วันต่อมา
เล่อเหยาเหยาตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่แข็งแกร่งอบอุ่น
เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกเพียงปวดมืออย่างหนัก ริมฝีปากก็แสบร้อน
ความเจ็บปวดเมื่อครู่ทำให้เธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา
พอนึกถึงเรื่องบ้าคลั่งริมทะเลสาบเมื่อคืน เล่อเหยาเหยาเพียงอยากมุดลงไปในหลุมใต้ดิน ไม่อยากออกมา
สวรรค์!
เมื่อคืน เป็นเธอจริงเหรือ!
หูยังได้ยินเสียงหอบเย้ายวนใจของตนเมื่อคืนไม่หยุด ทำให้เล่อเหยาเหยาอดยื่นมือกุมสองแก้มที่ร้อนผ่าวไม่ได้
สวรรค์!
ไม่ควรคิดอีกแล้ว เรื่องเมื่อคืนบ้าคลั่ง น่าอับอายเสียจริง
ทว่าต้องพูดว่าเป็นครั้งแรกที่เธอรู้ว่า ความจริงการใช้นิ้วและปากก็สามารถทำให้เธอ…
อา…
ไม่ควรคิดอีกแล้วจริงๆ หากคิดต่อไปเธอต้องเสียสติแน่!
เล่อเหยาเหยาส่ายศีรษะอย่างรุนแรง อยากให้สิ่งที่ไม่ควรคิดภายในสมองหลุดออกไป
สุดท้าย เมื่อเธอหยุดคิดเรื่องเมื่อคืนได้อย่างไม่ง่ายดายลง สายตาพลันถูกชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างกายของตนดึงดูดไว้
เห็นเพียงเวลานี้ สถานที่ที่เธออยู่ตอนนี้คือห้องของพญายม
ความจริง เธอไม่รู้ว่าเมื่อคืนกลับมาได้เช่นไร
เพราะขณะนั้นสมองเธอยังคงถูกความปรารถนาครอบงำจนสับสน
เธอจำได้เพียง หลังเธอช่วยดึงหัวไชเท้าแก่พญายม พญายมให้เธอช่วยทำสิ่งนั้น…
สุดท้ายทั้งสองคนคล้ายอยู่ในวันสิ้นโลก พัวพันไม่ยอมแยกห่างกัน จนกระทั่งไม่รู้ผ่านไปกี่ครั้ง เธอจึงเหนื่อยล้า ก่อนค่อยๆ หลับไป
เมื่อตื่นขึ้นมาก็อยู่ภายในห้องของพญายมแล้ว
ด้านล่างคือเตียงขนาดใหญ่ที่อ่อนนุ่ม
เตียงนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก อย่างน้อยสามารถจุคนได้กว่าสิบคน
ผ้าห่มและผ้าปูเตียงต่างเป็นสีขาวดำ เช่นเดียวกับนิสัยของพญายมที่ให้ความรู้เย็นยะเยือก
สุดท้าย สายตาของเล่อเหยาเหยาตกอยู่ที่ชายหนุ่มที่กำลังนอนอยู่บนเตียงสีขาว
เห็นเพียงชายหนุ่มกำลังนอนหลับในท่าตะแคง แขนแข็งแรงเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่เมื่อครู่ศีรษะเธอหนุนอยู่ด้านบน ยื่นออกไปนอกเตียง
ชายหนุ่มมีร่างกายที่สูงตระหง่านแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
สีผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มที่แสดงถึงความแข็งแรง
กล้ามเนื้อหน้าอกเป็นกลุ่มก้อน ลายเนื้อเด่นชัด เลือนรางดุจบรรจุด้วยพลังไร้ขีดจำกัด
ส่วนหน้าท้องของชายหนุ่ม อยู่ในประเภทแข็งแกร่งอย่างยิ่ง มากไปหนึ่งส่วนจะมากเกินไป น้อยไปหนึ่งส่วนจะน้อยไป
สุดท้าย สายตาเล่อเหยาเหยาอดแอบมองด้านล่างหน้าท้องชายหนุ่มไม่ได้
เมื่อเห็นนกน้อยที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มขนสีดำนั้น พลันอดสูดหายใจอย่างหวาดเสียวไม่ได้
สวรรค์!
ชายผู้นี้นี่จริงๆ เลย กระทั่งเวลานอน นกน้อยนั้น ไม่ มันคือนกใหญ่ กลับยังชูชันขึ้นมาราวกับร้องเรียกเธอ
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยารู้สึกโกรธเคือง
เมื่อนึกถึงตอนนี้มือเธอยังระบม เพราะทำทุกอย่างเพื่อนกใหญ่นี้ ฉะนั้นเธอจะไม่สั่งสอนมันสักเล็กน้อยไม่ได้
หลังคิดถึงตรงนี้ ดวงตาคู่งามของเล่อเหยาเหยาแอบมองชายหนุ่มที่ยังคงหลับอยู่ ก่อนอดเปล่งประกายความเจ้าเล่ห์ออกมาไม่ได้ จากนั้นยื่นมือเล็กออกไปดีดนกใหญ่ตัวนั้น
แต่ขณะที่นิ้วของเล่อเหยาเหยากำลังจะดีดลงบนนกใหญ่ตัวนั้นอีกเพียงนิดเดียว เสียงแฝงความแหบพร่าเจ็ดส่วน มีเสน่ห์สามส่วน กลับพลันดังขึ้นข้างหูเธอ
“เจ้ากำลังคิดทำสิ่งใด”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหูนั้น เล่อเหยาเหยาพลันดุจถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เสียง ‘เปรี้ยง’ ดังขึ้น ทั่วศีรษะของเธอพลันถูกระเบิดแตกกระจาย
ทั่วร่างกายพลันแข็งทื่อ ในใจอยากร้องไห้ แต่ไร้น้ำตา
สวรรค์!
ไม่สามารถทำเรื่องไม่ดีได้จริงๆ เธอยังไม่ทันลงมือ พลันถูกคนจับได้ อยากร้องไห้…
“เอ่อ คือ ข้า ข้าไม่ได้ทำสิ่งใด”
เมื่อถูกคนจับได้คาหนังคาเขา เล่อเหยาเหยากลับยังดิ้นรนเฮือกสุดท้ายหนีความผิด
ส่วนชายหนุ่มที่ได้ยิน เพียงเลิกคิ้วกระบี่น่ามอง สายตาที่มองเธอเปี่ยมไปด้วยการหยอกล้อ ยกริมฝีปากขึ้น พลางจับมือเล็กของเล่อเหยาเหยา แล้วเอ่ยว่า
“แต่เมื่อครู่สิ่งที่เปิ่นหวางเห็นไม่เป็นเช่นนั้น ดูแล้ว เจ้าคงยังไม่พอใจ ยังมีความต้องการอีกกระมัง”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตั้งใจบิดเบือนความหมายของเล่อเหยาเหยา ทำให้เล่อเหยาเหยาพลันตื่นตระหนก
“หา!”
ยังไม่พอใจหรือ!
เมื่อถูกเหลิ่งจวิ้นอวี๋ตั้งใจบิดเบือนความจริง เล่อเหยาเหยาจึงตะลึงอยู่ตรงนั้น หลังผ่านไปนาน จึงได้สติกลับมา ใบหน้าร้อนผ่าว เพราะเขินอายจนโมโห
“ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น ท่านอย่าพูดเหลวไหล”
“โอ้ เปิ่นหวางเห็นชัดว่าเจ้าเป็นเช่นนั้น ตอนนี้ยังโมโหกลบเกลื่อนอีก”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋พยายามหาหลักฐานใส่ร้าย ก่อนหัวเราะอยู่ด้านข้าง
แม้จะรู้ชัดว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ตั้งใจหยอกล้อเธอ แต่เล่อเหยาเหยายังรับการหยอกล้อนี้ไม่ได้ จึงใช้มือปิดปากกว้างของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ก่อนเอ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำอย่างโมโหว่า
“ท่านหยุดพูดเหลวไหลเดี๋ยวนี้ ท่านน่ารังเกียจ”
เมื่อริมฝีปากถูกเล่อเหยาเหยาปิดไว้ รอยยิ้มในแววตาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ่งล้ำลึกขึ้น ใช้ริมฝีปากขบที่ฝ่ามือของเล่อเหยาเหยา ก่อนเหลิ่งจวิ้นอวี๋จะเอ่ยด้วยแววตารักใคร่ว่า
“ได้ เช่นนั้นเปิ่นหวางพูดผิดไป ไม่ใช่เจ้ายังไม่พอใจ”
เมื่อได้ยินเหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับพูดเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาจึงตะลึงครู่หนึ่ง ขณะกำลังสงสัยว่าเหตุใดเขาจึงยอมรับว่าตนผิด ก่อนได้ยินชายหนุ่มเอ่ยว่า
“เป็นเปิ่นหวางที่ยังไม่พอใจ”
เอ่ยจบ เหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันพลิกกายคร่อมทับบนตัวเล่อเหยาเหยา ขณะเล่อเหยาเหยายังไม่ได้สติ ก็ถูกจุมพิตพัวพันร้อนแรง
จุมพิตดุเดือดนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาที่ถูกจุมพิตสมองว่างเปล่า วิงเวียนตาลาย
หลังจากนั้น ชายหนุ่มจุมพิตไปทั่วร่างเธอ ก่อนใช้มือและริมฝีปากมอบความสุขที่สุดยอดให้แก่เธอ และเพื่อเป็นการตอบแทน เธอจึงช่วยชายหนุ่มดึงหัวไชเท้าไปสองรอบ
สุดท้ายทั้งสองคนต่างหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า ทั่วใบหน้าแดงก่ำ ภายในห้องอบอวลด้วยกลิ่นความปรารถนาที่ปลดปล่อยออกมา พระอาทิตย์ด้านนอกลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า
เมื่อมองหน้าต่างลายสลักที่เปิดอ้านั้น แสงอาทิตย์สีทองที่เล็ดลอดเข้ามาสาดส่องสว่างทั่วห้อง เวลานี้เล่อเหยาเหยากำลังนอนคว่ำอยู่บนอกแข็งแกร่งสีน้ำตาลของชายหนุ่มอย่างโรยแรง
บนใบหน้าหมดจดและขาวผ่องนั้น ต่างปกคลุมไปด้วยชั้นเหงื่อ
บนสองแก้มขาวผ่องนั้น เพราะความต้องการเมื่อครู่จึงแดงสดงดงาม เข้ากับผิวเกลี้ยงเกลาแวววาวของเธอ ดุจต้นเหมยบานสะพรั่งกลางหิมะ งดงามเหนือคำบรรยาย
สิ่งที่ดึงดูดมากที่สุดคือ ปากเล็กบางเฉียบนั้นของเธอ เพราะจุมพิตร้อนแรงเมื่อครู่จึงบวมเป่ง
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋อยากที่จะนำคนตัวเล็กที่งดงามกลืนกินยัดลงไปในท้อง แต่เฮ้อ…
ตั้งครรภ์สิบเดือน ตอนนี้เพิ่งสองเดือน ยังต้องรออีกแปดเดือนเด็กถึงจะคลอดออกมา เช่นนั้นช่วงเวลานี้ เขาต้องอดกลั้น
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ถอนหายใจอย่างมีความสุข พลันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อบนหน้าผากให้เล่อเหยาเหยา ก่อนดวงตาเย็นชาเป็นประกายครู่หนึ่ง ราวฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงเอ่ยปากขึ้นว่า
เด็กน้อย กลับไปแต่งกายเป็นสตรีเถิด”
“หา!”
เล่อเหยาเหยาที่กำลังปิดตาพักผ่อน คาดไม่ถึงหลังได้ยินประโยคนี้ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ อดพลันลืมดวงตาคู่งาม ก่อนมองชายหนุ่มอย่างแปลกใจ คิดว่าตนหูฝาดไป
“ท่าน เมื่อครู่ท่านพูดสิ่งใด”
“เปิ่นหวางเอ่ยว่า เจ้ากลับมาแต่งกายเป็นสตรีเถิด”
เมื่อเห็นท่าทางตกใจของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงเอ่ยประโยคเมื่อครู่ซ้ำอีกรอบ
และพูดแผนการที่เขาเพิ่งคิดได้เมื่อครู่ออกมา
“แม้เจ้าจะสูญเสียความทรงจำ แต่สถานะของเจ้ากลับเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นต้าเซี่ย ไม่ควรสวมชุดขันทีอีก รวมทั้งเจ้ายังตั้งครรภ์บุตรของเปิ่นหวาง เปิ่นหวางต้องมอบฐานะให้แก่เจ้าและบุตรมิใช่หรือ”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยอย่างอ่อนโยน มือใหญ่นั้นลูบหน้าท้องแบนราบของเล่อเหยาเหยาอย่างเบามือ แววตาดูรักใคร่อย่างที่สุด
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาแม้จะตกตะลึงไม่ได้สติ แต่หัวใจของเธอเวลานี้ราวกับถูกอาบด้วยน้ำผึ้ง
สวรรค์ นี่เขากำลังจะขอเธอแต่งงานหรือ
แม้ว่าจะไม่มีช่อดอกไม้ใหญ่หอมกรุ่น ไม่มีแหวนที่งดงามและมีค่า แต่แววตาที่เต็มไปด้วยความรักของชายหนุ่ม แทบทำให้เธอจมดิ่งลง ไม่อาจถอนตัวได้