หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อย หลี่หรงลากอวี้ฮ่าวหรานมาถามถึงเรื่องเหตุการณ์ที่ช่วยเฉิงชิวอวี้อย่างละเอียดอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปอาบน้ำนอน

ในเวลาเดียวกัน ณ บริษัทไป๋เชา ในออฟฟิศของหวังเจวีย

“แน่ใจนะ? ไอ้คน ๆ นั้นมันคือประธานของเครือฮ่าวหรานงั้นเหรอ??” หวังเจวียเอ่ยถามกลับด้วยสีหน้าตกตะลึง

“เป็นเรื่องจริง ชายที่ชื่ออวี้ฮ่าวหรานคือประธานของเครือฮ่าวหรานดังนั้นนายน้อยอย่าประมาทเขาเด็ดขาด!”

ที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ ชายวัยกลางคนในชุดสูทพยายามอธิบายสถานการณ์ต่าง ๆ ให้หวังเจวียเข้าใจ

“มิน่าล่ะ…ก่อนหน้านี้ฉันประมาทไปจริงๆ”

หวังเจวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ ตอนนี้เขาไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่กลัวเขาเลยและทำไมเฉิงชิวอวี้ถึงไม่รังเกียจอวี้ฮ่าวหราน และทำไมหลินป๋อถึงยกยออวี้ฮ่าวหรานนัก!

ที่แท้อีกฝ่ายก็มีอิทธิพลอยู่พอตัว!

“ว่าแต่อายุมันก็ยังน้อยอยู่เลยทำไมมันถึงสร้างบริษัทจนใหญ่โตได้ถึงขนาดนั้น?”

หวังเจวียเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้างุนงง เขาพยายามนึกถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ นานามากมาย

“จากข้อมูลที่รวบรวมมาดูเหมือนว่าการที่อวี้ฮ่าวหรานขึ้นมามีอิทธิพลได้เนื่องจากเขาได้รับการสนับสนุนจากหลี่ชงซานให้ขึ้นมากุมบังเหียนบริษัทแทนหลี่จิงเทียน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้หลี่จิงเทียนโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ส่วนเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสามารถก้าวข้ามหัวหลี่จิงเทียน ได้นั้นเรื่องนี้ยังคงเป็นปริศนาที่ทางเราเองก็ยังไม่สามารถสืบได้”

เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของหวังเจวีย ชายในชุดสูทรีบอธิบายต่อทันที

“อ้อ ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ฉันว่าแล้วว่าคนที่หน้าตาโง่เง่าแบบมันไม่มีทางประสบความสำเร็จจากศูนย์ได้แน่ๆ”

หวังเจวียเอ่ยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก

“ถ้าอย่างนั้นนายน้อยจะเอาอย่างไรต่อ?” ชายในชุดสูทเอ่ยถามกลับ

“ในเมื่อเป็นแบบนี้งั้นเราต้องไปหาหลี่จิงเทียนเป็นอันดับแรก! เราจะต้องเล่นงานมันจากภายใน!”

ช่วงเย็นของวันถัดไป หลังจากอวี้ฮ่าวหรานออกจากบริษัท หวังเจวียแอบไปหาหลี่จิงเทียนถึงออฟฟิศ

“นายมาหาฉันมีเรื่องอะไร?”

หลี่จิงเทียนเอ่ยถามหวังเจวียด้วยสีหน้าสงสัย ก่อนหน้านี้เขาได้รับโทรศัพท์จากอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้วว่าจะเข้ามาหาเขา แต่เขายังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร?

หากเป็นคนอื่นนัดให้เขาอยู่รอถึงเย็นแบบนี้เขาคงไม่มีทางรอแน่แต่หวังเจวียคือลูกชายของประธานบริษัทไป๋เชาอันใหญ่โตดังนั้นเขาจึงยอมรอเพื่อดูว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

“ฉันต้องการความร่วมมือจากนาย” หวังเจวียตอบกลับ

“ความร่วมมือ?” หลี่จิงเทียนถามกลับด้วยสีหน้าสงสัยยิ่งกว่าเดิม

“นายอยากจะถีบหัวส่งอวี้ฮ่าวหราน ออกจากบริษัทของตระกูลนายและขึ้นมากุมบังเหียนแทนรึเปล่า?” หวังเจวียเอ่ยถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

หลี่จิงเทียนลุกขึ้นจากโซฟาด้วยสีหน้าตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้

“แน่นอนว่าฉันอยาก…แต่ว่าทำไมนายถึงจะช่วยฉัน?”

“นี่เป็นเพราะว่าเรามีศัตรูคนเดียวกันยังไงล่ะ!”

หวังเจวียหัวเราะคิกคักในระหว่างที่ตอบ การที่เขาได้รู้ว่าหลี่จิงเทียนยินดีร่วมมือมันทำให้การมารอบนี้ไม่เสียเที่ยว…

“ถ้างั้นก็ได้เลย! ว่าแต่นายจะให้ฉันช่วยยังไง?” หลี่จิงเทียนตอบตกลงด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“เรื่องนี้ง่ายมาก นายแค่บอกข้อมูลทุกอย่างของอวี้ฮ่าวหรานให้ฉันรู้แค่เท่านี้ก็เพียงพอ”

ครั้งนี้หวังเจวียต้องการทำลายอวี้ฮ่าวหรานแบบถอนรากถอนโคนและดึงเฉิงชิวอวี้ให้กลับมาสนใจเขาให้ได้!

“แค่นี้?” หลี่จิงเทียนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจเพราะนี่มันง่ายกว่าที่เขาคิดไว้มาก “ได้เลยฉันจะส่งข้อมูลทุกอย่างของ ‘มัน’ ให้นายทั้งหมดหลังจากนี้”

“ยินดีที่ได้ร่วมมือกับนายจริงๆ!”

เมื่อคุยกันเสร็จเรียบร้อย หวังเจวียเดินออกจากออฟฟิศของหลี่จิงเทียนไปทันที

หลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ขณะนี้อวี้ฮ่าวหรานเพิ่งจะส่งถวนถวนเข้าโรงเรียนเสร็จและกำลังขับรถตรงไปที่บริษัทแต่ในขณะที่เขาขับผ่านบริเวณรกร้างไร้ซึ่งผู้คนจู่ ๆ ยางของรถเขากลับระเบิด!

“บรึ้ม!!”

หลังจากยางระเบิด อวี้ฮ่าวหรานรีบประคองรถและค่อย ๆ จอดเข้าข้างทางทันที ต้องขอบคุณประสาทสัมผัสที่เหนือมนุษย์ของเขาซึ่งมันทำให้เขาสามารถควบคุมรถที่กำลังเสียหลักให้กลับมาอยู่ในความควบคุมได้อย่างง่ายดาย

แต่แล้วหลังจากลงจากรถและตรวจสอบยางที่ระเบิด เขาก็พบว่าสาเหตุที่มันระเบิดนั้นมีอะไรไม่ชอบมาพากล…

เขาพบว่าที่ยางรถของเขามีตะปูเรือใบแทงอยู่เต็มไปหมด!

เห็นได้ชัดเจนว่ามีใครบางคนจัดฉากวางหลุมพรางเขาที่นี่!

อวี้ฮ่าวหรานหันไปมองรอบ ๆ กายของเขาทันทีจากนั้นเขาแผ่พลังวิญญาณของเขาออกไปทั่วทุกทิศทางเพื่อตรวจสอบบริเวณโดยรอบ

แถวนี้มีกลิ่นอายสังหารลอยอยู่เต็มไปหมด!

จากนั้นแค่เพียงชั่วอึดใจจู่ ๆ นักเลงมากกว่า50คนที่มีอาวุธปืนครบมือกระโดดออกจากพุ่มไม้ทั้ง2ข้างทาง!

และยิ่งไปกว่านั้นหากดูจากความคล่องแคล่วของความเคลื่อนไหว นักเลงพวกนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นนักสู้ที่มีประสบการณ์ในศิลปะการต่อสู้กันแทบทั้งนั้น!

อย่างไรก็ตามผู้นำกลุ่มนักเลงที่จู่ ๆ ก็โผล่มาพวกนี้ไม่ใช่ใครอื่นเขาเป็นคนที่อวี้ฮ่าวหรานเคยพบหน้ามาก่อนหน้านี้แล้ว

เขาคือหัวหน้าแก็งค์มังกรคราม…หยวนหลง!

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่หยวนหลงและบรรดานักเลงหัวกะทิมากกว่า50คนที่อีกฝ่ายพามาด้วยสีหน้างุนงง

รอบที่แล้วที่เจอกันอีกฝ่ายไม่กล้าต่อกรเขาแม้แต่น้อยซึ่งเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายพอจะรู้อยู่ว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหนแต่แล่วทำไมวันนี้กลับกล้าพาคนมาล้อมเขาแบบนี้?

“ที่แท้ก็เป็นนายงั้นเหรอหัวหน้าแก็งค์หยวน? ฉันขอถามอะไรหน่อย นายคิดยังไงวันนี้ถึงพาคนมาตายพร้อมกับนายมากมายขนาดนี้?”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย เขาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะฉลาดมากกว่านี้

แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับทำตัวโง่งมไม่ต่างอะไรกับมดแมลง!

ในขณะนี้บรรดานักเลง50กว่าคนที่มีปืนสั้นพร้อมอยู่ในมือทุกคนไม่ได้มีสีหน้าที่มีความสุขเท่าไหร่ พวกเขาต่างแสดงอาการสั่นเล็กน้อยราวกับว่าอยากจะไปจากตรงนี้ให้พ้นๆ

“อวี้ฮ่าวหราน! ฉันอุตส่าห์อดทนกับแกมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งโดยเฉพาะครั้งล่าสุด! แต่แกกลับยิ่งได้ใจจนไม่กี่วันที่ผ่านมาแกทำร้ายอาจารย์ของฉันแถมยังขโมยสมบัติของอาจารย์ฉันไปอีก!!”

หยวนหลงตะโกนตอบกลับด้วยสีหน้าเดือดดาล

“ในเมื่อแกเหยียบย่ำกันมากขนาดนี้งั้นวันนี้ฉันจะขอล้างแค้นให้กับอาจารย์ของฉันและชิงของที่เป็นของอาจารย์ฉันกลับมา!”

“โอ้? นี่แกคิดว่าคนพวกนี้กับปืนจะช่วยทำให้แกล้างแค้นฉันได้งั้นเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามกลับด้วยแววตาเหยียดหยาม การที่เขาปล่อยคงเหอ ไปในวันนั้นเป็นเพราะเขาไม่ได้กลัวว่าจะถูกล้างแค้นเลย

“ฮึ่ม! จะได้หรือไม่ได้เดี๋ยวเราจะได้รู้กันวันนี้! ทุกคนฆ่ามัน!”