป๋ายจื่อเปรียบเสมือนหน่วยข่าวกรองในจวน เหตุเพราะนางรู้ทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ในจวน

ยักคิ้วหลิ่วตามิต่างอะไรจากเจ้าแม่ซุบซิบนินทามืออาชีพ

หลินเมิ้งหยาส่ายหน้า แล้วหัวเราะออกมา

หยุนลั่วจะต้องมีความโดดเด่นบางอย่าง มิเช่นนั้นพระสนมเต๋อเฟยคงไม่เอ็นดูนางถึงเพียงนี้

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่นางก็ไม่คิดอยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับหยุนลั่ว

“พวกเจ้าจงจำเอาไว้ ต่อจากนี้ไปอย่าเข้าไปแอบฟังเรื่องของตำหนักหยาเสวียนอีก เลิกสนใจเรื่องในตำหนักนี้เสีย ขอเพียงแค่ทำเรื่องของตนเองให้ดีก็เพียงพอแล้ว เข้าใจหรือไม่?”

“เจ้าค่ะ นายหญิง”

โชคดีที่สาวใช้ทั้งสี่ค่อนข้างว่านอนสอนง่าย

อีกเพียงหนึ่งเดือนก็จะถึงวันเทศกาลฤดูหนาวแล้ว

ท่านพี่และท่านพ่อจะกลับมาก่อนฤดูหนาวหรือไม่?

การได้นั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันนับเป็นเรื่องดีที่สุด

ทว่านางยังคงไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องพี่เยว่ถิงกับพี่ชายเช่นไร

ถอนหายใจเบาๆ หลินเมิ้งหยาพาสาวใช้ทั้งสี่กลับตำหนักหลิวซิน

เพียงเดินพ้นระเบียงออกมา นางเห็นพ่อบ้านเติ้งที่กำลังกระวนกระวาย

“พระชายากลับมาแล้ว นับตั้งแต่วันนี้จะมีชาวจ้วงในแต่ละพื้นที่ส่งคนดูแลนำเงินค่าเช่ามามอบให้พ่ะย่ะค่ะ ไม่ทราบว่าปีนี้จะให้จัดการเช่นไร?”

อ๋องอวี้เป็นเชื้อพระวงศ์ แม้จะอาศัยอยู่ในเมืองหลวง แต่เขาก็มีที่ดินอยู่แถบชนบท

หลินเมิ้งหยาไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้

ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะส่งป๋ายซ่าวไปจัดการ

“เจ้าจงไปกับพ่อบ้านเติ้ง จดเงินค่าเช่าที่ของชาวจ้วงเอาไว้ให้ละเอียด จากนั้นทำสรุปรายการให้กับข้า เจ้าต้องใส่ใจทุกรายละเอียด อย่าทำผิดพลาดเด็ดขาด”

“เจ้าค่ะ”

ป๋ายซ่าวเป็นผู้ดูแลการเงินในจวน หลินเมิ้งหยาจึงมิต้องกังวล

หยุนจู๋เล่าว่ากลุ่มสามสหายเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว

ครอบครัวของป๋ายจีจัดการงานได้เป็นอย่างดี ดูท่านางจะต้องออกไปสำรวจสักหน่อย

“ไปเถิด วันนี้พวกเราออกไปข้างนอกกัน”

เรื่องศพไร้ผิวหนังในวังจบลงประหนึ่งไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

ได้ยินมาว่าตอนที่ฮ่องเต้หมิงเสด็จกลับ เสียงฟ้าร้องดังสนั่นทั่วทั้งพระราชวัง

เพื่อเป็นการปลอบโยน ฮองเฮาจึงมอบองค์หญิงพระองค์หนึ่งให้

อีกทั้งยังมอบสิ่งของให้อีกเป็นจำนวนมาก ฮ่องเต้หมิงจึงจำยอม

แม้หูลู่หนานจะมิใช่ลูกชายที่แท้จริง แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องมาตายที่ต้าจิ้น ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงหมิงเยว่ที่ฮ่องเต้หมิงรักและเอ็นดูก็ต้องจบชีวิตลงอย่างอเนจอนาถ

ดูเหมือนการส่งองค์หญิงพระองค์นั้นไปในคราวนี้จะมิต่างอะไรจากการกลั่นแกล้ง

คนในราชวงศ์ล้วนไร้หัวใจเช่นนี้เสมอ

บางทีอาจเพราะช่วงนี้อากาศค่อนข้างหนาว การสัญจรบนถนนจึงไม่คึกคักเหมือนแต่ก่อน

หลินเมิ้งหยาสวมเสื้อคลุมกันหนาวสีแดงสด เส้นไหมสีแดงอมส้มปักเป็นลายก้อนเมฆ

งานปักมีความประณีตไร้ตำหนิ

ขนาดเสื้อพอดีตัว มองปราดเดียวก็รู้ว่าเสื้อตัวนี้เป็นงานฝีมือของป๋ายจี

“เจ้าดูสิ ฝีมือของป๋ายจีไม่เลวเลยจริงๆ พอข้าได้ใส่ก็ไม่อยากถอดออกเลย”

บนรถม้า หลินเมิ้งหยาเอ่ยชมสาวใช้ของตนไม่หยุดปาก

ป๋ายจีหน้าแดงระเรื่อ นับตั้งแต่เข้ามาอยู่ในจวน เสื้อผ้าของหลินเมิ้งหยาล้วนมาจากฝีมือของนางทั้งสิ้น

“นั่นสิเจ้าคะ พี่ป๋ายจีดีที่สุดเลย เสื้อผ้าในตำหนักของเราล้วนเป็นงานฝีมือของพี่ป๋ายจีและน้าป๋ายเป็นคนทำทั้งหมด เมื่อเทียบกับของที่ซื้อมาใส่แล้ว เสื้อผ้าเหล่านี้อบอุ่นกว่าตั้งเยอะ”

ป๋ายจื่อเด็กที่สุด ครึ่งปีที่ผ่านมานางเติบโตขึ้นมาก แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีลักษณะท่าทางของเด็กอยู่ ไร้ซึ่งความเป็นผู้ใหญ่อย่างสิ้นเชิง

“เจ้านี่นะ”

หลินเมิ้งหยาเคาะหน้าผากนาง สายตาหยุดลงบนใบหน้าแดงระเรื่อของป๋ายจี

ทว่านางกลับได้เห็นป๋ายจีมีสีหน้าเสมือนกำลังกลัดกลุ้มใจ

“ป๋ายจี เจ้ามีเรื่องปิดบังข้าหรือไม่?”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเมิ้งหยา ป๋ายจีผงะ แต่สุดท้ายส่ายหน้า

แต่รอยยิ้มแกนๆ บนใบหน้าเผยให้เห็นความอึดอัด

หรือนางจะถูกใจองครักษ์ในจวนเข้าแล้ว?

ก็นั่นสินะ ป๋ายจีถึงวัยที่ควรจะดูตัวแล้วนี่นา

นอกจากป๋ายซูแล้ว นางเป็นผู้ดูแลความสุขของสาวใช้อีกสามคน

“แม้พวกเราพี่น้องจะรู้จักกันมาได้ไม่นาน แต่พวกเจ้ารู้ใจข้าดี”

จับมือของสาวใช้ทั้งสามเอาไว้ หลินเมิ้งหยาเอ่ยด้วยความหนักแน่น

“ข้าไม่อาจทำลายชีวิตวัยสาวของพวกเจ้าได้ ข้าได้เตรียมที่ดินเอาไว้ให้พวกเจ้าแล้ว แม้จะไม่ใหญ่โตหรือมีราคามากมายนัก แต่ก็เพียงพอต่อการดำรงชีวิต ส่วนเงินของร้าน พวกเจ้าจะมีหุ้นส่วนร้อยละยี่สิบ พวกเราห้าคนแบ่งกันคนละเท่าๆ กัน แม้ป๋ายซ่าวจะไม่อยู่ที่นี่ในตอนนี้ แต่ข้าก็คิดเผื่อนางเอาไว้แล้ว หากพวกเจ้ามีปัญหาอันใดหรือชอบพอใคร ข้าจะเป็นคนออกหน้าแทนพวกเจ้าเอง”

คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้หัวใจของสาวใช้ทั้งสามรู้สึกอบอุ่นเสมือนได้กินน้ำขิง

แม้แต่คนเย็นชาไร้ความรู้สึกอย่างป๋ายซูยังขอบตาแดงก่ำ

นางหมุนตัว อ้างว่าอากาศอึดอัดเกินไป ก่อนจะออกไปนั่งนอกรถม้า

“ไม่ นายหญิงเจ้าคะ นับตั้งแต่วันที่ข้าเข้ามาอยู่ในจวน ข้าก็เป็นคนของคุณหนูแล้ว ต่อให้คุณหนูตายไปข้าก็ยังเป็นคนของท่าน”

ป๋ายจื่อร้องไห้ฟูมฟาย แต่ก็ยังมิวายหยอกล้อหลินเมิ้งหยา

“จะมาอยู่กับคนตายเช่นข้าทำไมเล่า? เจ้าจะต้องมีชีวิตอย่างดีที่สุด มิเช่นนั้นทั้งผลไม้ในจวนและขนมหวานต่างๆ ที่เจ้ากินไปก็ไร้ประโยชน์น่ะสิ”

หลินเมิ้งหยาเคาะหน้าผากป๋ายจื่อ ก่อนจะหัวเราะกับป๋ายจี

พวกนางลงจากรถม้า ก่อนจะเดินมายังร้านที่ชิงหูให้ชื่อว่าหรูอี้โหลว ก่อนที่พวกนางจะใช้ประตูหลังเข้าไปยังฐานที่มั่นของกลุ่มสามสหาย

สวนแห่งนี้มิได้ว่างเปล่าเหมือนคราวก่อน

หลังจากผ่านการตกแต่งจากท่านพ่อป๋ายและท่านแม่ป๋าย บรรยากาศในสวนร่มรื่นน่าอยู่ขึ้นมาก

ป๋ายซูและป๋ายจื่อรีบเข้าไปดูห้องหับของตนเอง

ก่อนจะเกลือกกลิ้งลงบนเตียง ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมออกมา

ท่านพ่อป๋ายและท่านแม่ป๋ายต่างหัวเราะชอบใจด้วยท่าทางมีความสุข

“ขอเพียงพวกนางชอบ พวกเราก็ถือว่าได้ตอบแทนบุญคุณของนายหญิงแล้วขอรับ”

ท่านพ่อป๋ายหยิบมอระกู่ขึ้นมาสูบ ทว่าเขากลับถูกท่านแม่ป๋ายหยิก เหตุเพราะกลัวจะทำให้หลินเมิ้งหยาสำลัก

มองดูคนแก่ทั้งสองทะเลาะกัน หลินเมิ้งหยาเกิดรู้สึกอิจฉาขึ้นมา

แม้จะเป็นความรักที่รุนแรงไปเสียหน่อย แต่ถึงกระนั้นก็รักกันอย่างมีความสุข

หากท่านแม่ยังอยู่ ท่านแม่ก็คงจะครองรักหวานชื่นกับท่านพ่อเช่นนี้ใช่หรือไม่?

“นายหญิง พวกเราเข้าไปในห้องได้หรือไม่เจ้าคะ ข้ามีเรื่องอยากพูดกับท่าน”

ป๋ายจีอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของตนเองเข้ามากระตุกแขนเสื้อหลินเมิ้งหยา

หลินเมิ้งหยาพยักหน้า นางรู้ดีว่าหากมิใช่เรื่องสำคัญ ป๋ายจีไม่มีทางทำเช่นนี้

ทั้งสองเดินผ่านสวน ก่อนจะเข้าไปในห้องเก็บยา ป๋ายจีอ้าปาก ก่อนจะหุบลงไป

“หากลำบากใจที่จะพูด เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดหรอก ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องมีเหตุผล ข้าไม่ลงโทษเจ้าแน่นอน”

หลินเมิ้งหยาเอ่ยออกมาด้วยความเข้าใจ แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ หัวใจของป๋ายจีก็ยิ่งหดหู่

สุดท้ายนางจึงยอมเอ่ยออกมา

“นายหญิง ข้าผิดเอง ข้าดูแลพวกนางทั้งสามไม่ดี หากท่านจะตีหรือจะด่า ได้โปรดลงโทษข้าเพียงคนเดียวเถิดเจ้าค่ะ”

“ตึง” ป๋ายจีคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมทั้งร้องไห้

“รีบลุกขึ้น ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม ข้าก็ยังรู้สึกดีกับพวกเจ้า ไม่มีทางด่าว่าหรือตบตีอย่างแน่นอน”

หลินเมิ้งหยาพยุงร่างป๋ายจี หากรู้ว่านางจะรู้สึกเสียใจเช่นนี้ นางคงไม่พูดเรื่องนี้ออกมา

ทว่าป๋ายจีกลับส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความเสียใจ

“ก่อนหน้านี้ ข้ากับป๋ายซ่าวผลัดเวรกันตอนกลางคืน มีอยู่วันหนึ่ง หลังจากที่นางกินอาหารเย็นเสร็จก็หายไป เมื่อถึงเวลาค่ำจึงกลับมา ข้าถามนางแต่นางบอกว่าเข้าไปอยู่ในโรงครัวกับพวกแม่ครัว ตอนแรกข้าไม่คิดสงสัย แต่ต่อมาข้าเพิ่งได้เห็นว่าที่ข้อมือของนางใส่กำไลหยก ข้ามั่นใจว่านางมิได้นำกำไลหยกเข้ามาในจวนด้วยอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น นายหญิงยังไม่เคยตบรางวัลให้แก่นาง”

หลินเมิ้งหยาถอนหายใจ นางคิดว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นเสียอีก

ที่แท้ก็แค่เรื่องกำไลหยกเท่านั้น

“เจ้าคิดมากไปหรือไม่ ป๋ายซ่าวดูแลการเงิน บางทีพวกคนรับใช้อาจซื้อให้นาง”

ทว่าป๋ายจีกลับส่ายหน้าระรัว

“ข้าลองถามนาง นางกลับอ้ำๆ อึ้งๆ ข้ารู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีลับลมคมในบางอย่าง ต่อมาข้าลองเข้าไปตรวจสอบจากพวกแม่ครัว ก่อนจะรู้ว่านางไม่เคยเข้ามาช่วยงานในนั้น จากนั้นนางหายไปอีกหลายครั้ง ข้าจึงลอบตามนางไป ก่อนจะพบว่านางออกมาจากตำหนักหยาเสวียน ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งหยุนลั่วเป็นผู้ออกมาส่งนางด้วยตนเอง นายหญิงคงมองออกแล้วว่า หยุนลั่วที่ดูเป็นคนธรรมดาไร้พิษสง แท้จริงแล้วนางมีความหยิ่งผยองเกินคน นางมิเคยสนใจข้ารับใช้ธรรมดาทั่วไป แต่นางกลับปฏิบัติกับป๋ายซ่าวอย่างดีดุจดั่งพี่น้อง”

นี่เองที่เป็นเหตุผลทำให้ป๋ายจีรู้สึกเจ็บปวดใจ นางกับป๋ายซ่าวเข้ามาอยู่ในตำหนักหลิวซินพร้อมกัน

นายหญิงดีกับพวกนางมาก ฉะนั้นนางกับป๋ายซ่าวจึงทุ่มเทหัวใจทั้งหมดให้กับนายหญิง

แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะทำเรื่องเช่นนี้

“โอ้? ข้าคิดว่าบางทีคนพวกนั้นอาจเห็นว่าป๋ายซ่าวเป็นผู้ดูแลบัญชี จึงปฏิบัติกับนางเช่นนั้น เด็กโง่ ข้าเชื่อใจเจ้า ข้าเชื่อใจป๋ายซ่าว พวกเราเป็นเหมือนครอบครัว ไม่มีทางที่จะหักหลังซึ่งกันและกันแน่นอน”

หลินเมิ้งหยาหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้ป๋ายจีซับน้ำตา

การที่หญิงสาวที่สุขุมรอบคอบคนนี้เล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ฟัง คาดว่านางคงจะรู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก

ลำบากนางมากแล้วจริงๆ

“นายหญิง ข้ารู้ดีว่าทุกอย่างเป็นความผิดของป๋ายซ่าว แต่…หากนางทำไม่ดีกับท่าน ข้าขอร้อง…ท่านได้โปรดเห็นแก่ช่วงเวลาดีๆ ที่ผ่านมาและละเว้นชีวิตของนางด้วยเถิดเจ้าค่ะ”

หลินเมิ้งหยาลงมือจัดการกับศัตรูอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต ป๋ายจีรู้ดีทุกอย่าง

ฉะนั้นเพื่อปกป้องเพื่อนของตนเอง นางจึงเอ่ยปากขอร้อง

แต่หากป๋ายซ่าวหักหลังนายหญิงจริง คาดว่านายหญิงจะต้องไม่ปล่อยนางไปอย่างแน่นอน

“เด็กโง่ ไม่ว่าพวกเจ้าจะทำกับข้าเช่นไร ข้าก็ไม่เคยคิดโทษพวกเจ้า”

หลินเมิ้งหยาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของป๋ายจีเบาๆ พลางปลอบเสียงอ่อนโยน

“เพราะมีชะตาต้องกัน ดังนั้นจึงได้รู้จักกันเช่นนี้ ที่พวกเจ้าปฏิบัติกับข้าเช่นนี้ ทั้งหมดก็ล้วนเป็นเพราะการกระทำของข้า ป๋ายซ่าว….หากนางหักหลังข้า ข้าจะทำเป็นตาบอดดูสักครั้งก็แล้วกัน”