“จริงด้วย ท่านป้า ไม่ต้องทำแล้วเจ้าค่ะ ข้ากับเซียวยวี่แบ่งกันคนละครึ่ง! ” เซี่ยยวี่หลัวกำลังจะฉีกแบ่งโหยวเถียวเป็นสองท่อน เซียวยวี่ก้มหน้าขยับเข้าใกล้ กัดไปบนตำแหน่งที่เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งกินไปเมื่อครู่
“กรุบ…” กัดกินโหยวเถียวที่กรุบกรอบหนึ่งคำ น้ำมันส่งกลิ่นหอมอวลทั่วปาก หอมกรอบน่ากิน รสชาติอร่อยจนแทบจะกินลิ้นลงไปด้วย
เซี่ยยวี่หลัวมองโหยวเถียวในมือตัวเองที่ถูกกัดไปหนึ่งคำด้วยอาการนิ่งอึ้ง ผ่านไปครู่ใหญ่จึงตั้งสติได้
เซียวยวี่ กินของ ที่นาง เคยกัดแล้ว อย่างนั้นหรือ?
เซี่ยยวี่หลัวผงะไป ดวงตาคู่งามที่กลมโตประหนึ่งผลซิ่งของนางจ้องมองเพียงโหยวเถียวของนางที่หายไปหนึ่งคำ ไม่เห็นเลยแม้แต่น้อยว่าตอนที่เซียวยวี่กัดกินโหยวเถียวหนึ่งคำ แววตาฉายประกายได้ใจและยินดี
คล้ายกับหนูตัวหนึ่งที่ขโมยน้ำมันสำเร็จ ได้ใจอย่างออกนอกหน้า
กวั่นซื่อเห็นเซียวยวี่และเซี่ยยวี่หลัวกินโหยวเถียวตัวเดียวกัน ความรู้สึกหนักหน่วงในใจ อย่างน้อยก็เบาลงไปกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว
ผู้มาเยือนล้วนเป็นแขก ถึงแม้ว่าจะสนิทสนมคุ้นเคยกับเซียวยวี่มากแล้ว แต่ทุกคนล้วนได้กิน เซียวยวี่คนเดียวที่ไม่ได้กิน พูดออกไป อย่างไรก็ยังรู้สึกว่าไม่สมควร ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยยวี่หลัวกำลังช่วยเหลือพวกเขา สามีของนางมา กลับไม่ได้กินโหยวเถียวแม้แต่ตัวเดียว ภายในใจเซี่ยยวี่หลัวต้องรู้สึกไม่ดีเป็นแน่
“เช่นนั้นก็ได้ เจ้าลองชิมดูก่อน ในกระทะประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” กวั่นซื่อยิ้มจนตาหยี ก่อนเริ่มจุดไฟ
เรื่องการทำโหยวเถียวต้องให้บุตรชายและลูกสะใภ้เป็นคนทำ ถึงอย่างไรต่อไปบุตรชายและลูกสะใภ้ก็ต้องเป็นคนตั้งแผงขายอาหารเช้า
“โหยวเถียวนี่อร่อยจริง เจ้าเป็นคนทำเช่นนั้นหรือ? ” เซียวยวี่เคี้ยวอาหารในปากหมดแล้ว ยังจ้องมองโหยวเถียวที่เหลืออีกครึ่งตัวด้วยความอยากกินอีก
โหยวเถียวสีเหลืองทอง ถูกมือเรียวงามจับไว้ในมือ โหยวเถียวสีเหลืองทองขับให้มือนั่นดูขาวเนียนนุ่มยิ่งขึ้น ราวกับเป็นเครื่องกระเบื้องเคลือบชั้นดี โปร่งใสจนสามารถมองเห็นเลือดเนื้อภายใน
เซี่ยยวี่หลัวเพ่งมองโหยวเถียว ไม่ได้ยินเสียงของเซียวยวี่
นางตกอยู่ในภวังค์นิ่งอึ้ง
เซียวยวี่เป็นโรครักสะอาดไม่ใช่หรือ? ไม่ชอบให้คนอื่นแตะต้องข้าวของของเขา ทั้งยังไม่เคยแตะต้องสิ่งของที่ผู้อื่นเคยแตะไม่ใช่หรือ?
โหยวเถียวครึ่งตัวเมื่อครู่นี้ นางเคยกินแล้ว บนนั้นต้องมีน้ำลายของนางแน่นอน!
เซียวยวี่ถูกอีกฝ่ายหมางเมิน ภายในใจรู้สึกอึดอัด เขาจับมือเซี่ยยวี่หลัวขึ้นด้วยความหงุดหงิด กัดกินโหยวเถียวอีกหนึ่งคำ ครั้งนี้เขากัดคำโต เหลือโหยวเถียวไม่ถึงครึ่งแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวมองเซียวยวี่ที่แทบจะแนบติดอยู่ตรงหน้าตัวเองด้วยความตกใจ ดวงตาคู่งามที่ดูดีประหนึ่งดวงดารา ขนตาชั้นหนาราวกับใบพัด ยามก้มหน้า ฉายเงาแสงเป็นวงอยู่บนเปลือกตา เมื่อมองในระยะใกล้ ผิวขาวเนียนละเอียด สันจมูกโด่ง ริมฝีปากบางสีแดงที่มีคราบน้ำมัน ยังมีฟันสีขาวใส รวมทั้งบนกายก็มีกลิ่นกุหลาบเลื้อยกระจายออกมาอย่างเบาบาง
เมื่อครู่นี้เซี่ยยวี่หลัวจ้องมองโหยวเถียวด้วยอาการนิ่งอึ้ง คราวนี้นางเพ่งมองเซียวยวี่อย่างไม่อาจละสายตาได้
กล่าวกันว่าหญิงงามดุจภาพวาด เมื่อบุรุษมีรูปลักษณ์ดูดี ใบหน้าหล่อเหลาดุจหยกงาม ดวงตาสดใสประหนึ่งดวงดารา จะแตกต่างกับหญิงงามที่ชายตาคราแรกล่มเมือง ชายตาอีกคราล่มชาติตรงไหนกัน?
รูปลักษณ์หน้าตาของเซียวยวี่ หากคะแนนเต็มคือหนึ่งร้อยคะแนน เซี่ยยวี่หลัวสามารถให้เขาหนึ่งร้อยหนึ่งคะแนน
รูปลักษณ์ดูดีอย่างหาได้ยากยิ่ง บนโลกใบนี้จะมีสักกี่คนที่มีหน้าตาเช่นนี้ได้ คำกล่าวที่ว่ารูปลักษณ์หล่อเหลาประหนึ่งพานอันเป็นเช่นนี้เอง!
เซี่ยยวี่หลัวจ้องมองเซียวยวี่ด้วยอาการเหม่อลอย แววตาฉายประกายตกใจ ทั้งยังมีประกายตกตะลึงในรูปโฉมอันหล่อเหลาด้วย
ตกตะลึงในรูปโฉมอันหล่อเหลาของเซียวยวี่ ตกใจในการกระทำของเซียวยวี่!
หรือว่าเซียวยวี่จะไม่สบาย?
หากบอกว่าเมื่อครู่นี้ทำไปเพื่อไม่ให้กวั่นซื่อรู้สึกไม่ดี เช่นนั้นการกินโหยวเถียวคำที่สองเล่าจะอธิบายเช่นไร?
โหยวเถียวอร่อยเกินไป จึงแย่งนางกินเช่นนั้นหรือ? เซี่ยยวี่หลัวไม่คิดว่าท่านราชบัณฑิตน้อยที่มีอำนาจล้นฟ้าในอนาคต จะกระทำเรื่องที่เขารังเกียจเพียงเพื่ออาหารหนึ่งคำ!
ในอนาคตไม่มีทางทำเช่นนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยทำเช่นนี้ ตอนนี้ยิ่งไม่มีทาง!
เซียวยวี่กัดกินโหยวเถียวอีกหนึ่งคำ เห็นเซี่ยยวี่หลัวจ้องมองตนเองอย่างไม่ละสายตา ภายในใจเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ
นี่เป็นครั้งแรก ที่เขารู้สึกว่าตนเองมีรูปลักษณ์ดูดี ถูกคนอื่นจ้องมองด้วยความนิ่งอึ้ง ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีเหลือเกิน!
เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่สบายตรงไหนหรือไม่? ” มิเช่นนั้นเหตุใดถึงทำเรื่องโง่เขลาที่มีแต่คนล้มหัวกระแทกจนเสียสติถึงจะทำกัน!
เซียวยวี่ “…”
“ตอนเช้ากินไม่อิ่มใช่หรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างลำบากใจ “เช่นนั้นพรุ่งนี้เช้าจะทำอาหารเพิ่ม เจ้าอ่านตำราต้องใช้สมองและสมาธิมาก ข้าควรจะรู้นานแล้ว! ”
เซี่ยยวี่หลัวนำโหยวเถียวที่เหลืออีกกึ่งหนึ่งไปใส่ในมือเซียวยวี่ พร้อมกล่าวด้วยความเป็นห่วง “เจ้ากินรองท้องก่อน” กลับไปค่อยทำอาหารอร่อยให้เจ้ากินอีก!
เซียวยวี่มองโหยวเถียวที่เมื่อครู่เขากัดกินจนเหลือไม่ถึงครึ่งด้วยอาการอ้าปากตาค้าง ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป
เซี่ยยวี่หลัวคิดว่าการกระทำเมื่อครู่ของเขา เป็นเพราะ… ความหิว?
เซียวยวี่มองดูโหยวเถียวที่เหลืออีกครึ่งในมือตัวเอง คิ้วเข้มขมวดจนเป็นปม
โหยวเถียวที่เมื่อครู่นี้ยังรู้สึกว่าอร่อยจนแทบกัดลิ้น ตอนนี้…
จู่ๆ เขาก็ไม่รู้สึกอยากกิน!
โหยวเถียวในกระทะทอดเสร็จแล้ว หลังจากกรองน้ำมันและพักไว้จนเย็น กวั่นซื่อยื่นให้เซียวยวี่หนึ่งตัว ยิ้มจนตาหยีพร้อมกล่าว “มา เซียวยวี่ ชิมสักหนึ่งตัว! ”
เซียวยวี่รับมา โหยวเถียวร้อนๆ อยู่ในมือ บีบเบาๆ ทีหนึ่ง โหยวเถียวแทบจะแบน
“รีบชิมดู” กวั่นซื่อเห็นเซียวยวี่ไม่กิน จึงกล่าวอย่างเป็นกันเอง “เจ้ารีบกิน กินหมดแล้วในกระทะยังมีอีก! ”
โหยวเถียวไม่ร้อนแล้ว แต่เซียวยวี่รู้สึกว่าจิตใจของตัวเองยังร้อนรุ่มอยู่
เขากล่าวขอบคุณกวั่นซื่อ ก้มหน้ากัดโหยวเถียวในมือ
หลี่ซื่อดูวิธีทำของเซี่ยยวี่หลัวแล้วจึงทำตามอย่างไม่ผิดเพี้ยน ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้ยังมีเซี่ยยวี่หลัวคอยชี้แนะอยู่ข้างๆ ดังนั้นโหยวเถียวที่ทอดออกมาย่อมต้องมีรสชาติเหมือนกับที่เซี่ยยวี่หลัวทอด
เซียวจิ้งยี่ร้อนจนต้องใช้มือจับใบหู ก็ยังเสียดายไม่อยากคายออกมา เอ่ยชมไม่ขาดปากว่าอร่อยยิ่งนัก
กวั่นซื่อก็พยักหน้าด้วยความดีใจ “เหมือนกับที่ยวี่หลัวทอด รสชาตินี้แหละ อร่อยเสียจริง! ”
เด็กสี่คนได้กินอีกหนึ่งตัว ต่างก็บอกว่าอร่อย
เซียวยวี่ก็กัดกินหนึ่งคำ เคี้ยวสองที คิ้วกลับขมวดมุ่นเป็นปม เหตุใดรสชาติของโหยวเถียวนี้จึงไม่ค่อยเหมือนกับเมื่อครู่? รสชาติเทียบกับโหยวเถียวครึ่งตัวเมื่อครู่ไม่ได้เลย!
เซียวยวี่กินอย่างไม่มีแก่ใจจะกิน หลังจากกินตัวที่กวั่นซื่อให้มาหมดแล้ว ก็ล้างมือไม่ได้กินอีก
เซี่ยยวี่หลัวอยู่ข้างๆ ชี้แนะอีกครู่หนึ่ง สุดท้ายเห็นว่าไม่ต้องให้ตัวเองชี้แนะ หลี่ซื่อก็สามารถทอดโหยวเถียวสีเหลืองทองกรุบกรอบออกมาได้ ภารกิจของเซี่ยยวี่หลัวก็ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว
“ท่านลุง ท่านป้า พวกเรากลับกันก่อนนะเจ้าคะ” เซี่ยยวี่หลัวเรียกเด็กสองคน คิดจะกลับแล้ว
กวั่นซื่อจะปล่อยให้นางกลับได้อย่างไร “ไปอะไรกัน อยู่ที่นี่กินมื้อเที่ยงเสร็จค่อยไป”
ซาลาเปาได้นางสอน โหยวเถียวก็ได้นางเป็นคนสอน หากเป็นคนที่มีใจคิดเล็กคิดน้อย ย่อมไม่มีทางยอมบอกสูตรลับแม้แต่น้อย เวลานี้นางกลับไม่ปิดบังเก็บซ่อนสักนิด สอนให้พวกนางทั้งหมด แค่ซาลาเปาไส้หมูและโหยวเถียว ก็สามารถตั้งแผงขายอาหารเช้าได้แล้ว
เรื่องนี้ต้องขอบคุณเซี่ยยวี่หลัวเป็นอย่างมาก!
หลี่ซื่อที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวอย่างเป็นกันเอง “ใช่แล้ว ตอนนี้ข้าจะทำอาหารเที่ยงทันที กินเสร็จแล้วค่อยไป! ”
คนทั้งครอบครัวเชื้อเชิญอย่างเป็นกันเอง เซี่ยยวี่หลัวในตอนนี้ ประหนึ่งผู้มีพระคุณของพวกเขาก็มิปาน