เหลิ่งรั่วปิงกะพริบตาสองครั้ง มุมปากยกยิ้มบางเบา ”ดูเหมือนไม่มีเรื่องอะไรปิดบังคุณได้เลยนะคะ”
หนานกงเยี่ยซบหน้าลงบนผมของเหลิ่งรั่วปิง ”ทำไมไม่บอกผมเร็วกว่านี้” ถอนหายใจเล็กน้อย ”ถ้าวันนั้นผมรู้ว่าหลานซีทำแบบนี้กับคุณ ผมจะจัดการเธอด้วยมือตนเองโดยไม่ลังเล”
เหลิ่งรั่วปิงยังคงยิ้มบางเบา ”ฉันเคยบอกแล้ว เรื่องของผู้หญิงปล่อยให้ฉันจัดการด้วยตนเองเถอะค่ะ ฉันไม่อยากให้เวลาที่มีค่าของคุณสามีต้องมาเสียไปกับการช่วยฉันจัดการพวกมือที่สาม คุณต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะเบาๆ อุ้มเหลิ่งรั่วปิงกลับเข้าไปในบ้านหลังหลัก พบว่าอวี้หลานซีเองก็อยู่ คุณหมอทำแผลให้เธอเรียบร้อยแล้ว อวี้หลานซีนั่งอยู่ตรงโซฟา ก่วนอวี้ยืนอยู่ข้างๆ เธอด้วยสีหน้าทุกข์ใจ
ใบหน้าของอวี้หลานซียังมีคราบน้ำตา เธอหันมามองหนานกงเยี่ยด้วยสีหน้าน่าสงสาร ”เยี่ยคะ คุณต้องจัดการให้ฉันนะคะ”
คิ้วของหนานกงเยี่ยขมวดเล็กน้อย แววตาของเขาเย็นเฉียบ มือที่แนบลำตัวขยับเล็กน้อย พยายามควบคุมตนเองไม่ให้ยื่นมือไปบีบคออวี้หลานซี นึกถึงเรื่องที่เธอกล้าใช้ปืนบีบบังคับเหลิ่งรั่วปิง ความโกรธเคืองในใจของเขาพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างอดกลั้นเอาไว้ไม่ได้ เขาคิดว่าถ้าเหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ต่อสู้ไม่เป็น ตอนนี้เธอคงจะกลายเป็นวิญญาณที่จบชีวิตลงด้วยปลายกระบอกปืนของอวี้หลานซีแล้วหรือเปล่า
แน่นอนว่าก่วนอวี้เข้าใจแววตาของหนานกงเยี่ย เดินไปคว้ามืออวี้หลานซีเอาไว้เพื่อเป็นการตักเตือน ทว่าอวี้หลานซีกลับสะบัดมือของเขาทิ้งด้วยความเอาแต่ใจ ”เยี่ย เหลิ่งรั่วปิงบิดข้อมือฉันจนหัก คุณจะไม่พูดอะไรสักหน่อยเหรอคะ”
หนานกงเยี่ยเงียบ แววตาคมเฉียบจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของอวี้หลานซี ความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดลง ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ คือคนที่เขาสาบานว่าจะปกป้องไปตลอดชีวิต แต่วันนี้เขากลับต้องเกลี้ยกล่อมตนเอง ไม่ให้ฆ่าเธอ
อวี้หลานซีหลอกตนเอง เพิกเฉยต่อแววตาเย็นยะเยือกของหนานกงเยี่ย เขาเคยทะนุถนอมเธอมากขนาดนั้น ตอนนี้น่าจะไม่เด็ดขาดถึงขั้นนั้น เธออยากจะใช้น้ำตากระตุ้นความทรงจำของเขา ”เยี่ย พวกเราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ฉันรักคุณมานานสิบกว่าปี วันนี้คุณกลับเอาผู้หญิงพิการอย่างเหลิ่งรั่วปิงมาวางอำนาจบาตรใหญ่ในบ้านเหรอคะ”
ผู้หญิงพิการ!
คำพูดสี่พยางค์นี้คล้ายกับฟ้าคำรามเสียงดัง ผ่าลงมายังหูของหนานกงเยี่ย ทำให้ความเจ็บปวดที่เขาซ่อนเอาไว้ส่วนลึกในหัวใจปะทุขึ้นมา หนานกงเยี่ยบีบคออวี้หลานซีกะทันหัน ”อวี้หลานซี ใครเป็นคนทำให้คุณมั่นใจขนาดนี้ ทำให้คุณคิดว่าไม่ว่าคุณจะทำผิดร้ายแรงแค่ไหน ผมก็ไม่มีวันฆ่าคุณ ฮะ!?” มุมปากของเขาแสยะยิ้มเย็นยะเยือก คล้ายกับยาพิษเคลื่อนผ่านลำไส้ ”คือตัวผมงั้นเหรอ” น้ำหนักมือเพิ่มแรงขึ้นเล็กน้อย ”ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมจะเป็นคนทำลายความมั่นใจของคุณเอง!”
จู่ๆ หนานกงเยี่ยเพิ่มน้ำหนักมืออย่างกะทันหัน เล็บจิกเข้าไปในผิวหนังของอวี้หลานซี อวี้หลานซีเจ็บจนพูดไม่ออก หน้าของเธอแดงก่ำเพราะขาดอากาศหายใจ มือซ้ายพยายามตีมือหนานกงเยี่ยอย่างหมดแรง เหมือนจักจั่นที่ตายท่ามกลางสายลมหนาวเหน็บ
หนานกงเยี่ยโมโหจนตาทั้งสองข้างแดงก่ำ มองดูใบหน้าเจ็บปวดทรมานของอวี้หลานซีโดยไม่รู้สึกทะนุถนอมแม้แต่น้อย น้ำหนักมือมากขึ้นเรื่อยๆ
คนในตระกูลหนานกงไม่มีใครรับมือกับความโมโหของเขาได้ พวกสาวใช้ตกใจจนถอยหลังหนี เนื้อตัวสั่นเทา พ่อบ้านมีใจอยากจะไปห้ามปราม แต่เมื่อมองดูแววตาน่าหวาดกลัวของหนานกงเยี่ย เขาก็ทำได้เพียงถอยหลัง
“คุณชายเยี่ย” อย่างกะทันหัน ก่วนอวี้คุกเข่าลงตรงหน้าหนานกงเยี่ย ”คุณชายเยี่ยได้โปรดเห็นแก่ที่ผมติดตามรับใช้คุณชายมานานกว่ายี่สิบปี ปล่อยคุณหลานซีไป แล้วเอาชีวิตผมไปแทนเถอะครับ”
เข่าของบุรุษมีค่าดั่งทองคำ ถึงแม้ก่วนอวี้จะเป็นเพียงคนงานของตระกูลหนานกง แต่เป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี วินาทีนี้ เขาคุกเข่าลง คุกเข่าอย่างแรงจนพื้นสั่นสะเทือน ทำให้คนรู้สึกปวดใจ
มองดูก่วนอวี้ แววตาของหนานกงเยี่ยเริ่มหวั่นไหวเล็กน้อย นัยน์ตาที่กลายเป็นผลึกน้ำแข็งเริ่มมีน้ำไหลผ่าน สุดท้ายเขาจึงคลายมือจากคอของอวี้หลานซี
เหตุเพราะอวี้หลานซีตกใจกลัวจนไร้เรี่ยวแรง ตอนที่หนานกงเยี่ยปล่อยมือ เธอจึงล้มลงกับพื้น ก่วนอวี้รีบคว้าตัวเธอเอาไว้ ใบหน้าของอวี้หลานซีดขาว สูดลมหายใจเฮือกใหญ่
สีหน้าของหนานกงเยี่ยกลับมานิ่งสงบอีกครั้ง แววตาของเขามีแต่ความสับสน เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าวันหนึ่งตนกับอวี้หลานซีจะเดินมาถึงจุดนี้ เธอมักจะท้าทายขีดความอดทนของเขา เมื่อไรอวี้หลานซีถึงจะเข้าใจ ขอเพียงแค่เธอไม่ทำร้ายเหลิ่งรั่วปิง ความเป็นจริงเรื่องต่างๆ มากมายเขาพอใจกว้างกับเธอได้ ความผูกพันที่มีต่อกันตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่ได้ลืม บุญคุณของพ่อแม่อวี้หลานซี เขาเองก็ไม่ได้ลืม
อวี้หลานซีซบอยู่ในอ้อมกอดก่วนอวี้สั่นเทาไม่หยุด คล้ายกับดอกไม้ที่บอบช้ำ
หนานกงเยี่ยหลับตา ลอบถอนหายใจ ”ก่วนอวี้ นายพาเธอกลับไปที่สวนมรกตเถอะ”
ไม่รอให้ก่วนอวี้ลุกขึ้น อวี้หลานซีหัวเราะในลำคอด้วยความเย็นยะเยือก ”เยี่ย คุณบอกให้ฉันกลับสวนมรกต?” มุมปากของเธอเผยยิ้มซีดขาว ”คุณลืมไปแล้วเหรอคะ สวนมรกตกำลังถูกรื้อถอน”
หนานกงเยี่ยเงียบไปหลายวินาที เสียงของเขานิ่งสงบราวกับน้ำในแม่น้ำช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ”ถ้าอย่างนั้นก็ให้รั่วปิงจัดหาที่อยู่ใหม่ให้กับหลานซี” หันกลับไปจับมือเหลิ่งรั่วปิง พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ”คุณจัดการนะครับ?”
เหลิ่งรั่วปิงรู้ดี ภายในใจหนานกงเยี่ยเจ็บปวดมาก ไม่ว่าอย่างไร อวี้หลานซีไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เธอเติบโตมาพร้อมกับเขา ความรู้สึกบางอย่างมันฝังรากลึกเข้าไปในกระดูกแล้ว คนที่ขาดความรักตั้งแต่เด็กอย่างเขา ยิ่งเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์แบบนี้ อวี้หลานซีและก่วนอวี้ล้วนเป็นคนสำคัญของเขา หากฆ่าอวี้หลานซี เขาก็ต้องสูญเสียก่วนอวี้ไปด้วย ซึ่งเท่ากับว่าเขาสูญเสียคนสองคนที่เติบโตมาด้วยกันในครั้งเดียว ดังนั้นเขาจึงเจ็บปวด
“ย้ายไปพักที่สวนหลิวหลี” สีหน้าของเหลิ่งรั่วปิงนิ่งสงบ เสียงของเธอเพราะพริ้ง เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของเธอได้
สวนหลิวหลีตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของบ้านหลัก ใหญ่รองลงมาจากบ้านหลัก เมื่อกี้หนานกงเยี่ยเกือบจะฆ่าอวี้หลานซีด้วยมือตนเอง ภายในใจของเขารู้สึกเศร้า จัดให้อวี้หลานซีพักในบ้านดีๆ จะได้เป็นการปลอบโยนเขา
ก่วนอวี้เป็นคนฉลาด เข้าใจความหวังดีของเหลิ่งรั่วปิง ”ขอบคุณครับคุณผู้หญิง”
พูดจบ ก่วนอวี้ก็พาอวี้หลานซีออกไป
“พวกเราไปกินข้าวกันเถอะครับ” หนานกงเยี่ยจับมือเหลิ่งรั่วปิง เดินเข้าไปในห้องอาหาร
ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะมองไม่เห็น แต่เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกโดดเดี่ยวที่แผ่ซ่านออกจากตัวหนานกงเยี่ย ”ถ้าฉันไม่ปรากฏตัวขึ้นที่เมืองหลง ทั้งคุณทั้งก่วนอวี้และอวี้หลานซีก็คงไม่เดินมาถึงขั้นนี้ ฉันเป็นคนทำให้ความสัมพันธ์ของคุณปั่นป่วน”
“ผมไม่อนุญาตให้คุณพูดแบบนี้” หนานกงเยี่ยวางเหลิ่งรั่วปิงลงบนโซฟา ”ผมกับอวี้หลานซีเดินมาถึงขั้นนี้ ผมเองก็เสียใจมาก แต่ผมขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้คุณเข้ามาในชีวิตของผม ต่อให้ต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อคุณผมก็ไม่เคยเสียใจ”
เหลิ่งรั่วปิงไม่รู้ เธอสำคัญกับเขามากแค่ไหน ถ้าเธอไม่เข้ามาในชีวิต ชีวิตของเขายังคงเย็นยะเยือก ความรักรูปแบบใดก็ไม่เคยทำให้หัวใจของเขาอบอุ่น บางครั้งการถูกรักไม่ใช่สิ่งที่มีความสุขที่สุด ความรักต่างหากที่ทำให้คนมีเลือดเนื้อ เธอ ทำให้เขาได้ลิ้มรสความรัก ไม่อย่างนั้น เขาไม่มีวันรู้ว่าการรักใครสักคนมันรู้สึกอย่างไร
สาวใช้ในสวนหลิวหลีจัดห้องนอนอย่างรวดเร็ว ก่วนอวี้วางอวี้หลานซีลงบนเตียง
ถึงแม้อวี้หลานซีจะรอดชีวิต แต่ใบหน้าของเธอกลับนิ่งงันราวกับตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ”นายไปได้แล้ว หลังจากนี้อย่ามายุ่งกับฉันอีก” เสียงของเธอยิ่งเหมือนกับล่องลอยอยู่บนความตาย
ก่วนอวี้ยืนอยู่ข้างเตียงเงียบๆ ไม่พูดไม่จา หัวใจของเขารู้สึกเหมือนถูกมีดนับพันเล่มกรีดแทง เจ็บจนเขาสั่นเทาเล็กน้อย
เขารักอวี้หลานซี มันคือความรัก แต่เขาก็รักหนานกงเยี่ย เขารักหนานกงเยี่ยเหมือนญาติคนหนึ่ง
เขาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เล็ก เติบโตในตระกูลหนานกง ใช้ชีวิตอยู่กับหนานกงเยี่ยตลอดเวลา หนานกงเยี่ยคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา เขาพร้อมที่จะเกิดและพร้อมที่จะตายเพื่อหนานกงเยี่ย
ในทางเดียวกัน อวี้หลานซีเองก็เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา เขารักเธอจนก้าวข้ามความปรารถนาที่จะครอบครอง ดังนั้นตอนที่เธอตามจีบหนานกงเยี่ย เขาจึงช่วยเปิดโอกาสให้เธอ
คนทั้งสองที่เขารักมาก เขาอยากให้หนานกงเยี่ยและอวี้หลานซีมีความสุข ดังนั้นเขาจึงยินดีที่จะเห็นพวกเขาทั้งสองรักกัน ตอนที่เหลิ่งรั่วปิงเข้ามาในชีวิตหนานกงเยี่ย เขาดีใจคิดว่าตนจะมีโอกาสได้รักกับอวี้หลานซี ทว่าเวลานี้มันกลับกลายเป็นแบบนี้
เมื่อเห็นก่วนอวี้ไม่ยอมไป อวี้หลานซีคว้าหมอนมาตีเขา ”นายออกไปสักทีสิ!”
ก่วนอวี้เก็บหมอนขึ้นมาแล้ววางไว้บนเตียง ”หลานซี คุณมีสติสักทีเถอะครับ ได้ไหม” สวรรค์เท่านั้นที่รู้ ตอนที่เขาถามคำถามนี้ออกไป ถอนหายใจยาวแค่ไหน
“หึ!” อวี้หลานซีหัวเราะในลำคอ ”นายบอกว่าฉันรักฉัน นายรักฉันมากแค่ไหน ตอนนี้ฉันรู้แล้ว!”
ก่วนอวี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ”หลานซี ความรักที่ผมมีต่อคุณมันคือความจริง ผมยินดีที่จะเกิดและตายเพื่อคุณ ขอเพียงคุณไม่ทำร้ายคุณชายเยี่ย ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อคุณ”
“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นนายก็ฆ่าเหลิ่งรั่วปิงทิ้งสิ!” แววตาของอวี้หลานซียังเปี่ยมไปด้วยความแค้นเคืองและไม่พอใจ
ก่วนอวี้ถอนหายใจด้วยความจนปัญญา ”คุณเหลิ่งคือชีวิตของคุณชายเยี่ย ทำร้ายคุณเหลิ่งเท่ากับทำร้ายคุณชายเยี่ย ดังนั้นผมทำไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ไสหัวไป อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!”
“ครับ” ก่วนอวี้อดกลั้นน้ำใสที่รื้นขึ้นมา ”ถ้าอย่างนั้นคุณพักผ่อนนะ”
มองดูประตูห้องนอนที่ปิดลงช้าๆ อวี้หลานซีกวาดแก้วน้ำบนโต๊ะลงพื้นจนหมด นัยน์ตาของเธอฉายความเกลียดชัง ”เหลิ่งรั่วปิง ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้แกมีความสุข!”
*****
ชานเมืองตะวันตกของเมืองหลง วิลล่าหลังหนึ่ง หมาป่าสีเทานั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีเคร่งขรึม ฟังรายงานจากลูกน้อง
หลินมั่นหรูยืนอยู่ข้างเขาเงียบๆ
แน่นอนว่าสิ่งที่ลูกน้องรายงานคือเรื่องของเหลิ่งรั่วปิง
หลังจากฟังจบ หมาป่าสีเทาขมวดคิ้วสีดำสนิทเป็นปม
เขามาเมืองหลง เพื่อลักลอบพาเหลิ่งรั่วปิงกลับไป แต่ก่อนหน้านี้หนานกงเยี่ยตัวติดเหลิ่งรั่วปิงตลอดเวลา แทบจะไม่ห่างไปไหน เขาจึงลงมือไม่ได้ ตอนนี้ ถึงแม้หนานกงเยี่ยจะไม่ได้คอยเฝ้านางฟ้ารัตติกาลตลอดเวลา แต่พวกเขาย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์หนานกงแล้ว ที่นั่นมีเวรยามเฝ้าหนาแน่น เขาจึงไม่มีโอกาสลงมือ
วันเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละวัน ซือคงอวี้ถามสถานการณ์ทางนี้กับเขาแทบจะทุกวัน ภายในใจของเขารู้สึกเป็นกังวลมาก
หลินมั่นหรูนิ่งเงียบ ก้มหน้าลง ไม่มีใครมองเห็น นัยน์ตาของเธอฉายความเจ้าเล่ห์
เธอทำตามคำสั่งของซือคงอวี้ มาเมืองหลงเพื่อช่วยหมาป่าสีเทาลักลอบพาตัวเหลิ่งรั่วปิงกลับไปอย่างลับๆ แต่ในใจของเธอไม่อยากทำภารกิจนี้ให้สำเร็จแม้แต่น้อย เธอไม่อยากให้เหลิ่งรั่วปิงกลับไปอยู่ใกล้ซือคงอวี้ เธอคิดตลอดเวลา ต้องทำอย่างไรถึงจะให้เหลิ่งรั่วปิงหายไปจากโลกใบนี้