ตอนที่ 173.1 เหยาเหยาสารภาพรัก (1)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

“พี่ไป๋ ท่านมาได้เช่นไร”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม น้ำเสียงไพเราะจับใจดุจนกหวงอิง และแสดงความสุขในวันนี้ของเธอออกมา

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาปลอดภัย ยิ้มแย้มดุจบุปผา ตงฟางไป๋ที่ทั่วใบหน้าเคร่งขรึมและกังวลกลับตะลึงงัน

เพราะหลังจากเมื่อคืนที่เห็นเล่อเหยาเหยาร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก แม้ภายหลังเล่อเหยาเหยาจะเอ่ยว่าไม่เป็นสิ่งใด แต่เขายังคงกังวลใจเกี่ยวกับเธออย่างยิ่ง

กลัวหญิงสาวอายุน้อยเช่นเธอ จะคิดไม่ตกจนทำเรื่องบ้าคลั่งออกมา

ดังนั้นเมื่อคืนเขาจึงนอนไม่หลับทั้งคืน วันนี้ตอนเช้าหลังดูอาการคนไข้สำคัญหลายคนเสร็จ จึงรีบร้อนมาที่นี่ทันที

วางแผนว่าขณะที่เธอไม่สบายใจ จะมีเวลาอยู่เป็นเพื่อนเธอให้นานขึ้น จะช่วยเธอแก้ปัญหา

จะบอกกับเธอว่า ไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น เขาจะอยู่ข้างกายเธอ หวังให้เธอมีความสุขมากขึ้น

คิดไม่ถึง ใบหน้าเล็กที่เสียใจในความคิดของเขานั้น เปลี่ยนเป็นใบหน้าเล็กยิ้มแย้มดุจบุปผาในเวลานี้ จะไม่ให้ตงฟางไป๋แปลกใจได้เช่นไร

ส่วนเล่อเหยาเหยาที่ก้าวเดินตรงเข้าหาตงฟางไป๋ ย่อมมองเห็นความตกตะลึงบนใบหน้าของตงฟางไป๋ และเห็นถึงขอบตาดำคล้ำดุจหมีแพนด้านั้นของเขา

ดวงตาคู่งามเป็นประกายครู่หนึ่ง เล่อเหยาเหยารู้ถึงบางอย่าง ในใจอดพรั่งพรูความซาบซึ้งขึ้นมาไม่ได้

ชายผู้นี้ เขาเป็นคนดีจริงๆ!

“พี่ไป๋ ทำให้ท่านเป็นห่วงแล้ว ข้าสบายดี”

ไม่รอให้ตงฟางไป๋ซักถาม เล่อเหยาเหยาจึงชิงเอ่ยปากขึ้นก่อน เพราะเธอไม่อยากให้ชายหนุ่มที่เห็นเธอดุจน้องสาวกังวลใจ

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ ตงฟางไป๋ที่ยืนอยู่ตรงข้ามเธอ ในที่สุดก็ได้สติกลับมา เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเล่อเหยาเหยานั้นไม่ได้โกหก ใจที่เดิมทีกังวลจึงผ่อนคลายลงในที่สุด

“ไม่เป็นอันใดก็ดีแล้ว ดีแล้ว”

ตงฟางไป๋เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงนั้นราวกับสายลม คมชัดไพเราะ เหมือนลำธารอันอบอุ่น ไหลเข้ามาในใจ ทำให้คนฟังต่างรู้สึกอบอุ่นสบายใจ

ทันใดนั้น ตงฟางไป๋คล้ายฉุกคิดมาได้ จึงเอ่ยปากถามว่า

“เมื่อคืน เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ”

ตงฟางไป๋บุคลิกงามสง่า ใจก็ละเอียดรอบคอบอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะเมื่อเห็นหน้าตามีความสุขดีใจของเล่อเหยาเหยาที่ปิดบังเช่นไรก็ปิดบังไม่ได้ ดังนั้นตงฟางไป๋จึงกล้าเดาว่าเมื่อคืนต้องเกิดเรื่องที่เขาไม่รู้ขึ้นแน่นอน จึงทำให้เล่อเหยาเหยาอารมณ์ดีเช่นนี้

ส่วนเล่อเหยาเหยาหลังได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ ก็ไม่คิดปิดบังเขาอีก ดังนั้นจึงเล่าเรื่องเมื่อคืนให้เขาฟัง

“อะไรนะ อวี๋รู้เรื่องเจ้าคือสตรีแล้ว และเด็กคนนี้ก็เป็นของอวี๋หรือ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋รู้สึกเพียงทั่วร่างกายดุจถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ตะลึงอยู่ตรงนั้น

และใจก็พลันแตกสลาย

เพราะเขาชื่นชอบหญิงสาวตรงหน้านี้ และในใจความจริงก็รู้สึกเห็นแก่ตัวหลายส่วน

เดิมคิดว่า หากอวี๋รู้เรื่องเล่อเหยาเหยาตั้งครรภ์ เล่อเหยาเหยาจะไปจากวังอ๋อง เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะให้เล่อเหยาเหยาอยู่ข้างกายเขา ให้เขาดูแลเธอ

แม้เด็กคนนี้จะไม่ใช่ของเขา แต่เพียงเป็นบุตรของเธอ เขาจะเห็นเป็นเหมือนบุตรของตน รักใคร่ทะนุถนอมมากขึ้น

คิดไม่ถึง เรื่องที่วางแผนไว้กลับเกิดการเปลี่ยนแปลง

นี่สวรรค์เล่นตลก หรือพวกเขาไม่มีวาสนาต่อกัน กันแน่!

พอคิดถึงตรงนี้ ในใจของตงฟางไป๋รู้สึกผิดหวังและเสียใจ

สุดท้ายกลับเปลี่ยนไปยิ้มอย่างขมขื่น

เพราะแม้จะไม่สามารถอยู่ร่วมกันกับเธอได้ ความจริงเขาหวังว่าจะสามารถเห็นเธอมีความสุข

แม้ความสุขของเธอจะมอบให้กับชายอื่น

เล่อเหยาเหยาไม่รู้ความคิดของตงฟางไป๋ จึงเอ่ยถึงเรื่องการวางยาของเหนียนซูหลานที่ถูกหนานกงจวิ้นซีเข้าใจผิดดื่มเข้าไปกับตงฟางไป๋

เพราะหนานกงจวิ้นซีจะพูดเช่นไร ก็คือสหายของตงฟางไป๋ แม้จะเล่าให้เขาฟังก็ไม่มีสิ่งใดเสียหาย

ส่วนตงฟางไป๋หลังฟังคำพูดเล่อเหยาเหยาจบ เพียงขมวดคิ้ว ก่อนเอ่ยถามขึ้น

“กลับมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เช่นนั้นตอนนี้จวิ้นซีอยู่ที่ใด”

“เขาไปตามหาหย่าเอ๋อร์ ไม่รู้ตอนนี้เขาเจอตัวเธอแล้วหรือไม่ และไม่รู้ว่าตอนนี้หย่าเอ๋อร์ทำเรื่องโง่เขลาใดไปหรือไม่”

พอเอ่ยจบ เล่อเหยาเหยากังวลเล็กน้อย

เพราะเธอตอนนี้รู้สึกว่าตนมีความสุข จึงปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขเช่นกัน

แม้เธอจะไม่ชอบหนานกงจวิ้นซี แต่ถงหย่าเอ๋อร์ เธอกลับชื่นชอบจากใจจริง

เพราะในยุคสมัยนี้ หญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเดิมทีมีไม่มาก รวมทั้งหย่าเอ๋อร์นิสัยร่าเริง หลงใหลในตัวหนานกงจวิ้นซี ดังนั้นเธอจึงหวังให้หย่าเอ๋อร์สามารถพิชิตใจหนานกงจวิ้นซี สุดท้ายทั้งสองคนสามารถอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

ขณะเล่อเหยาเหยากังวลใจ คิ้วเข้มน่ามองนั้นก็ค่อยๆ ขมวดมุ่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

จนกระทั่งนิ้วเรียวยาวเย็นเล็กน้อยแตะลงบนหัวคิ้วที่ขมวดของเธอ เล่อเหยาเหยาจึงได้สติ ใบหน้าจิ้มลิ้มตะลึง แววตาแฝงความแปลกใจมองชายหนุ่มชุดขาวที่งามสง่าสุภาพอ่อนโยนตรงหน้าเงียบๆ

สำหรับดวงตาคู่งามที่เต็มไปด้วยความแปลกใจสงสัยของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋เพียงยิ้มมุมปาก

“ตั้งครรภ์มิควรคิดมากเกินไป ตอนนี้สิ่งที่เจ้าต้องทำคือเพียงพักผ่อนให้ดี กินให้อิ่ม นอนหลับให้เพียงพอ ยาบำรุงครรภ์ต้องกินตรงเวลา กลางคืนแม้จะร้อน ก็ห้ามสวมเสื้อน้อยชิ้น เดี๋ยวจะถูกลมเย็นเข้าได้”

ตงฟางไป๋เอ่ยเรื่องที่หญิงตั้งครรภ์ควรระมัดระวังอย่างละเอียด เล่อเหยาเหยารู้ว่าเขาเป็นห่วงตน ในใจก็อบอุ่น แต่ปากกลับตั้งใจพูดอย่างหงุดหงิดขึ้นมาว่า

“พวกท่านแต่ละคนต่างให้ข้ากินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน รู้สึกว่าพวกท่านเห็นข้าเป็นสุกรไปแล้ว”

“ฮ่า ๆ”

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาแสร้งเป็นหงุดหงิด ซุกซนน่ารัก ตงฟางไป๋อดหัวเราะไม่ได้

“เจ้านี่น่ะ”

ตงฟางไป๋ยิ้มอย่างจนใจ มือใหญ่ที่ลูบไล้หัวคิ้วของเล่อเหยาเหยา เปลี่ยนมาผลักที่หน้าผากของเล่อเหยาเหยาอย่างเบามือ แววตาเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู

เมื่อถูกตงฟางไป๋ผลักเบาๆ ที่หน้าผาก เห็นรอยยิ้มงามสง่าของเขา รอยยิ้มนั้นงดงามน่าหลงใหลดุจในบทกวีและภาพวาด งดงามกระทั่งพระจันทร์ถูกบดบังเลือนหายไป

เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น ดวงตาคู่งามอดหรี่ลงบางส่วนไม่ได้

ยังคงเป็นชายหนุ่มที่โดดเด่นเหนือยุคจริงๆ! นิสัยแสนดี ไม่รู้ต่อไปหญิงสาวผู้ใดจะโชคดีได้รับความรักจากเขา

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ ตงฟางไป๋พูดคุยกับเธออีกหลายประโยค ทว่าไม่ใช่เรื่องอื่นเพียงให้เธอดูแลบำรุงครรภ์อย่างเชื่อฟังพวกนั้น

สุดท้ายเล่อเหยาเหยาเหนื่อยล้า ง่วงนอน จนอดหาวออกมาไม่ได้

ตงฟางไป๋เห็นเช่นนั้น ก็ไม่อยากรบกวนเวลานอนของเธอจึงพลันขอตัวจากไป

จนกระทั่งเงาร่างของตงฟางไป๋ค่อยๆ หายลับไปจากสายตา เล่อเหยาเหยาจึงเบือนสายตากลับมาอย่างอาลัยอาวรณ์ จากนั้นก็กลับไปพักผ่อนที่ห้อง

ทว่าเธอไม่ได้กลับห้องพักตน แต่เป็นห้องของเหลิ่งจวิ้นอวี๋

ไม่รู้เหตุใด เห็นชัดว่าเธอแยกห่างจากเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม แต่เธอกลับเริ่มคิดถึงเขาเสียแล้ว

ช่วงเวลาที่ไม่มีเขา ในใจเธอรู้สึกโหวงเหวง คล้ายกับหัวใจที่ครบสมบูรณ์ ขาดหายไปส่วนหนึ่ง

ดังนั้นฝีเท้าที่จะกลับไปยังห้องตนพลันเปลี่ยนแปลง ก่อนผลักเปิดประตูห้องของชายหนุ่ม ค่อยๆ เข้าไป

เมื่อนอนลงบนเตียงขนาดใหญ่สีขาวดำให้ความรู้สึกหนาวเหน็บ จมูกได้กลิ่นอำพันทะเลที่คุ้นเคยนั้นเข้ามา เล่อเหยาเหยาที่ใจโหวงเหวง ค่อยๆ ถูกเติมเต็มขึ้นมาไม่น้อย

สุดท้ายเล่อเหยาเหยาที่เหนื่อยล้า หลังนอนลงบนเตียงขนาดใหญ่เต็มไปด้วยกลิ่นอำพันทะเลนั้น ค่อยๆ จมดิ่งสู่ห้วงความฝันไป

เล่อเหยาเหยาหลับไปนานโดยไม่รู้ตัว เพราะเธอรู้เพียงหลังตื่นนอน ไม่รู้หลับไปนานเพียงใด สมองยังคงมึนงง ไม่สามารถขบคิดได้

ดังนั้นเมื่อเธอลืมตาขึ้น เห็นชายหนุ่มที่ไม่รู้ปรากฎตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดนอนกอดเธออยู่ หลังตะลึงหลายนาทีจึงได้สติกลับมา

“เอ๊ะ”

อวี๋เขากลับมาตั้งแต่เมื่อใด!

เล่อเหยาเหยาสงสัยในใจ ทว่าเธอกลับไม่ได้เอ่ยปากซักถาม เพราะเธอกลัวจะรบกวนชายหนุ่มที่กำลังกอดเธออยู่

เพราะชายหนุ่มตอนนี้ดูคล้ายเหนื่อยล้ามากจริงๆ!

กระทั่งเธอตื่นขึ้นมา ก็ไม่รู้สึกตัว

อาจเพราะเรื่องงานในราชสำนักของเขาหนักหนาเกินไป

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดปวดใจแทนชายหนุ่มไม่ได้

แม้ในสายตาคนนอก ชายผู้นี้จะคาบกุญแจทองมาเกิด พอเกิดมามีอำนาจเงินทองให้เสพสุขไม่สิ้นสุด

แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า ชีวิตของเขาลำบากทุกข์ทรมานเช่นกัน

เพราะทุกครั้งเล่อเหยาเหยาต่างเห็นชายหนุ่มเปิดไฟอ่านหนังสือจนถึงเที่ยงคืนตีสาม

สมุดพับบนโต๊ะหนังสือของเขา ก็ถูกวางเรียงกองกันดุจภูเขาลูกย่อมๆ

ทุกครั้งที่เห็นเขาสนใจดูสมุดพับ เล่อเหยาเหยาต่างสังเกตถึงสีหน้าจริงจัง หนักแน่นของเขา

นี่ก็แสดงออกว่าความจริงเขาเป็นคนดีที่รักราษฎรดุจบุตรหลานของตน!