ตอนที่ 197 บ้าจริง นี่ไม่ใช่เพราะความรักหรอกหรือ?

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ห้องที่เหยียนซีจองไว้ไม่ได้ใหญ่มาก

 

 

มีแค่โต๊ะและเก้าอี้โซฟาอีกสี่ตัวติดกับหน้าต่าง

 

 

เหยียนซีนั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟาทางด้านซ้ายโดยวางมือไว้บนโต๊ะ นอกจากนี้ในมือยังมีแว่นกันแดด หมวกและผ้าปิดจมูกตามลำดับ

 

 

ผู้จัดการแขวนเสื้อขนเป็ดตัวยาวสีดำไว้ข้างๆ

 

 

“เหยียนซี ท่านเทพจะมาจริงๆ เหรอ?” ผู้จัดการไม่ได้นั่ง เขาแค่เดินไปรอบๆ และเลื่อนดูโทรศัพท์เป็นพักๆ

 

 

“อืม” เหยียนซีดูสงบเสงี่ยมกว่าผู้จัดการ หลังจากคิดถึงเรื่องนี้เขาก็เหลือบมองไปทางผู้จัดการ “พี่คิดว่าเขาจะอายุเท่าไหร่? ผมควรเรียกเขาว่าพี่หรือเรียกเขาว่าเพื่อนดี?”

 

 

เหยียนซีรู้จักเจียงซานอี้มาหลายปีแล้ว แต่เขากลับไม่รู้อายุหรือรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ

 

 

ผู้จัดการค่อนข้างประหลาดใจกับคำถามนี้ เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก “นายก็เรียกพี่เจียงซานสิ จะได้ดูสุภาพหน่อย เข้าใจหรือยัง?”

 

 

แน่นอนว่าผู้จัดการก็ไม่รู้ตัวตนของเจียงซานอี้ แต่เมื่อพิจารณาจากการเรียบเรียงและฝีมือการแต่งเพลงของอีกฝ่ายโดยเฉพาะแนวเพลงที่ค่อนข้างดาร์คแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะผ่านการใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชน เพลงถึงได้ตราตรึงใจคนขนาดนั้น

 

 

ด้วยเหตุนี้ ตามความคิดของผู้จัดการ เจียงซานอี้จะต้องอายุไม่น้อยอย่างแน่นอน

 

 

ปีนี้เหยียนซีอายุยี่สิบห้าปี เจียงซานอี้จะอายุน้อยกว่าเหยียนซีได้อย่างไร?

 

 

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เวลาที่จะถามคำถามเหล่านี้ เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งนาทีก็จะถึงเวลาที่เหยียนซีนัดหมายเจียงซานอี้แล้ว ผู้จัดการยังอยากจะถามเหยียนซีอีกหน่อยว่าท่านเทพเต็มใจจะพบนายจริงหรือ?

 

 

ขณะที่เขากำลังจะถามคำถามนี้ออกไป ก็มีคนเคาะประตูจากด้านนอก

 

 

เสียงเคาะไม่ได้เร่งรีบ

 

 

ในใจผู้จัดการสั่นไหว “น่าจะเป็นท่านเทพ!”

 

 

เขารีบวิ่งไปเปิดประตูห้อง

 

 

เหยียนซีที่นั่งบนเก้าอี้โซฟาอยู่ทางด้านหลังเขาถึงกับรีบลุกพรวดขึ้นมา เขามองไปทางประตูอย่างไม่ละสายตา

 

 

ในไม่ช้าประตูก็เปิดออก

 

 

ผู้จัดการเห็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งอยู่ด้านนอก อีกฝ่ายดึงหมวกเสื้อสเวตเตอร์ขึ้น เธอดูเด็กมากแต่เห็นหน้าตาเธอไม่ค่อยชัดเจน เพียงเท่านี้ก็รู้สึกถึงความเท่ในตัว

 

 

“คุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?” ผู้จัดการมองเธอที่มีใบหน้าเยาว์วัย เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายคือเจียงซานอี้

 

 

ในทางกลับกันยังกังวลว่าการที่เหยียนซีมาที่นี่จะถูกคนจับได้

 

 

ด้วยความที่เหยียนซีเป็นคนมีชื่อเสียง หากมีคนจำได้ก็ยังถือว่าดี แต่ถ้าเป็นการสะกดรอยตาม วันนี้เกรงว่าพวกเขาทั้งสองจะออกจากร้านกาแฟแห่งนี้ได้ยาก!

 

 

ใช่แล้ว ผู้จัดการสงสัยว่าฉินหร่านเป็นแฟนคลับ

 

 

เมื่อเห็นคนออกมา ฉินหร่านก็ยื่นมือดึงหมวกลง เธอมองผู้จัดการพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ตอบอย่างเรียบง่าย “ฉันมาหาเหยียนซี”

 

 

เธอดึงหมวกลงเผยให้เห็นถึงโฉมหน้าค่าตา

 

 

ใบหน้าของเธอไม่ว่าจะแยกดูเป็นส่วนหรือรวมกันก็ดูโดดเด่นอย่างที่สุด เธอเลิกคิ้วอย่างเอาแต่ใจ 

 

 

ผู้จัดการเคยชินกับการเห็นคนหน้าตาดีในวงการบันเทิงมาแล้ว แต่พอเห็นฉินหร่านเพียงแวบเดียว สายตาของเขาก็เปล่งประกาย

 

 

ในใจแอบคิดว่าถ้าเขาเป็นโมเดลลิ่งในวงการบันเทิง เขาจะไม่ลังเลที่จะเกลี้ยกล่อมฉินหร่านให้เข้าวงการบันเทิงกับเขาให้ได้

 

 

หน้าตาแบบนี้ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยเมื่อเข้าวงการบันเทิง

 

 

เพราะถึงอย่างไรบรรดาแฟนคลับก็คงยอมอุทิศตัวเป็นคุณลุงให้เธอ อย่างที่รู้กันว่า…แฟนคลับส่วนใหญ่จะมองแค่หน้าตาเป็นอย่างแรก

 

 

“เธออยากได้ลายเซ็นเขาเหรอ?” เหยียนซีมีแฟนคลับมากมาย ผู้จัดการจึงไม่ได้แปลกใจนัก ดังนั้นในกระเป๋ากางเกงของเขามักจะพกรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของเหยียนซีไว้ตลอดเวลาเพื่อเอาใจแฟนคลับเขาตอนที่พบปะกัน

 

 

เขาหยิบรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นสองใบออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ฉินหร่านอย่างเป็นมิตร

 

 

ภายในห้อง เมื่อเหยียนซีได้ยินว่าไม่ใช่เจียงซานอี้ ความตื่นเต้นภายในใจก็พลันสงบลง จากนั้นกลับไปนั่งบนเก้าอี้โซฟาเหมือนเดิมและเปิดวีแชทต่อ

 

 

ฉินหร่านยื่นมือพลางหลุบตา เธอรับรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นที่ผู้จัดการมอบให้เธออย่างเฉื่อยชา

 

 

ดูเสร็จก็ไม่ได้ยัดใส่กระเป๋า เพียงแค่บีบอย่างลวกๆ

 

 

ผู้จัดการกำลังรอให้ฉินหร่านไป แต่กลับไม่คิดว่าพอฉินหร่านได้รูปถ่ายพร้อมลายเซ็นแล้วยังไม่ยอมไปไหน เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะพูดก็เหมือนจะได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะ

 

 

มือหนึ่งถือรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นอย่างลวกๆ อีกมือหนึ่งสอดเข้ากระเป๋ากางเกง เธอแนะนำตัวกับผู้จัดการอย่าชัดถ้อยชัดคำ “ฉันคือเจียงซานอี้”

 

 

หน้าผู้จัดการที่เคยเป็นมิตรกลายเป็นแข็งทื่อ

 

 

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ “เดี๋ยว เดี๋ยวนะ…เธอ เมื่อกี้เธอบอกว่าอะไรนะ? เจียง เจียงอะไร?”

 

 

นี่กำลังเล่นตลกบ้าอะไรเนี่ย?!

 

 

เด็กเมื่อวานซืนอย่างเธอเนี่ยนะคือเจียงซานอี้ ? !

 

 

เสียงผู้จัดการเบาหวิวเล็กน้อย เขากำลังสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้กำลังล้อเขาเล่นอยู่หรือเปล่า

 

 

ฉินหร่านสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็ควานหาโทรศัพท์ตัวเองออกมา ในนั้นเป็นข้อความที่เหยียนซีส่งให้เธอ

 

 

(พรรคพวก ถึงไหนแล้ว?)——

 

 

ฉินหร่านตอบกลับทันที——

 

 

(หน้าประตูห้อง ผู้จัดการนายเอารูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของนายให้ฉันแล้ว)

 

 

**

 

 

หนึ่งนาทีต่อมา

 

 

ทั้งสามเข้ามานั่งในห้อง

 

 

ฉินหร่านนั่งทางด้านขวา เหยียนซีกับผู้จัดการนั่งบนเก้าอี้โซฟาทางด้านซ้าย

 

 

ฉินหร่านวางรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของเหยียนซีไว้ด้านข้างอย่างส่งๆ มือวางบนโต๊ะ

 

 

พนักงานเสิร์ฟเคาะประตูอยู่ด้านนอกเพื่อเข้ามาเสิร์ฟกาแฟ ผู้จัดการเดินตัวปลิวไปเปิดประตูแล้วยกกาแฟเข้ามาข้างใน

 

 

วางไว้ตรงหน้าฉินหร่านหนึ่งแก้ว

 

 

เสียงแก้วกาแฟที่กระทบกับโต๊ะทำให้เหยียนซีได้สติ

 

 

เขามองไปที่ฉินหร่านด้วยความรู้สึกเหลือเชื่ออยู่หน่อยๆ จากนั้นก็ลองเอ่ยถาม “พะ เพื่อน?” 

 

 

ฉินหร่านหันไปด้านข้างเล็กน้อย เหมือนเธอจะลดศีรษะลงและตอบกลับอย่างเนิบนาบแฝงไปด้วยความเย็นชา “อือ”

 

 

เหยียนซี “…”

 

 

น้ำเสียงแบบนี้เป็นปฏิกิริยามิตรสหายคนนั้นที่เขารู้จัก

 

 

“ท่านเทพ ไม่คิดว่าคุณจะเด็กขนาดนี้” ผู้จัดการคลุกคลีอยู่ในวงการมานานหลายปีจนกลายมาเป็นผู้จัดการที่ฉลาดทันคน ในที่สุดก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาพยายามจิกฝ่ามือตัวเอง

 

 

แต่ในใจกลับไม่สงบนิ่งเหมือนเปลือกนอก

 

 

แม้จะไม่ได้ถาม แต่ผู้จัดการก็ดูออกว่าฉินหร่านน่าจะอายุราวๆ สิบแปดปี อย่างงั้นเธอเริ่มแต่งเพลงและเรียบเรียงเพลงให้เหยียนซีตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

 

 

แล้วทำไมถึงมาหาเหยียนซีกะทันหันแบบนี้?

 

 

ตอนที่ผู้จัดการพาเหยียนซีมาก็รู้สึกแปลกๆ เพราะในวงการก็มีคนดัง ดังถึงระดับเหยียนซีก็มี อย่างเช่นฉินซิวเฉินที่ไม่มีแม้แต่ข่าวฉาว

 

 

แต่ฉินซิวเฉินมีคนในตระกูลคอยหนุนหลัง การที่เขาสามารถมาถึงจุดนี้ได้โดยไม่มีข่าวฉาวนั้นไม่ใช่แค่มีความสามารถเฉพาะตัว แต่เป็นเพราะเขาเกิดในตระกูลที่มีอิทธิพล

 

 

ทว่าเหยียนซีมีอะไร?

 

 

หลังจากพ่อแม่ของเขาแยกทางกัน เขาก็ใช้ชีวิตอยู่กับแม่ มีภาระหนี้สินมากมาย หลายปีมานี้ผู้จัดการยังไม่เคยพบพ่อของเขามาก่อนเลย ตอนที่ผู้จัดการเริ่มติดตามเขา เขายังดิ้นรนอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้เข้าประกวด ภูมิหลังใสสะอาด

 

 

พูดได้ว่าเหยียนซีดังมานานมากแล้วโดยที่ไม่มีข่าวฉาวและไม่มีใครกล้าใช้กติกามืดในการทำลายความนิยม

 

 

ผู้จัดการคิดว่าเหตุผลส่วนใหญ่จะต้องเป็นเพราะนักเรียบเรียงเพลงมือฉมังผู้ลึกลับแห่งวงการอย่างเจียงซานอี้ที่คอยสนับสนุนเหยียนซีอยู่เบื้องหลัง

 

 

ลูกพี่ใหญ่คนนี้คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเหยียนซีอย่างเงียบๆ

 

 

ไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าตาแต่เป็นเพราะความสามารถ

 

 

มิฉะนั้นจุดประสงค์คืออะไร?

 

 

ทว่าตอนนี้…

 

 

เมื่อผู้จัดการมองฉินหร่านผู้มีใบหน้าสะดุดตาคนยิ่งกว่าเหยียนซี ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนกับว่ารูปลักษณ์เหยียนซียังเสียเปรียบกว่าอีก…

 

 

หากมีคนเปิดเผยหน้าตาฉินหร่านในวงการบันเทิง…

 

 

“เจียงซานอี้” สามคำนี้จะต้องขึ้นฮอตเสิร์ชนานกว่าสามวันแน่ๆ!

 

 

ผู้จัดการกระแอมเสียงพลางใช้สายตาคลั่งไคล้ส่งสัญญาณลับให้เหยียนซี

 

 

นี่ไม่ใช่เพราะความรักหรอกหรือ?!

 

 

เหยียนซีไม่ได้รับสัญญาณลับที่ผู้จัดการส่งให้ เขาเพียงแค่จ้องฉินหร่านอยู่เป็นเวลานานกว่าจะรู้สึกตัว จิบน้ำไปหนึ่งคำ “ท่านเทพ ทำไมวันนี้ถึงได้มาพบผมกะทันหันแบบนี้ล่ะ?”

 

 

“ว่างอยู่พอดี” ฉินหร่านเคาะนิ้วอยู่บนโต๊ะ “ตอนนี้แม่คุณสบายดีไหม?”

 

 

เธอดูโทรศัพท์ เฉิงเจวี้ยนถามว่าเธออยู่ไหน เธอตอบกลับข้อความอย่างส่งๆ

 

 

“อืม” เหยียนซีพยักหน้า เขาเคยคุยกับเจียงซานอี้เรื่องสถานะครอบครัวของเขามาก่อน “ตอนนี้แม่ทำงานอยู่ในบริษัทอวิ๋นกวงกรุ๊ป”

 

 

เขาอยากเจอเจียงซานอี้มาโดยตลอดเพราะส่วนหนึ่งเธอเป็นเพื่อนรู้ใจ อีกส่วนหนึ่งรู้สึกขอบคุณที่ตอนนั้นเธอดึงเขาออกมาจากโคลนตม

 

 

ทว่าตอนนี้ได้มาเจอตัวจริง…

 

 

เหยียนซีรู้สึกว่าตัวเองถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

 

 

**

 

 

ชั้นล่าง

 

 

หลังจากที่เฉิงมู่รอฉินหร่านเข้าไปในร้านกาแฟเสร็จก็ขับรถจอดไว้ข้างทาง ถนนข้างร้านกาแฟค่อนข้างกว้างขวางและมีที่จอดรถอยู่ตรงข้าม

 

 

วันธรรมดาจะมีคนเยอะมาก

 

 

เฉิงมู่นั่งอยู่ในรถเพราะอากาศข้างนอกค่อนข้างหนาว

 

 

เขานั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับพลางก้มหน้าเลื่อนดูกรุ๊ปแชท

 

 

โอวหยางเวยถามพวกเขาว่าจะกลับเมืองหลวงเมื่อไหร่เฉิงมู่กำลังจะกดโทรศัพท์เพื่อตอบกลับ

 

 

แต่จู่ๆ ก็มีข้อความโผล่ขึ้นมาบนหน้าแชท——

 

 

(อยู่ไหน?)

 

 

คนที่ส่งมามีภาพโปรไฟล์เป็นสีดำล้วน ทั้งเย็นชาและดูเท่ในเวลาเดียวกัน

 

 

เฉิงมู่นั่งตัวตรงราวกับว่าคนถามอยู่ตรงหน้าเขาและตอบอย่างนอบน้อม นอกจากนี้เขายังส่งรูปถ่ายร้านกาแฟที่ฉินหร่านเข้าไปซึ่งดูเหมือนเป็นร้านสำหรับคู่รักที่กำลังออกเดท

 

 

สุดท้ายก็ส่งพิกัดไป

 

 

บ้านกู้ซีฉือ พอเฉิงเจวี้ยนเห็นรูปถ่ายที่เฉิงมู่ส่งมาให้ เขาก็หรี่ตาลงและใช้มือยันโซฟาลุกขึ้นยืน หยิบเสื้อคลุมที่แขวนอยู่ด้านข้าง

 

 

มองไปยังที่ที่วางกุญแจรถในบ้านกู้ซีฉือ จากนั้นก็หยิบกุญแจออกไป

 

 

“คุณชายเจวี้ยน จะไปไหน?” เมื่อลู่จ้าวอิ่งที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เห็นเฉิงเจวี้ยนกำลังถือกุญแจเดินออกไปก็อดถามไม่ได้

 

 

“ออกไปข้างนอก” เฉิงเจวี้ยนเม้มริมฝีปากพลางกดคิ้ว เขาพูดเพียงสี่คำอย่างสุขุม

 

 

ก้มหน้าดูโทรศัพท์ก็เห็นข้อความที่ฉินหร่านเพิ่งส่งมา

 

 

ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ปิดบังอะไร ทั้งยังส่งหมายเลขห้องมาให้ตรงๆ

 

 

เฉิงเจวี้ยนเลิกคิ้ว

 

 

ยี่สิบนาทีต่อมา

 

 

ในห้อง

 

 

“เหยียนซี นายคุยกับท่านเทพไปก่อนนะ ฉันจะออกไปสูบบุหรี่” ผู้จัดการหยิบบุหรี่ออกมา ทั้งยังสร้างโอกาสทองให้พวกเขา

 

 

พลางส่งสัญญาณลับให้เหยียนซี

 

 

ตอนที่เขาส่งสัญญาณลับให้เหยียนซี ก็มีคนเคาะประตูจากด้านนอกห้องอย่างช้าๆ สามที