เซียวฉงหวู่สูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนกล่าวราวกับเป็นแมวตะกละ “ท่านย่า มีของอร่อยอะไรหรือเจ้าคะ? หอมเหลือเกินเจ้าค่ะ! ”
กวั่นซื่อรีบหยิบโหยวเถียวที่กรองน้ำมันเสร็จแล้วลงมาอย่างมีความสุข กล่าวด้วยท่าทางดีอกดีใจ “พี่สะใภ้ยวี่หลัวของเจ้าทอดโหยวเถียวไว้ เจ้าลองชิมดู ว่าอร่อยหรือไม่”
เซี่ยยวี่หลัวเห็นกวั่นซื่อยื่นมือจะไปจับ จึงรีบกล่าว “ท่านป้า ระวังร้อนเจ้าค่ะ โหยวเถียวที่เพิ่งทอดเสร็จร้อนมากทีเดียว! ”
ร้อนมากจริงๆ กวั่นซื่อจึงไม่จับ เพียงวางไว้บนเตาปรุงอาหาร ก่อนกำชับเด็กๆ “หยิบคนละหนึ่งตัว ระวังอย่าให้ลวกมือ! ”
หากมีของอร่อย เด็กๆ ย่อมไม่กลัวร้อน!
หยิบไปคนละหนึ่งตัว เมื่อมือซ้ายร้อนแล้วจึงเปลี่ยนเป็นมือขวา มือขวาร้อนแล้วก็กัดไว้ในปาก อย่างไรเสียของอยู่ในมือตัวเอง ใครก็แย่งไปไม่ได้
เมื่อกัดโหยวเถียวสีเหลืองทองลงไปหนึ่งคำก็มีน้ำมันหอมเต็มปาก กรุบกรอบน่ากิน เซียวฉงเหวินกัดคำเดียวแววตาก็พลันลุกวาว “ท่านแม่ ท่านย่า อร่อย อร่อย รสชาติดีมากเลยขอรับ”
หลี่ซื่อยิ้มอย่างเบิกบาน “อร่อยยังไม่รีบขอบคุณพี่สะใภ้ยวี่หลัวของพวกเจ้าอีก! ”
เด็กๆ กล่าวกันคนละหนึ่งประโยคสองประโยค เอ่ยเรียกพี่สะใภ้ไม่หยุด จนเซี่ยยวี่หลัวใบหูขึ้นสีแดง
กวั่นซื่อเห็นดังนั้น ก็ยิ้มจนตาหยี
ทอดโหยวเถียวไว้สี่ตัว เด็กๆ หยิบไปกินหมดแล้ว เซี่ยยวี่หลัวทอดไว้อีกหลายตัว ตักขึ้นมากรองน้ำมัน นับตามจำนวนคนละหนึ่งตัวน่าจะพอแล้ว จึงตะโกนบอก “พี่สะใภ้ ลดไฟอ่อนเจ้าค่ะ”
เซี่ยยวี่หลัววางตะเกียบลง ให้หลี่ซื่อมาทำเอง
กวั่นซื่อจ้องมองโหยวเถียวอย่างตาไม่กะพริบ กล่าวตามตรง นางเป็นผู้ใหญ่ หากยังเป็นเด็ก เกรงว่าคงไปหยิบมากินอย่างอดใจรอไม่ไหวเหมือนพวกเด็กๆ แน่นอน
ไม่ง่ายเลยกว่าจะกรองน้ำมันเสร็จ โหยวเถียวก็เย็นลงบ้างแล้ว สามารถกินได้
กวั่นซื่อหยิบขึ้นมา ก็กัดกินทันที
กรุบกรอบน่ากินจริงๆ เพียงกัดลงไปหนึ่งคำ ในปากก็เต็มไปด้วยน้ำมันหอม อร่อยเหลือเกิน!
เซียวเหลียนได้กินก็เอ่ยชมไม่ขาดปาก “ภรรยาอายวี่ โหยวเถียวนี่รสชาติช่างดีเสียจริง ข้ายังไม่เคยกินอาหารที่อร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย! ”
โหยวเถียวย่อมต้องอร่อย นี่เป็นของที่ทอดด้วยน้ำมัน หากนำไปขาย ต้องขายดีเหมือนซาลาเปาแน่นอน อย่างไรเสียก็ทอดด้วยน้ำมันทั้งหมด
กวั่นซื่อชูนิ้วโป้งขึ้น “ไม่เลว ไม่เลว โหยวเถียวนี่อร่อยเสียจริง ยายแก่อย่างข้าอยู่มาครึ่งค่อนชีวิต ยังไม่เคยกินอาหารอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อน ยวี่หลัว เจ้าทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว”
ในกระชอนยังเหลือโหยวเถียวอีกสองตัว ตัวหนึ่งเป็นของเซียวจิ้งยี่ อีกตัวเป็นของเซี่ยยวี่หลัว
กวั่นซื่อหยิบตัวหนึ่งให้เซี่ยยวี่หลัว เซี่ยยวี่หลัวรับมา วางไว้บนมือ ฉีกออกครึ่งตัวให้เซียวจื่อเมิ่ง
“ส่งไปให้ท่านพ่อของเจ้าสิ! ” เพิ่งสิ้นเสียงกวั่นซื่อ เสียงตื่นเต้นของเซียวจิ้งยี่ก็ดังขึ้นจากประตู “ไม่ต้องส่งแล้ว ข้ามาแล้ว”
ได้กลิ่นหอมตั้งแต่ห้องโถง ไม่ง่ายเลยกว่าเซียวจิ้งยี่จะนั่งดื่มน้ำชาไปครึ่งถ้วย จนอดรนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงพาเซียวยวี่มาดูที่ห้องครัว รีบมาถึงที่
“อะไรกัน หอมถึงเพียงนี้? ” เซียวจิ้งยี่เพิ่งเข้าประตู ก็ไปหาอาหารทันที
กวั่นซื่อยื่นส่งโหยวเถียวตัวสุดท้ายให้เซียวจิ้งยี่ “นี่ ให้ท่าน โหยวเถียวที่ยวี่หลัวทอด”
เซียวจิ้งยี่ยื่นมือไปรับ อ้าปากกัดลงไปทันที กรุบกรอบน่ากิน พูดได้คำเดียวว่า — หอมอร่อย!
“อร่อย อร่อย! ” เซียวจิ้งยี่กินไปหนึ่งคำก็เอ่ยชมไม่หยุด จากนั้นจึงไม่มีเสียงอีก เหลือเพียงเสียงเคี้ยวโหยวเถียวในปาก กัดลงไปหนึ่งคำ กรุบกรอบเสียยิ่งกว่าอะไร อร่อยจนแทบจะกินลิ้นลงไปด้วย
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม อ้าปากกัดกินคำเล็ก
ถึงแม้ยุคสมัยนี้จะไม่มียีสต์ แต่เพราะแป้งนี้เป็นรสชาติดั้งเดิม โหยวเถียวที่ทอดออกมาก็หอมมากเหมือนกัน
เซียวยวี่เดินเข้ามา
กวั่นซื่อผงะไป “อายวี่มาแล้วหรือ? ”
เซี่ยยวี่หลัวรีบเงยหน้าดู เซียวยวี่ยิ้มพร้อมเอ่ยเรียกท่านป้า สายตามองทอดไปที่เซี่ยยวี่หลัวอย่างพอดิบพอดี ก่อนจะละสายตาอย่างรวดเร็ว
กวั่นซื่อรีบหันมองไปทางกระชอน ภายในกระชอนยังเหลือโหยวเถียวที่ไหนกัน เหลือเพียงน้ำมันอยู่ไม่กี่หยดเท่านั้น ภายในกระทะก็ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง หันมองบนเขียงอีกที แป้งยังเป็นก้อน วางอยู่บนเขียง!
นี่… โหยวเถียวขาดไปหนึ่งตัว!
โหยวเถียวในมือกวั่นซื่อกินไปกว่าครึ่งตัวแล้ว หันมองในมือบุตรชายและลูกสะใภ้ ต่างก็กินจนเกือบหมดแล้ว มองไปทางสามีของตนเอง สามีของนางเพิ่งเข้ามา ต้องเพิ่งเริ่มกินแน่นอน
สายตาเพิ่งมองไปบนมือสามีของตนเอง เซียวจิ้งยี่ก็ใส่โหยวเถียวคำสุดท้ายเข้าไปในปาก
กินหมดแล้ว!
ที่บ้านมีแขกมา อาหารกลับไม่พอ กวั่นซื่อรู้สึกไม่ดียิ่งนัก รีบเร่งเร้าหลี่ซื่อ “เร็ว หงเหมย ไปทอดโหยวเถียวเพิ่มอีกตัวหนึ่ง อายวี่มาแล้ว”
หลี่ซื่อนำโหยวเถียวที่เหลือเพียงคำสุดท้ายใส่ปากไป ขานตอบว่าอ่อๆ ก่อนไปทำโหยวเถียวที่เขียง
เซียวยวี่เห็นดังนั้น จึงรีบกล่าว “ท่านป้า พี่สะใภ้ ไม่ต้องขอรับ ข้าเพียงแค่มาดู” เขาไม่ได้มีเจตนาจะมากินโหยวเถียวจริงๆ !
กวั่นซื่อยังคงรู้สึกไม่ดี ทุกคนล้วนมีโหยวเถียวกิน ทำไมเซียวยวี่ถึงไม่มี ทั้งยังเป็นอาหารที่ภรรยาของเขาสอนเสียด้วย!
“นี่เป็นโหยวเถียวที่ภรรยาของเจ้าทอด อร่อยเสียยิ่งกว่าอะไร เจ้ารอก่อน เดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้ว” กล่าวจบ นางจึงถลึงตาใส่เซียวจิ้งยี่ทีหนึ่ง ตาบ้าคนนี้ ทั้งที่รู้ว่าเซียวยวี่ก็มาด้วย เหตุใดถึงไม่บอก หากบอกแต่แรก เช่นนั้นโหยวเถียวตัวสุดท้ายก็คงไม่ให้เขา
เซียวจิ้งยี่ลูบหนวดเคราสองที น้ำลายแทบไหลลงไปในกระทะ “หงเหมย ทอดเยอะหน่อย โหยวเถียวนี่รสชาติไม่เลวเลย! ”
กวั่นซื่อมองค้อนเขาทีหนึ่งพร้อมกล่าว “คนตะกละ อายวี่มาแล้วก็ไม่บอกสักคำ! ”
เซียวจิ้งยวี่หัวเราะร่าพร้อมกล่าว “ข้านึกว่าเจ้ารู้แล้ว! ” สายตากลับจับจ้องความเคลื่อนไหวของมือหลี่ซื่ออย่างตาไม่กะพริบ แทบอยากให้หั่นเป็นชิ้นแล้วกลายเป็นโหยวเถียวที่สามารถกินได้เลย
รสชาติของโหยวเถียวนี่ช่างดีเสียจริง!
กวั่นซื่อรู้ว่าสามีของตนเองเป็นคนตะกละ เมื่อเห็นอาหารอร่อย ก็ขาอ่อนจนเดินต่อไม่ไหว ทั้งที่เป็นท่านปู่แล้ว พออยู่ต่อหน้าอาหาร ก็เหมือนเป็นเด็กคนหนึ่ง บางครั้งยังเทียบเด็กไม่ได้ด้วยซ้ำ!
เซี่ยยวี่หลัวมองดูหลี่ซื่อทำโหยวเถียว นี่ยังเป็นก้อนแป้งบนเขียง ยังไม่ได้นวดให้เป็นแผ่นแป้ง แผ่นแป้งยังต้องนำไปทอด ทอดแล้วต้องกรองน้ำมัน ใช้เวลาอย่างน้อยห้าถึงหกนาทีถึงจะได้โหยวเถียว
นางจ้องโหยวเถียวในมือตัวเองที่เพิ่งกัดไปเพียงคำเล็ก รู้สึกลังเลเล็กน้อย
เดิมทีโหยวเถียวมีสองส่วน เมื่อครู่นางมอบอีกครึ่งหนึ่งให้จื่อเมิ่งไปแล้ว…
ตอนนี้ในมือเหลือเพียงส่วนที่นางกัดไปหนึ่งคำ เซียวยวี่น่าจะไม่กิน
“ท่านป้าไม่ต้องทำแล้วขอรับ ในมืออาหลัวก็ยังมีไม่ใช่หรือ? ข้ากับอาหลัวกินตัวเดียวก็ได้ขอรับ” เซียวยวี่ยิ้มพร้อมกล่าว มองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง ก่อนเดินเข้าใกล้นางช้าๆ
เซี่ยยวี่หลัวได้ฟังวาจาของเซียวยวี่ก็ตกอยู่ในภวังค์มึนงง คิดอยู่ครู่ใหญ่จึงนึกขึ้นได้ ว่าโหยวเถียวในมือนาง นางกัดไปเพียงคำเดียว อีกด้านหนึ่งยังไม่ได้แตะ
นางแบ่งโหยวเถียวอีกด้านหนึ่งให้เซียวยวี่กินก็ได้ อีกครึ่งท่อนนางยังไม่ได้กิน ยังสะอาดอยู่!