อวี้หลานซียิ่งอยู่ก็ยิ่งได้ใจ ทว่าเหลิ่งรั่วปิงเพียงแค่คลายยิ้มบางๆ ไม่ได้พูดอะไร อวี้หลานซีรู้สึกว่าตนเองเอาชนะแล้ว สายตาที่เธอมองหน้าเหลิ่งรั่วปิงยังคงเปี่ยมด้วยความเคียดแค้น ไม่พูดอะไรอีก
เหลิ่งรั่วปิงบอกกับสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ”บอกให้พ่อบ้านเรียกคนรื้อถอนสวนมรกต”
“!!!”
เหลิ่งรั่วปิงพูดจบ ไม่เพียงแค่อวี้หลานซี แม้แต่สาวใช้ที่อยู่ด้านหลังก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
บ้านทุกหลังในคฤหาสน์หนานกง หัวหน้าตระกูลหนานกงเป็นคนสร้างขึ้นมาด้วยตนเอง ทุกตำแหน่งของคฤหาสน์ล้วนได้รับการคิดคำนวนจากซินแส ตามหลักความเชื่อแล้ว ผ่านการทำพิธี ไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าตระกูล การรื้อถอนบ้านสุ่มสี่สุ่มห้า สำหรับตระกูลหนานกงถือเป็นเรื่องใหญ่ เหลิ่งรั่วปิงดึงดันจะรื้อถอน อาจจะเป็นการทำลาย ”ดวงชะตา” ของตระกูลหนานกง
เหลิ่งรั่วปิงรู้ดีว่าคำพูดของตนเองจะทำให้พวกเธอตกลึงแค่ไหน เหลิ่งรั่วปิงคลี่ยิ้มบางๆ ”พวกเธอฟังไม่ผิดหรอก ฉันจะรื้อถอนสวนมรกต” หันหน้าไปบอกกับสาวใช้ พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ”ยังไม่รีบไปอีก!”
“ค่ะ” สาวใช้รีบพยักหน้ารับทันที แล้วรีบวิ่งออกไป
ในสวนดอกไม้เหลือเพียงแค่เหลิ่งรั่วปิงและอวี้หลานซี คนหนึ่งยิ้มแย้มด้วยความสบายใจ ส่วนอีกคนโมโหจนตัวสั่นเทา
“เหลิ่งรั่วปิง เธออยากตายหรือไง!”
“หึ อวี้หลานซี ถ้าขืนเธอโอ้อวดความทรงจำหอมหวานของเธอกับคุณหนานกงเยี่ยอีก เช่นนั้นฉันก็จะทำลายความทรงจำของเธอด้วยมือตนเอง ดูสิว่าคุณหนานกงเยี่ยจะเห็นคุณค่าของความทรงจำพวกเธอไหม”
ทำลายสวนมรกต วันข้างหน้าเธอจะใช้อะไรเรียกคืนความรู้สึกของหนานกงเยี่ยกลับมา! อวี้หลานซีลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห ”เหลิ่งรั่วปิง ฉันจะฆ่าแก!”
สิ้นเสียง อวี้หลานซีคว้าปืนในกระเป๋าออกมาพร้อมกับเล็งไปที่เหลิ่งรั่วปิง แต่ยังไม่ทันได้เหนี่ยวไก เหลิ่งรั่วปิงก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้แล้ว เพียงแค่ใช้แรงเล็กน้อย ปืนพกตกลงบนพื้น
ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะนั่งยิ้มคล้ายกับไม่มีเรื่องอะไร แต่หูของเธอกำลังตั้งใจฟังการเคลื่อนไหวของอวี้หลานซี ดังนั้นตอนที่อวี้หลานซีคว้าปืนออกมา เธอก็ป้องกันตัวเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เธอไม่เคยให้โอกาสศัตรูในการฆ่าเธอเป็นครั้งที่สอง
ถึงอย่างไรอวี้หลานซีก็เป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ เมื่อถูกเหลิ่งรั่วปิงคว้าข้อมือแบบนี้ เธอเจ็บจนน้ำตารื้นขึ้นมา ”เหลิ่งรั่วปิง เธอกล้าแตะต้องตัวฉัน พ่อบุญธรรมไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่ เยี่ยเองก็ไม่มีวันให้อภัยเธอ”
เหลิ่งรั่วปิงแสยะยิ้ม ”งั้นเหรอ วันนี้ฉันจะดูซิ ถ้าฉันทำอะไรเธอขึ้นมา คุณหนานกงเยี่ยจะให้อภัยฉันไหม!” เหลิ่งรั่วปิงบีบข้อมืออวี้หลานซีอย่างแรง ”วันนั้นเธอใช้มือข้างนี้เล็งปืนมาที่ฉัน วันนี้ฉันจะทำให้มือข้างนี้ของเธอพิการ!”
กรึก!
ภายใต้การบีบข้อมืออย่างแรงของเหลิ่งรั่วปิง มือข้างขวาของอวี้หลานซีถูกบิดจนหัก
“โอ๊ย!” อวี้หลานซีทนความเจ็บปวดนี้ไม่ได้ เธอเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น เหงื่อเย็นผุดขึ้นมามากมาย
เหลิ่งรั่วปิงกระตุกยิ้มเยือกเย็น ตอนที่เธอยกมือขึ้นให้ความรู้สึกสูงสง่า ”อวี้หลานซี ฉันไม่ใช่คนจิตใจเมตตา แต่ที่ฉันอดทนกับเธอมาโดยตลอด ไม่ได้เป็นเพราะฉันจัดการเธอไม่ได้ แต่เป็นเพราะฉันดูถูกคนอย่างเธอ ฉันดูถูกการแย่งผู้ชาย ฉันรักหนานกงเยี่ย แต่ไม่วันยื้อแย้งกับผู้หญิงคนอื่นเพื่อให้ได้เขามาครอบครอง แต่ในเมื่อเธอคิดจะฆ่าฉัน เช่นนั้นฉันก็ไม่มีวันปล่อยให้เธอมีความสุข เธอเป็นคนท้าทายขีดความอดทนของฉัน วันนี้ฉันหักมือของเธอ คิดบัญชีสิ่งที่เธอเคยใส่ร้ายทำให้ฉันอับอาย รวมถึงลูกกระสุนที่เธอยิงฉันในวันนั้นหมดในครั้งเดียว แต่ถ้าหลังจากวันนี้เธอยังมาหาเรื่องฉันอีก ฉันจะลงโทษเธอหนักกว่าเดิม”
ภายในห้องหนังสือของหนานกงเยี่ย เงียบมาก ก่วนอวี้ยืนรับคำสั่งอยู่ด้านข้าง
ทันใดนั้นเอง พ่อบ้านสาวเท้าเข้ามา ทำลายความเงียบ ”คุณชายเยี่ยครับ คุณผู้หญิงและคุณอวี้ทะเลาะกันในสวนดอกไม้ ตอนนี้สั่งให้ผมรื้อถอนสวนมรกตแล้วครับ”
หนานกงเยี่ยไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ”ถ้าอย่างนั้นก็สั่งให้คนไปรื้อถอน วิ่งมาเรื่องมากที่นี่ทำไม”
“?!” พ่อบ้านเงยหน้าขึ้นมองหนานกงเยี่ยด้วยความตกใจ สีหน้าเหลือเชื่อ ”คุณชายเยี่ย คฤหาสน์หลังนี้ท่านหนานกงจวิ้นเป็นคนสร้างขึ้นด้วยตนเอง รื้อถอนเองสุ่มสี่สุ่มห้า…”
หนานกงเยี่ยเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาเย็นยะเยือก ”พ่อบ้าน ผมว่าพ่อบ้านแก่จนเลอะเลือนแล้วนะครับ ตอนนี้อำนาจของตระกูลหนานกงอยู่ในมือผม ผมมีอำนาจในการตัดสินใจทุกอย่าง หากพ่อบ้านไม่เดินข้ามผ่านยุคสมัยของคุณพ่อได้ ถ้าอย่างนั้นพ่อบ้านย้ายไปรักษาตัวบนเกาะไหม”
หนานกงเยี่ยรู้ดี อวี๋จงติดตามอยู่เคียงข้างหนานกงจวิ้นตั้งแต่เด็ก เขาจงรักภักดีต่อหนานกงจวิ้นเป็นอย่างมาก ตอนนั้นหลังจากหนานกงจวิ้นวางมือจากอำนาจ เหลือทิ้งไว้เพียงอวี๋จงอยู่ในคฤหาสน์หนานกง ความเป็นจริงเพื่อที่จะใช้เขาเป็นหูเป็นตาแทนตน สิ่งที่หนานกงเยี่ยทำทุกอย่างอวี๋จงล้วนรายงานหนานกงจวิ้นตลอดเวลา
กำจัดหูตาอวี๋จงคนนี้ เป็นสิ่งที่หนานกงเยี่ยต้องทำไม่ช้าก็เร็ว
แววตาเย็นยะเยือกของหนานกงเยี่ย คล้ายกับน้ำแข็งที่กดทับอยู่บนศีรษะของพ่อบ้านอวี๋จง อวี๋จงตกใจจนรีบโค้งตัวลง ”ครับ คุณชายเยี่ย ผมจะไปจัดการตอนนี้เลยครับ”
พูดจบ อวี่จงก็เดินจากไป เขาคือคนฉลาด เป็นธรรมดาที่จะรู้และเข้าใจจุดประสงค์ของหนานกงเยี่ย เพื่อป้องกันไม่ให้หนานกงเยี่ยโมโหแล้วไล่เขาออกจากตระกูลหนานกง เขาจึงต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ตอนที่หนานกงจวิ้นวางมือ ได้กำชับสั่งให้เขาจับตาดูหนานกงเยี่ยให้ดี เขาไม่อาจทำให้หนานกงจวิ้นผิดหวัง
หนานกงเยี่ยถอนสายตากลับด้วยความเย็นยะเยือก มองดูก่วนอวี้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ”นายมีความแค้นเคืองไหม”
“ไม่ครับ” สีหน้าของก่วนอวี้เคร่งขรึม ”ภายในใจของผมคุณชายเยี่ยและหลานซีสำคัญเท่ากัน”
หนานกงเยี่ยพยักหน้า สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ”พวกเราสามคนเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก ความรักที่ฉันมีต่อหลานซีไม่น้อยไปกว่านาย เธอเป็นผู้หญิงที่นายรัก แต่ก็เคยเป็นน้องสาวที่ฉันทะนุถนอมที่สุด ฉันเองก็ไม่เคยคิดจะทำกับเธอแบบนี้ เธอเป็นคนทำลายความอดทนของฉันเอง”
เวลานี้ เสียงโทรศัพท์ของหนานกงเยี่ยดังขึ้น เขามองดูหน้าจอโทรศัพท์แล้วรับสายอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่กี่วินาที พูดออกมาไม่กี่คำ ”เข้าใจแล้ว”
บอดี้การ์ดเป็นคนโทรมา เขารีบรายงานสถานการณ์ของเหลิ่งรั่วปิงและอวี้หลานซี
เหลิ่งรั่วปิงไม่อยากให้เขาอยู่กับเธอตลอดเวลา เธออยากจะทำความคุ้นเคยกับชีวิตที่มืดมน ดังนั้นเขาจึงแอบสั่งให้บอดี้การ์ดคอยติดตามเธอ เรื่องที่เธอตกแม่น้ำเมื่อคราวที่แล้ว เป็นเครื่องเตือนสติเขา เขาไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
หนานกงเยี่ยวางโทรศัพท์ลงเบาๆ หันไปมองก่วนอวี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ”ฉันไม่ใช่คนที่มีความรักแล้วทอดทิ้งญาติมิตร แต่นายรู้ดี หนึ่งวันก่อนที่รั่วปิงจะย้ายกลับมาอยู่ในคฤหาสน์ เธอตกลงไปในแม่น้ำที่คฤหาสน์ตากอากาศหนานกง ฉันคิดว่าหลานซีเป็นคนทำร้ายเธอ ดังนั้นรั่วปิงถึงขอย้ายมาอยู่ที่คฤหาสน์ เพื่อทำให้หลานซีลำบากใจ”
“นายรู้ดี เธอไม่ชอบทำเรื่องแบบนี้มาก่อน หลานซีเป็นคนทำลายขีดความอดทนของรั่วปิง”
“ฝีมือของรั่วปิงนายเองก็รู้ดี ถึงแม้จะสูญเสียการมองเห็นไปแล้ว แต่คนธรรมดาทั่วไปไม่มีวันเข้าไปใกล้เธอได้ ด้วยความสามารถของหลานซีไม่มีทางผลักเธอตกลงไปในแม่น้ำอย่างแน่นอน ที่ทำให้เกิดผลลัพธ์นี้มีเพียงแค่ความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น หลานซีใช้ปืนบีบต้อนเธอ รั่วปิงกระโดดลงแม่น้ำเองเพื่อเอาตัวรอด”
หนานกงเยี่ยจ้องมองเข้าไปในแววตาของก่วนอวี้ ”หลานซีคิดจะฆ่ารั่วปิง! นายคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่ฉันจะให้อภัยเธอ”
ก่วนอวี้พยักหน้าด้วยความเจ็บปวด ”ผมคาดเดาได้แล้วครับ ผมไม่รู้สึกแค้นเคืองการกระทำของคุณชายเยี่ย ผมแค่ปวดใจเท่านั้น” เขาเพียงแค่ปวดใจเท่านั้น เขาอยากจะใช้ความรักของตนเองดึงอวี้หลานซีออกมาจากความรักที่บิดเบี้ยว แต่เธอกลับถลำลึกลงไปเรื่อยๆ
หนานกงเยี่ยโล่งใจอย่างมาก รู้สึกเหมือนปลดล็อคโซ่ที่ล่ามเอาไว้ ”ก่วนอวี้ นายกับหลานซีโตมากับฉัน พวกนายล้วนเป็นญาติสนิทของฉัน ถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆ ฉันไม่มีวันทำร้ายพวกนาย เรื่องนี้รั่วปิงรู้ดี ดังนั้นเธอจึงไม่ยอมพูด แต่เลือกที่จะกลับมาลงโทษหลานซีด้วยตนเองที่คฤหาสน์ ฉันคิดว่ารั่วปิงไม่มีวันเอาชีวิตหลานซีหรอก เพียงแค่จะสั่งสอนเธอเล็กน้อยเท่านั้น”
ก่วนอวี้พยักหน้าอีกครั้ง ”เรื่องนี้ผมก็พอจะคาดเดาได้เหมือนกันครับ”
ก่วนอวี้เป็นคนฉลาดและนิ่งสงบ หนานกงเยี่ยซึ้งใจมากที่เขาเข้าใจตน ”เมื่อกี้ที่สวนดอกไม้ รั่วปิงลงโทษหลานซี นายไปดูหน่อย”
“ครับ” ก่วนอวี้เดินออกไปจากห้องหนังสือ ตรงไปยังสวนดอกไม้
อวี้หลานซีในเวลานี้ กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น เมื่อเห็นก่วนอวี้ เธอก็ตะเกียกตะกายขึ้นมา เม้มกัดฟันแล้วพูด ”ก่วนอวี้ เหลิ่งรั่วปิงหักข้อมือฉัน นายพาฉันไปบอกเยี่ยหน่อย”
เหลิ่งรั่วปิงนั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยความนิ่งสงบ จิบน้ำชาของตน ขนตางอนยาวไหวยามเมื่อกะพริบตาสองครั้ง สีหน้าของเธอเรียบเฉย
ก่วนอวี้หันไปมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยแววตาซึ้งใจ น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความซาบซึ้ง ”ขอบคุณคุณผู้หญิงที่เมตตาครับ”
“ก่วนอวี้ นายกำลังพูดอะไร” อวี้หลานซีเม้มกัดฟัน ดวงตากลมโตหันไปมองก่วนอวี้ เขารักเธอไม่ใช่หรือ รักเธอมานานกว่าสิบปีไม่ใช่หรือ เธอถูกเหลิ่งรั่วปิงบิดข้อมือจนหัก แต่เขากลับขอบคุณที่เหลิ่งรั่วปิงเมตตา!
ก่วนอวี้ขมวดคิ้วเป็นปม มองดูอวี้หลานซีด้วยความปวดใจ ”หลานซี คุณเคยทำความผิดอะไรเอาไว้ คุณรู้ดีแก่ใจ คุณผู้หญิงแค่ทำให้ข้อมือเธอหักถือว่ามีเมตตามากแล้ว คุณควรขอบคุณและสำนึกผิด”
อวี้หลานซีเจ็บจนน้ำตาเม็ดโตร่วงหล่น นิ่งเงียบ ถูกต้อง เมื่อเทียบกับการที่เธออยากเอาชีวิตเหลิ่งรั่วปิงมาโดยตลอด ถือว่าเหลิ่งรั่วปิงเมตตาเธอมากแล้ว
ก่วนอวี้สงสารอวี้หลานซีมากจริงๆ เธอเจ็บจนหน้าบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว เขาเดินเข้าไปโอบกอดเธอ แล้วพูดกับเหลิ่งรั่วปิง ”คุณผู้หญิงครับ ผมขอตัวพาหลานซีไปหาหมอก่อนนะครับ”
เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยพูดเสียงเรียบสั้นๆ ”ไปเถอะ”
หลังจากก่วนอวี้พาอวี้หลานซีออกไป หนานกงเยี่ยเดินเข้ามาในสวนดอกไม้ พร้อมเข้าไปหาเหลิ่งรั่วปิง ”ได้เวลามื้อเที่ยงแล้ว พวกเรากลับกันเถอะครับ?”
สีหน้าของเหลิ่งรั่วปิงยังคงนิ่งสงบ ”เมื่อกี้ฉันหักข้อมืออวี้หลานซี คุณไม่โกรธเหรอคะ”
“ทำไมผมต้องโกรธด้วย” หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วช้อนตัวเหลิ่งรั่วปิงขึ้น ”ที่รัก ขอโทษที่ทำให้คุณถูกรังแก”
หากเป็นเหลิ่งรั่วปิงในอดีต ตอนนี้อวี้หลานซีตายไปแล้ว แต่วันนี้เหลิ่งรั่วปิงแค่หักข้อมืออวี้หลานซีข้างหนึ่งเท่านั้น เป็นเพราะเธอเห็นแก่ความรู้สึกของเขา รู้ว่าถ้าฆ่าอวี้หลานซีจะนำพาเรื่องเดือดร้อนมาให้เขา
“คุณไม่สงสารเธอเหรอคะ” เหลิ่งรั่วปิงเอ่ยถามเสียงเบา
“ไม่ครับ” หนานกงเยี่ยพูดโดยไม่ลังเล ”ตั้งแต่วันที่คุณไปจากเมืองหลง ผมตระหนักรู้ทันที เข้าใจความรู้สึกของตนเอง ผมไม่สงสารใครหน้าไหนอีกแล้ว ชีวิตนี้ผมจะรักและทะนุถนอมคุณคนเดียว”
หนานกงเยี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ”คนที่บีบให้คุณกระโดดลงแม่น้ำในวันนั้นคืออวี้หลานซีใช่ไหม”