เธอตอนนี้ มีความสุขมากจริงๆ!

เธอมีความสุขจนอยากจะร้องไห้ออกมา

ขณะคิดในใจ เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงแสบจมูก ดวงตาคู่งามนั้นปกคลุมด้วยความพร่ามัวอย่างรวดเร็ว

แววตาสั่นระริก ดึงดูดใจคน ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เห็นไม่สบายใจ

“เป็นสิ่งใดหรือ ไม่สบายที่ใดหรือไม่”

เห็นน้ำตาในดวงตาของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ขมวดคิ้วเอ่ยถามอย่างร้อนใจ จนแทบลงจากเตียงไปเชิญหมอ สุดท้ายกลับถูกเล่อเหยาเหยาห้ามไว้

เล่อเหยาเหยาซุกใบหน้าเข้าไปในหน้าอกของชายหนุ่ม น้ำตาที่เอ่อคลอในดวงตา ในที่สุดก็กลั้นไม่ไหวจนไหลรินลงมา ทว่านั่นกลับเป็นน้ำตาแห่งความสุข

“ไม่ อวี๋ ข้าเพียงรู้สึก มีความสุขมากเกินไป”

เอ่ยจบ น้ำเสียงเล่อเหยาเหยาแหบแห้งแฝงด้วยเสียงสะอื้น แต่กลับยิ้มกว้างที่มุมปาก ถูกต้อง เธอตอนนี้มีความสุขมากจริงๆ!

ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความรักของบิดามารดา เธอเป็นเพียงสาวน้อยมองโลกในแง่ดีเท่านั้น

และไม่เข้าใจว่าความรักคือสิ่งใด

แต่การข้ามเวลาโดยไม่มีสาเหตุครั้งนี้ กลับทำให้เธอได้พบกับชายหนุ่มแสนดีเช่นนี้

แม้คนบนโลกจะลือกันว่าเขาเย็นชาไร้ความรู้สึก สังหารคนราวผักปลา อารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้

แต่ตอนนี้เธอจึงรู้ว่า เขาเป็นชายหนุ่มที่ใส่ใจอ่อนโยนรักมั่นที่สุดบนโลกนี้

ชีวิตนี้มีเขา เธอยังมีสิ่งใดที่ไม่พอใจอีกหรือ!

พอคิดถึงตรงนี้ น้ำตาของเล่อเหยาเหยายิ่งไหลหนักขึ้น แต่ความสุขอิ่มเอมใจเต็มเปี่ยมบนใบหน้า กลับปิดบังไว้ไม่มิด

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก้มมองใบหน้าเล็กที่ร้องไห้และยิ้มอย่างขัดแย้งกัน ทว่ากลับมีความสุขนั้น ความอ่อนโยนในแววตายิ่งล้ำลึกมากขึ้น สุดท้ายคำพูดมากมาย เพียงเปลี่ยนเป็นถอนหายใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่

“ช่างเป็นเด็กที่โง่เขลาเสียจริง”

เอ่ยจบ ชายหนุ่มจุมพิตน้ำตาของคนตัวเล็กในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยนและลึกซึ้ง สุดท้ายกำลังคิดที่จะจุมพิตที่ริมฝีปากสดใสงดงามนั้น คิดไม่ถึงจะมีเสียงที่ไม่ควรเกิดขึ้นดังออกมาจากท้องของเล่อเหยาเหยา

ทั้งสองเมื่อได้ยินต่างตะลึงชั่วขณะ เล่อเหยาเหยาใช้มือลูบหน้าท้องอย่างเขินอายและอับอาย พลางใช้ดวงตาคู่งามชุ่มฉ่ำนั้นมองไปยังชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนเอ่ยอย่างขวยเขินว่า

“อวี๋ ลูกบอกว่าหิวแล้ว”

“ฮ่า ๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความขวยเขินของเล่อเหยาเหยา และเห็นท่าทางน่าสงสารของเธอ เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ พลันยื่นมือใหญ่ลูบเส้มผมของเล่อเหยาเหยาอย่างอ่อนโยน ก่อนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นว่า

“นี่ถือว่าไม่ง่ายดายเลย บิดาจะไปเตรียมของอร่อยเดี๋ยวนี้”

เมื่อพูดแล้วต้องทำให้ได้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงพลันลุกขึ้นจากเตียง สั่งกำชับให้คนจัดเตรียมอาหารเช้าอย่างสมบูรณ์ครบครัน โอ้ ไม่สิ ตอนนี้ควรเป็นอาหารเที่ยงถึงจะถูกต้อง

และครั้งนี้เล่อเหยาเหยานั่งอยู่ในห้องโถงกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋อย่างสง่าผ่าเผย ท่ามกลางการปรนนิบัติรับใช้ของบ่าวไพร่ ทานอาหารอย่างอิ่มหนำสำราญ

แม้เรื่องเล่อเหยาเหยาเป็นคนโปรดข้างกายของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ จะไม่ใช่ความลับในวังรุ่ยอ๋อง

แต่ก่อนหน้านี้โปรดปรานเพียงใด กลับเทียบกับครั้งนี้ที่ทานอาหารร่วมโต๊ะกับท่านอ๋องไม่ได้

ดังนั้น เหล่าขันทีที่ปรนนิบัติรับใช้พวกนั้น เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยานั่งอยู่ร่วมกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ พญายมที่เย็นชาไร้ความรู้สึกในใจพวกเขากลับใช้สายตาอ่อนโยนอย่างที่สุดมองเล่อเหยาเหยา และยังคีบอาหารป้อนเล่อเหยาเหยาอย่างใส่ใจ ทำให้ทุกคนดุจถูกฟ้าผ่า

บนโลกนี้ไม่มีเรื่องใดที่คนไม่ติฉินนินทา

ดังนั้นในเวลาเพียงไม่นาน ภายในวังอ๋องก็เล่าลือกันอย่างครึกโครมถึงเรื่องของเล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋

และเนื้อหาที่ลือกัน ส่วนใหญ่คือเล่อเหยาเหยาใช้ใบหน้างดงามยั่วยวนท่านอ๋อง ท่านอ๋องจึงนิยมตัดแขนเสื้อ หลงใหลขันทีผู้หนึ่งอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่เกรงกลัวสวรรค์

สำหรับข่าวลือประเภทนี้ เล่อเหยาเหยาไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะเธอเวลานี้กำลังทานอาหารกลางวันร่วมกับชายคนรัก

เมื่อวานกังวล ตกใจ หวาดกลัว และร้องห่มร้องไห้ทั้งวัน ตกกลางคืนก็ไม่ได้ทานสิ่งใด ดังนั้นตอนนี้เล่อเหยาเหยาจึงหิวจนกินวัวได้ทั้งตัว!

โดยเฉพาะอาหารที่วางเรียงรายเต็มโต๊ะกว่ายี่สิบเมนูนี้

มีซี่โครงหมูตุ๋นน้ำแดง หมูหัน นกพิราบย่าง เต้าหู้นึ่ง ปลากุ้ยฮวานึ่งซีอิ๋ว ตุ๋นรังนก ปลิงทะเล เป็นต้น

ทอดผัดนึ่งต้มตุ๋น ครบถ้วนสมบูรณ์ สิ่งที่ควรมีก็มีครบทุกอย่าง!

เล่อเหยาเหยาที่หิวโหย หลังรออาหารเหล่านั้นขึ้นโต๊ะ ก็ไม่เกรงใจหยิบตะเกียบคีบทานอย่างเอร็ดอร่อยทันที

เห็นหัวหน้าขันทีลี่ที่อยู่ด้านข้างมุมปากกระตุกไม่หยุด แต่เจ้านายไม่พูด เขาทำได้เพียงกลืนความไม่พอใจลงไปในท้อง

ทว่าเล่อเหยาเหยาไม่เห็นความสงสัยในแววตาของหัวหน้าขันทีลี่

อาจเป็นเพราะรู้สึกว่า แม้เป็นบ่าวผู้หนึ่งที่ได้รับการโปรดปราน แต่ไม่ควรร่วมโต๊ะกับเจ้านายเช่นนี้!

และเหลิ่งจวิ้นอวี๋คือคนที่เขาเฝ้าดูมาตั้งแต่เด็กจนโต หัวหน้าขันทีลี่เป็นขันที ไม่มีบุตร ดังนั้นจึงปฏิบัติต่อเหลิ่งจวิ้นอวี๋ดุจบุตรชายของตน

ตอนนี้เห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ‘หลงผิด’ ดังนั้นใบหน้าแก่ชรานั้นจึงหย่อนยานลงอีก

ทว่าเล่อเหยาเหยาเวลานี้สนใจเพียงรักษาตับไตไส้พุงของตน สำหรับสีหน้าไม่พอใจของหัวหน้าขันทีลี่ จึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

สุดท้ายยังเป็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เริ่มพูดจา เขาลุกยืนขึ้นเอ่ยกับหัวหน้าขันทีลี่

เพราะระยะค่อนข้างไกล เล่อเหยาเหยาจึงไม่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา เพียงเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋พูดบางอย่างกับหัวหน้าขันทีลี่ ทันใดนั้น หัวหน้าขันทีลี่คล้ายตกตะลึงกับคำพูดของเขา ดวงตาเบิกกว้าง มองมายังเล่อเหยาเหยาอย่างไม่เชื่อสายตา

เล่อเหยาเหยาถูกหัวหน้าขันทีลี่มองอย่างตกตะลึง พลันตกใจจนสำลักซุปที่ดื่มเข้าไปเมื่อครู่

เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเช่นนั้น ก็หยุดสนทนากับหัวหน้าขันทีลี่กลางคัน รีบร้อนเดินมาข้างกายเล่อเหยาเหยา จากนั้นยื่นมือใหญ่ตบหลังเธออย่างเบามือช่วยปรับลมหายใจ

“เหตุใดไม่ระวังเช่นนี้ ราวกับเด็กน้อย กระทั่งดื่มซุปก็สำลัก ต่อไปเป็นมารดาเจ้าจะทำเช่นไร!”

เมื่อได้ยินคำพูดและบ่นแฝงความจนใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาพลันหน้าร้อนผ่าว

ทันใดนั้น หลังกลับมาหายใจปกติอย่างไม่ง่าย จึงเอ่ยเสียงเง้างอนขึ้นว่า

“ข้าไม่ใช่เด็กเสียหน่อย”

เพียงเมื่อครู่ตกใจหัวหน้าขันทีลี่เท่านั้น

เพราะปกติเห็นหัวหน้าขันทีลี่ เขามีท่าทางสำรวมกริยา หน้าตึงตลอดเวลา ตอนนี้พลันเห็นเขาตกใจอย่างหนัก จึงทำให้เธอพลันสำลัก

แต่ว่าคำพูดเหล่านี้ของเล่อเหยาเหยาไม่ได้เอ่ยกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เพียงเหลือบมองเห็นหัวหน้าขันทีลี่ไม่รู้ไปที่ใด แต่เธอไม่สนใจ เพียงสนใจอยู่กับการทานอาหาร

หลังทานเสร็จ เหลิ่งจวิ้นอวี๋เตรียมรถม้าเข้าวังหลวง

ทว่าก่อนออกจากวังอ๋องไป เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยังกำชับเล่อเหยาเหยาอย่างไม่วางใจ เอ่ยว่าได้ส่งขันทีสองคนไปปัดกวาดตำหนักหย่าเฟิงแล้ว เธอตอนนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน เพียงต้องพักผ่อน นอนหลับเท่านั้น เพื่อบำรุงเด็กน้อยในครรภ์

ยากที่จะได้เห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เงียบขรึมเอ่ยกำชับเช่นนี้ ใบหน้าเล่อเหยาเหยาแม้จะแสดงออกมาว่าไม่พอใจ แต่ความจริงในใจกลับหวานชื่น ดุจอาบด้วยน้ำผึ้ง

“อืม อวี๋ มิต้องกำชับราวคนแก่เช่นนั้นหรอก ข้าไม่ใชเด็ก เอ่อ…”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาสังเกตว่าสีหน้าเหลิ่งจวิ้นอวี๋เปลี่ยนไป จึงรู้สึกตัวว่าตนพูดผิดไป จึงรีบหัวเราะฮาๆ กลบเกลื่อน

ทว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋จะปล่อยเธอไปได้เช่นไร

ดวงตาเย็นชาแคบยาวคู่นั้นหรี่ลง เผยอันตรายเต็มเปี่ยมออกมา ก่อนเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาว่า

“เมื่อครู่เจ้าว่าผู้ใดแก่หรือ หืม”

“ฮ่าๆ ไม่มี ข้าไม่ได้พูดสิ่งใด”

เล่อเหยาเหยาใช้มือปิดปาก ถอยหลังไปหนึ่งก้าวคิดหนีไป ทว่าปีศาจน้อยเช่นเธอจะเป็นคู่ต่อสู้ของพญายมได้เช่นไร!

เห็นเพียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยืดแขนออกไปเกี่ยวเอวเล็กของเล่อเหยาเหยาอย่างเบามือ ส่วนอีกมือดึงมือที่ปิดปากเล็กของเล่อเหยาเหยาลงอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น จุมพิตดุดันนั้นก็ประกบลงมาอย่างแม่นยำ จุมพิตจนกระทั่งเล่อเหยาเหยาวิงเวียนตาลาย สมองขาวโพลน ลืมเลือนกระทั่งวันนี้คือวันใด!

เมื่อเห็นใบหน้าเล็กของเล่อเหยาเหยาแดงก่ำ ดวงตาคู่งามลุ่มหลง และริมฝีปากที่ถูกเขาจุมพิตจนบวมเป่ง เหลิ่งจวิ้นอวี๋เลิกคิ้วกระบี่ขึ้นอย่างถือดี ยิ้มอย่างงดงาม ยืดตัวจากไป

เมื่อเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ้มดุจหมาป่าถือดีขี้เล่น เล่อเหยาเหยาที่ได้สติ โมโหจนกัดฟันกรอด

ทว่าเวลานั้นชายหนุ่มได้จากไปแล้ว ส่วนเธอเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง จึงคิดกลับห้องไปพักผ่อน

เพราะเธอตอนนี้ จะต้องเป็นมารดาแล้ว ดังนั้นทุกอย่างต้องให้ความสำคัญกับเด็กก่อนเป็นอันดับแรก

รวมทั้งงานในตำหนักหย่าเฟิง เหลิ่งจวิ้นอวี๋ส่งคนอื่นมาทำหน้าที่แทนแล้ว ดังนั้น เธอจึงไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้

เธอตอนนี้ เพียงต้องกินดื่มพักผ่อนให้ดี เพื่อคลอดเด็กในท้องออกมาอย่างแข็งแรง

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดยื่นมือลูบหน้าท้องที่ยังแบนราบไม่ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมความรักของมารดา

แต่ขณะเดียวกันนั้น ภายในตำหนักหย่าเฟิง กลับปรากฎเงาร่างสูงเพรียวขึ้นมา เล่อเหยาเหยาเห็นดวงตาก็อดเป็นประกายไม่ได้ ทันใดนั้น รีบเดินเข้าไปหาเงาร่างนั้นอย่างยิ้มแย้ม