ตอนที่ 813 เขาจะเป็นผู้จัดการของฉันไปตลอดชีวิต

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“เขาถึงขนาดซื้อสิทธิ์ในการถ่ายทำเพราะเขาเชื่อว่าหนังเรื่องนี้มีโอกาสที่จะได้เป็นหนังอมตะเรื่องหนึ่งเลย”

 

 

“เขาเป็นคนช่างคิดจริงๆ” ถังหนิงถอนหายใจ “บอกเขาว่าฉันจะกลับไปที่กองถ่ายหลังจากการแถลงข่าว”

 

 

“โอเคค่ะ”

 

 

หลินเฉี่ยนพูดจบ ก็กำลังจะเดินออกจากห้องทำงานของโม่ถิง ทว่าลู่เช่อพลันเคาะประตูห้องและพูดกับโม่ถิง “ท่านประธานครับ เฉวียนจื่อเยี่ยมาที่ไห่รุ่ยเพื่อขอเซ็นสัญญาดูแลครับ”

 

 

หลังได้ยินเช่นนั้น ถังหนิงก็ชำเลืองตามองไปที่หลินเฉี่ยน “ฉันกลัวว่าเขามาที่นี่เพราะวัตถุประสงค์อื่นมากกว่า”

 

 

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนะ” หลินเฉี่ยนตอบ

 

 

“ถิง… คุณคิดว่าไงคะ” ถังหนิงหันไปถามโม่ถิง

 

 

“เซ็นสัญญากับเขาเถอะ” โม่ถิงคาดหวังว่าข่าวเรื่องที่เฉวียนจื่อเยี่ยเซ็นสัญญากับไห่รุ่ยจะช่วยดึงความสนใจบางส่วนออกจากเรื่องของถังหนิงได้

 

 

มีคนมากมายที่กำลังที่กำลังเหยียบย่ำถังหนิงในขณะที่เธอกำลังตกต่ำและหวังให้เธอร่วงไปสู่จุดต่ำสุดของชีวิตโดยไม่มีโอกาสได้กลับคืนสู่วงการได้อีก แต่ถังหนิงจะไม่มีวันปล่อยให้ความหวังของคนพวกนั้นได้มีวันเป็นจริง

 

 

“ถิง คุณตั้งใจทำงานเถอะ ในที่สุดฉันก็ได้มีเวลาดูแลเด็กๆ เสียที” ถังหนิงดูเหมือนได้รับการยกภาระหนักอึ้งออกจากบ่าเธอ แม้สื่อโฆษณาของเธอจะถูกถอดออกจากทุกตรอกซอกซอยจนหมด แต่เธอก็ไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไรอย่างที่หลายคนจินตนาการ

 

 

โม่ถิงเข้าใจภรรยาของเขาเสมอและรู้ดีกว่าเธอมีแผนการอื่นรออยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่เป็นกังวลอะไร เขาเพียงแค่ปล่อยให้เธอทำในสิ่งที่ต้องการตราบเท่าที่มันทำให้เธอมีความสุข

 

 

ทุกคนรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสวี่ซินดีและถังหนิงไม่มีทางล้างมลทินได้ ไม่ใช่แค่ไห่รุ่ยที่ออกมาทำการสื่อสารกับประชาชนเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ออกมาชี้แจ้งข้อสรุปในคดีแล้ว แต่ยังมีบางคนที่ไม่มีวันตาสว่างเพราะพวกเขาเลือกที่จะเป็นแบบนั้น แทนที่ถังหนิงจะจมอยู่กับเรื่องนี้ เธอเลือกที่จะใช้โอกาสนี้พักตัวจากวงการ อย่างแรกคือตอนนี้เธอสามารถดูแลโม่ถิงและลูกน้อยทั้งสองของเธอได้แล้ว อย่างที่สองคือเธอต้องการมีส่วนในการจัดระเบียบวงการอันโสมมนี่เสียใหม่

 

 

ยังมีคนอีกมากมายในโลกใบนี้ที่ทุ่มเทอย่างมากแต่ติดข้อจำกัดเพราะคนที่มีพื้นฐานมาดีกว่า สิ่งที่ถังหนิงอยากทำคือการเอาความเสมอภาคมากให้กับคนเหล่านั้น

 

 

[ถังหนิงหายตัวไปแล้ว คงเพราะกลัวอยู่แน่ๆ หนังก็ถูกระงับ งานพรีเซนเตอร์ก็ถูกยกเลิก คราวนี้ไห่รุ่ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตัดหางปล่อยวัดแล้ว]

 

 

[แล้วไงใครแคร์ ผู้หญิงคนนั้นเป็นสาเหตุให้มีคนตาย ก็สมควรได้รับผลกรรมแล้วนี่]

 

 

[ฉันหวังว่าจะไม่ต้องเห็นข่าวอะไรเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้อีกนะ]

 

 

แน่นอน… นับจากนี้ไป ต่อให้พวกเขาอยากจะเห็นเธออีกก็คงเป็นเรื่องยากแล้ว

 

 

 

 

ข่าวการเซ็นสัญญาของเฉวียนจื่อเยี่ยกับไห่รุ่ยเริ่มแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว สื่อต่างคิดไปเองว่าไห่รุ่ยเป็นคนปล่อยข่าวข้อมูลพวกนี้ออกมา แต่ที่จริงกลับเป็นเฉวียนจื่อเยี่ยเองต่างหากที่ปากไม่มีหูรูด

 

 

เขาจ่ายเงินก้อนโตเพื่อยกเลิกสัญญาระหว่างเขากับบริษัทต่างประเทศ จากนั้นจึงใช้สติปัญญาทั้งหมดในการหาทางมาร่วมงานกับไห่รุ่ย เขาทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้มีโอกาสได้อยู่ใกล้กับหลินเฉี่ยนให้มากขึ้น ถึงแม้หลินเฉี่ยนจะไม่แม้แต่จะแลตามองเขาเวลาที่เดินผ่านกันในที่ทำงานเลยก็ตาม

 

 

อย่างไรก็ตาม เฉวียนจื่อเยี่ยรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ “ในเมื่อตอนนี้เธอเป็นผู้ช่วยของถังหนิง เธอไม่อยากให้ฉันพูดอะไรดีๆ ให้ถังหนิงบ้างหรือไง”

 

 

“พี่หนิงไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้น” หลินเฉี่ยนตอบอย่างใจเย็นขณะที่เธอสะบัดมือของเฉวียนจื่อเยี่ยออก

 

 

“ไม่ใช่ว่าเธอกลัวฉันจะพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับถังหนิงหรอกเหรอ”

 

 

“นั่นมันเรื่องของคุณ” พูดจบหลินเฉี่ยนก็เดินทางออกจากไห่รุ่ยและขับรถกลับไปยังอะพาร์ตเมนต์ของเธอ

 

 

ในที่สุดเธอก็เข้าใจสิ่งที่ถังหนิงต้องการจะทำ

 

 

ถังหนิงต้องการที่จะเปิดเอเจนซี่ของตัวเองและเซ็นสัญญากับบรรดาศิลปินที่มีความสามารถแต่ไม่เป็นที่รู้จักเพราะวิธีสกปรกที่ใช้กันทั่วไปในวงการ

 

 

ถังหนิงได้ขอให้หลินเฉี่ยนรับหน้าที่จัดการในเรื่องนี้

 

 

นี่คือตำแหน่งที่ถังหนิงรู้สึกว่าเหมาะกับหลินเฉี่ยนอย่างแท้จริง

 

 

หลินเฉี่ยนเองก็รู้สึกว่านี่เป็นบทบาทที่มีความท้าทาย ข้อแรก นี่เป็นหน้าที่สำคัญที่เธอได้รับมอบหมายจากถังหนิง และข้อสองคือเธอได้รับโอกาสที่จะมอบความยุติธรรมให้กับบรรดาคนที่ถูกพวกคนรวบกดขี่

 

 

ดังนั้นเธอจึงยินดีมากที่จะรับหน้าที่นี้

 

 

นั่นยังหมายความว่าต่อให้เฉวียนจื่อเยี่ยเซ็นสัญญากับไห่รุ่ย เธอจะไม่ต้องพบหน้าเขาอยู่ดี เพราะห้องทำงานของโม่ถิงมีเส้นทางลัดตรงไปยังที่จอดรถชั้นใต้ดินได้เลย

 

 

หลินเฉี่ยนรับหน้าที่สรรหาคนและปฏิบัติงาน ซึ่งหมายความว่าเธอจะดูแลส่วนงานบริหารต่างๆ ในขณะที่หลงเจี่ยจะทำหน้าที่สร้างช่องทางและรักษาเส้นสายต่างๆ เอาไว้ และสุดท้าย ถังหนิงจะได้หน้าที่ที่สำคัญที่สุดคือการหาทรัพยากรและงานมาให้ศิลปินของเธอ

 

 

 

 

งานของเธอดูไม่ต่างอะไรกับการเป็นผู้จัดการเลย

 

 

ส่วนเรื่องไห่รุ่ยนั้น การเกลี้ยกล่อมโม่ถิงเป็นเรื่องง่าย เพราะหากถังหนิงสามารถทำให้ศิลปินดังขึ้นมาได้สักคน สุดท้ายศิลปินคนนั้นก็จะมาอยู่กับไห่รุ่ยโดยปริยาย ซึ่งเป็นการที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ดังนั้นเหล่าผู้ถือหุ้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะโต้แย้ง พวกเขาเพียงแค่สงสัยว่าถังหนิงจะสามารถปั้นใครสักคนให้ดังขึ้นมาได้อย่างไรในเมื่อเธอยังเอาตัวเองแทบไม่รอด

 

 

ขณะเดียวกัน หลังจากอันจื่อเฮ่ารู้เรื่องแผนการของถังหนิงผ่านทางโทรศัพท์ เขาก็พยายามจะเสนอความช่วยเหลือให้เธอ แต่ถังหนิงปฏิเสธเขาอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะช่วยซิงเยียนมาจนถึงจุดนี้ได้ คุณไม่จำเป็นต้องมาผูกติดกับฉันแล้วเจอเรื่องอะไรแบบนั้นอีกหรอก

 

 

“ตอนนี้ฉันเป็นฆาตกรในสายตาของทุกคน เป็นคนเลวขั้นสุดเลยล่ะ”

 

 

“ถ้างั้นทำไมคุณยังพยายามจะหางานให้คนอื่นอีกล่ะ”

 

 

ถังหนิงหัวเราะเบาๆ และตอบด้วยความมั่นใจ “ฉันสร้างเส้นทางนี้ให้ตัวเอง แล้วฉันเคยกลัวเมื่อไหร่ล่ะ”

 

 

ถังหนิงพูดถูก จากนางแบบสู่การเป็นนักแสดง และจากนักแสดงสู่การเป็นผู้จัดการ มีอะไรบ้างที่เธอทำไม่ได้

 

 

“ถ้าคุณมาเป็นผู้จัดการ แล้วประธานโม่ล่ะ”

 

 

“เขาจะเป็นผู้จัดการของฉันไปตลอดชีวิต เขาไล่ฉันออกไม่ได้หรอก จื่อเฮ่า คุณต้องเชื่อมั่นในตัวฉัน ฉันจะต้องกู้คืนตำแหน่งของตัวเองได้แน่นอน ไม่มีใครหยุดฉันได้ แม้แต่คนตายก็ไม่มีทางหยุดฉันได้หรอก!”

 

 

เธอเพียงแค่ตกหล่มเพียงชั่วคราวเท่านั้น

 

 

“ผมเชื่อมั่นในตัวคุณ ตราบใดที่คุณไม่มีผลอะไรก็ดีแล้ว”

 

 

หลังจากอยู่ในวงการนี้มานานหลายปี ถังหนิงผ่านประสบการณ์มาแล้วทุกรูปแบบไม่ว่าจะร้อนหรือหนาว สิ่งที่ยังเหลืออยู่คือบททดสอบความใจเย็น

 

 

หลังถังหนิงกลับมาถึงบ้านและได้เห็นว่าลูกชายทั้งสองของเธอยังคงหลับอยู่บนเตียงของพวกเขา ในที่สุดหัวใจของเธอก็สงบลง โดยเฉพาะเมื่อเธอได้เห็นกั่วกั่วนอนหลับสนิท ความกังวลอย่างสุดท้ายใจของเธอก็มลายหายไป

 

 

“ลูกรักทั้งสองของแม่ แม่ของลูกไม่ได้บีบบังคับให้ใครต้องตายทั้งนั้น แม่หวังว่าลูกทั้งสองคนจะเรียนรู้อย่างรวดเร็วที่จะไม่สนใจคำพูดของคนในวงการและเลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวแม่ของลูก”

 

 

“พูดมันง่ายนะลูก” ซย่าอวี้หลิงพูดขึ้นขณะที่เธอเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมขวดนมเด็กสองขวดในมือ จากนั้นเธอจึงตบลงที่ไหล่ถังหนิงเบาๆ “ลูกสร้างเรื่องใหญ่ขึ้นและมันส่งผลถึงคนทั้งครอบครัวเลย ตอนนี้ไม่ว่าเราจะไปที่ไหนก็มีแต่นักข่าวเต็มไปหมด”

 

 

“แม่คะ…” เป็นเรื่องยากที่ถังหนิงจะพูดด้วยโทนเสียงน่ารักน่าเอ็นดู ดังนั้นซย่าอวี้หลิงจึงอดไม่ได้ที่จะใจละลาย

 

 

“เหนื่อยไหมลูก ถ้าเรื่องมันแย่ไปกว่านี้ ลูกจะเลิกเป็นนักแสดงก็ได้นะ ยังไงลูกก็เป็นประธานของถังซื่อกรุป ใช่ว่าลูกจะอดตายเสียหน่อย”

 

 

“ไม่หรอกค่ะ ฉันแค่อยากเรียกแม่เท่านั้นเอง” ถังหนิงตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หลังจากได้มาเป็นแม่คน ฉันก็ได้เข้าใจแม่มากขึ้น”

 

 

“รู้ก็ดีแล้ว รีบจัดการเรื่องวุ่นวายพวกนี้ซะ คุณปู่ของลูกโกรธจัดจนเกือบจะไปมีเรื่องกับคนอื่นอยู่แล้วนะ”

 

 

“เข้าใจแล้วค่ะ” ถังหนิงพยักหน้า

 

 

เหนือสิ่งอื่นใด เธอยังมีครอบครัวใหญ่ที่เชื่อมั่นในตัวเธอ ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะไม่มีวันยอมแพ้หรือรู้สึกหวาดกลัว

 

 

“ฉันจะจัดการแถลงข่าวให้ดี”

 

 

“แม่เชื่อมั่นในตัวลูก” ซย่าอวี้หลิงลูบหัวถังหนิงก่อนจะวางขวดนมทั้งสองขวดลงในมือของลูกสาว “ดูแลลูกๆ ของลูกเถอะ แม่ยังมีหลานสาวที่ต้องดูแลรออยู่ที่บ้านอีกคน แม่ไม่อยากรบกวนลี่หวามากเกินไป”

 

 

“ขอบคุณที่มาช่วยนะคะแม่” ถังหนิงรับขวดนมไว้ในมือและมุ่งมั่นที่จะดูแลลูกน้อยทั้งสองของเธอ เธอจะไม่ทำตัวโง่เง่าหรือละทิ้งคนที่สำคัญที่สุดของเธอไปอีก

 

 

นับจากนี้ไป โม่ถิงกับลูกทั้งสองของเธอมีความสำคัญสูงที่สุด!