ตอนที่ 814 คราวนี้ถังหนิงจะยอมคุกเข่าหรือไม่

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

เหลืออีกเพียงหนึ่งวันก่อนการแถลงข่าวจะเริ่มขึ้น

 

 

ถังหนิงกำลังดูแลลูกทั้งสองของเธออย่างสบายใจอยู่ที่บ้านขณะที่หลงเจี่ยมาหาที่ไฮแอทรีเจนซี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เก็บตัวอยู่ที่บ้านมานานกว่าหนึ่งเดือน ทันทีที่เธอเห็นเด็กน้อยทั้งสองกำลังคลานไปมาอยู่รอบๆ ตัวถังหนิง หลงเจี่ยก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “จากที่เห็น เหมือนคุณจะกำลังมีความสุขกับชีวิตแบบนี้ ในขณะที่โลกภายนอกแทบจะกลับตาลปัตรเพราะคุณเลยนะคะ”

 

 

“ใช่ว่าฉันจะฆ่าตัวตายแล้วทำให้เรื่องทุกอย่างมันดีขึ้นได้สักหน่อย” ถังหนิงอุ้มกั่วกั่วขึ้นเพื่อที่เด็กน้อยจะได้หยุดดูดข้อเท้าของถังถัง

 

 

“มาคุยเรื่องงานกันดีกว่าค่ะ ฉันดูข้อมูลของคนที่คุณขอแล้วนะ แต่ฉันไม่คิดว่าเราจะมีความสามารถมากพอที่จะเซ็นสัญญากับคนพวกนั้นในคราวเดียวได้ค่ะ อีกอย่างด้วยสถานะของคุณตอนนี้คนพวกนั้นอาจจะไม่เชื่อมั่นในตัวคุณ ดังนั้นเซ็นสัญญาไปทีละคนน่าจะดีกว่าค่ะ” หลงเจี่ยหยิบข้อมูลที่เธอพบออกมา หลังจากคลอดลูก หลงเจี่ยดูราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

 

 

แต่ถังหนิงเพียงแค่มองอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร

 

 

“มีอะไรงั้นเหรอคะ”

 

 

“อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนเรากลับไปตอนเราอยู่ที่เทียนอี้” ตอนนั้นหลงเจี่ยมีความทะเยอทะยานที่จะหางานให้ถังหนิงมาก แต่ถังหนิงเอาแต่ทำให้หลงเจี่ยใจสบายด้วยการเอางานพวกนั้นไปให้โม่อวี่โหรว

 

 

“คุณจะช่วยให้ฉันจิตใจสงบโดยการไม่ย้ำให้ฉันนึกตาเบื๊อกหันอวี่ฝานได้ไหมคะ” หลงเจี่ยกลอกตา “กลับมาเข้าเรื่องได้แล้ว”

 

 

“ฉันไม่อยากได้คนพวกนี้ ฉันมีคนอื่นอยู่ในใจ” ถังหนิงตอบ “ไว้มาคุยเรื่องนี้กันหลังจากงานแถลงข่าวเถอะ”

 

 

“พวกนักข่าวต้องการแค่หนึ่งในสองสิ่งเท่านั้นแหละค่ะ คือถ้าไม่ได้เห็นคุณร้องไห้ขอโทษขอโพย ทุกคนก็อยากเห็นคุณสร้างเรื่องขึ้นมาเหมือนตัวตลก พวกนั้นไม่มีใครใจกว้างหรอกนะคะ” หลงเจี่ยพ่นลมออกทางจมูก “แต่คนพวกนั้นคิดว่าคุณเป็นใครกัน คุณคือถังหนิงและไม่เคยทำอะไรอย่างที่คาดไว้สักอย่าง”

 

 

“ถ้างั้นพวกเขาจะไม่ได้เห็นสิ่งที่พวกเขาอยากเห็นหรอก” ถังหนิงยักไหล่

 

 

“เหมือนกับพวกที่กำลังเหยียบย่ำคุณตอนที่คุณกำลังตกต่ำด้วย…

 

 

“คนพวกนั้นกำลังจะได้เข้าใจความรู้สึกของการต้องสำนึกว่าเป็นยังไง”

 

 

“อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกตั้งหน้าตั้งตารองานแถลงข่าวขึ้นมาแล้วสิ”

 

 

ถังหนิงเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

 

 

 

 

ครั้งสุดท้ายที่หลินเฉี่ยนนำเอกสารไปให้ที่ไห่รุ่ย เธอบังเอิญพบกับเฉวียนจื่อเยี่ยที่ระเบียงทางเดิน เขายังดูทรงเสน่ห์เหมือนอย่างเคยและดึงดูดความสนใจในทุกที่ที่เขาไปถึง “ว่าไงครับผู้ช่วยหลิน เราพบกันอีกแล้วนะ”

 

 

“สวัสดีค่ะ คุณเฉวียน แย่หน่อยนะเพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน” หลินเฉี่ยนตอบอย่างไร้เยื่อใย

 

 

“หมายความว่าไง”

 

 

“หมายความว่าอย่างนั้นแหละ” ทันทีที่พูดจบ หลินเฉี่ยนก็หันหลังกลับแต่เฉวียนจื่อเยี่ยคว้ามือของเธอและรั้งเธอเอาไว้

 

 

“ฉันเข้าไห่รุ่ยมาเพราะเธอนะ”

 

 

“ฉันไม่เคยขอให้คุณทำแบบนั้น” หลินเฉี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูนิ่มนวลขึ้นเล็กน้อย “คุณพี่ชายคะ ฉันบอกคุณไปชัดเจนแล้วว่าคุณมีชีวิตของคุณ ฉันมีชีวิตของฉัน เราไม่สามารถใช้เส้นทางร่วมกันต่อไปได้อีก ต่อไปพี่ก็จะแต่งงานและฉันก็จะพบที่ของฉัน”

 

 

“พูดคำพวกนี้ออกมาไม่เสียใจบ้างหรือไง” เฉวียนจื่อเยี่ยถาม “มีส่วนไหนของร่างกายเธอบ้างที่ฉันไม่เคยเห็นหรือไม่เคยสัมผัส”

 

 

“ตอนฉันใส่ชุดว่ายน้ำ ผู้ชายคนอื่นก็จะได้เห็นร่างกายของฉัน ตอนฉันไปนวด หมอนวดก็ได้สัมผัสร่างกายของฉัน ดังนั้นคุณไม่ได้พิเศษไปกว่าคนอื่น” หลินเฉี่ยนกล่าวก่าอนจะปัดแขนของเฉวียนจื่อเยี่ยทิ้ง “ไปทำเรื่องที่คุณควรทำเถอะ”

 

 

“เธอทำแบบนี้เพราะกังวลเรื่องแม่ฉันใช่ไหม”

 

 

“อย่าพูดถึงแม่คุณเลย” ว่าแล้วหลินเฉี่ยนก็เดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับ

 

 

ขณะเดียวกัน เฉวียนจื่อเยี่ยเผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา “เป็นเพราะแม่ฉันจริงๆ สินะ”

 

 

“จื่อเยี่ย ฉันมีความรู้สึกว่าเฉี่ยนเฉี่ยนไม่ได้แค่กลัวว่าแม่นายจะรู้เรื่องหรอกนะ คิดให้ดีสิ กี่ครั้งแล้วที่นายยอกเฉี่ยนเฉี่ยนว่านายจะจัดการกับแม่ของนาย แต่เฉี่ยนเฉี่ยนไม่เคยเชื่อนายเลย แถมทุกครั้งที่นายพูดถึงแม่ เฉี่ยนเฉี่ยนจะรังเกียจแบบสุดๆ …”

 

 

“นายต้องการจะพูดอะไรกันแน่” เฉวียนจื่อเยี่ยหันกลับไปมองผู้จัดการของเขา

 

 

“ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเฉี่ยนเฉี่ยนกับแม่ของนายแน่ ทางที่ดีนายควรหาให้เจอนะ

 

 

“นายกับเฉี่ยนเฉี่ยนเคยสนิทสนมกันมาก อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้นายสองคนกลายเป็นแบบนี้ ไม่ใช่แค่เพราะเฉี่ยนเฉี่ยนเปลี่ยนไปหรอก”

 

 

เฉวียนจื่อเยี่ยตกอยู่ในห้วงความคิด หลังจากนั้นสักครู่ ท่าทีชั่วร้ายเล็กๆ กลับมาปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง “ทำตารางคืนพรุ่งนี้ให้ว่างนะ ฉันจะกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้าน”

 

 

“เข้าใจแล้ว…”

 

 

“แล้วหามาด้วยว่าเฉี่ยนเฉี่ยนพูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง”

 

 

เขากำลังหมายถึงคำพูดของเฉี่ยนเฉี่ยนที่ว่าพวกเขาจะไม่มีวันได้พบกันอีก

 

 

 

 

งานแถลงข่าวของไห่รุ่ยจัดขึ้นที่โกลเดนฮอลของโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง

 

 

เวลาที่ลู่เช่อตั้งไว้คือสิบโมงครึ่ง

 

 

ทุกคนเป็นอย่างที่หลงเจี่ยคาดการณ์ พวกเขาต่างรอดูว่าถังหนิงจะแก้ตัวอย่างไร ไม่ก็จะร้องไห้อย่างร้าวรานและร้องขอความเห็นใจ เพราะปัญหาที่เธอกำลังประสบคราวนี้นั้นใหญ่ยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

 

 

แต่ถังหนิงผู้ไม่เคยโอนอ่อนให้ใครจะยอมคุกเข่าและร้องขอความเมตตาอย่างนั้นหรือ

 

 

ทุกคนต่างได้แต่คาดเดา

 

 

[ดูจากการที่ไห่รุ่ยกล้าจัดงานแถลงข่าว ต้องหมายความว่าโม่ถิงมั่นใจว่าจะผลักสถานการณ์ได้แน่]

 

 

[ฉันแน่ใจว่าทุกคนเคยเห็นมาแล้วว่าถังหนิงประชาสัมพันธ์เก่งแค่ไหน]

 

 

[ถ้าคราวนี้ยังใช้อุบายอะไรได้อีก ถังหนิงคงเป็นเทวดาแล้วล่ะ]

 

 

[ใช่ไหมล่ะ ยังไงมันก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอฆ่าใครบางคนตายไปแล้ว]

 

 

[พวกเธอไม่เคยได้ยินหรือไง เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนพูดถึงถังหนิง ทุกคนจะนึกถึงฆาตกรคนหนึ่ง มันทำให้ทุกคนกลัวจนพวกเขายกเลิกงานโฆษณาทั้งหมดของเธอไปเลยนะ]

 

 

[เราควรรอดูก่อนว่าถังหนิงจะออกมาพูดว่ายังไง]

 

 

แน่นอนว่าถังหนิงยังคงมีแฟนคลับที่ซื่อสัตย์กับเธออยู่

 

 

[ฉันยังเชื่อว่าถังหนิงของพวกเราจะให้คำอธิบายที่น่าพอใจ]

 

 

[ถังหนิงเคยช่วยสภาพจิตใจของฉันคงที่และมันจะไม่มีวันเปลี่ยนไป]

 

 

[ต้องเป็นเรื่องยากสำหรับถังหนิงของฉันแน่เลยที่ต้องเป็นผู้บริสุทธิ์แต่ถูกใส่ร้ายแบบนี้]

 

 

สุดท้ายก่อนที่ถังหนิงจะทันได้ปรากฏตัวในงานแถลงข่าว ทุกคนก็ได้เริ่มพากันถกเถียงแล้ว ผู้คนมากมายกำลังเฝ้ารอดูชะตากรรมของถังหนิงและท่ามกลางคนเหล่านั้น มีหลายคนพร้อมที่จะซ้ำเติมถังหนิงขณะที่เธอล้ม

 

 

“คุณพร้อมไหม” โม่ถิงถามหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งอยู่ในรถ “ผมจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการแถลงข่าววันนี้ คุณจะพูดและทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ แต่ในขณะเดียวกันคุณต้องคิดถึงผลที่ตามมาด้วยนะครับ”

 

 

“ตกลงค่ะ ฉันคิดทุกอย่างมาละเอียดถี่ถ้วนแล้ว” ถังหนิงพยักหน้า “ให้ฉันเผชิญหน้ากับเรื่องนี้เอง ฉันไม่ต้องการการประชาสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น ฉันแต่ต้องการการเริ่มต้นใหม่”

 

 

โม่ถิงลูบหัวของถังหนิง ใครจะอยากปล่อยให้คนรักของตัวเองถูกทุกคนฉะด่ากัน ใครจะไปรับไหว แต่ถังหนิงไม่ใช่คนทั่วไปและเธอไม่เคยตอบสนองแบบธรรมดาด้วย

 

 

“เรามาถึงแล้วนะ”

 

 

“ใช่ เรามาถึงแล้ว” ถังหนิงพยักหน้า “คุณโม่จะเข้ามาแบกรับคำตำหนิร่วมกับฉันไหมคะ”

 

 

โม่ถิงไม่ตอบ กลับกัน เขาก้าวออกจากรถก่อนจะเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่งเพื่อเปิดประตูและยื่นมือให้ถังหนิง

 

 

ในขณะนั้น บรรดานักข่าวเริ่มเข้ามารายล้อมพวกเขา แต่เมื่อมีโม่ถิงอยู่ใกล้ๆ พวกนักข่าวไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาใกล้จนเกินไป

 

 

ไม่ว่าจะอย่างไร ความจริงก็กำลังจะได้รับการเปิดเผยในการแถลงข่าวอยู่แล้วไม่ใช่หรือ

 

 

ต่อให้พวกเขาวิ่งไล่ถังหนิงเพื่อเค้นเอาคำตอบ เธอก็ไม่ตอบพวกเขาอยู่ดี…

 

 

“ไปกันเถอะ งานแถลงข่าวกำลังจะเริ่มแล้ว”