บทที่ 139 บารมีเทพเทียมฟ้า
เจี่ยจิ้งอานได้เห็นเฉินโม่ใช้สายฟ้าออกมาอีกครั้ง ก็ยอมแพ้ทั้งกายใจ พูดชื่นชมเสียงดังว่า “เฉินไต้ซือมีบารมีเทพเทียมฟ้า มือเดียวก็กำจัดวิญญาณหยินได้ ช่างเป็นดั่งเทพฟ้าร้องลงมาจุติจริงๆ !”
เจ้าสัวทั้งหลายก็กลัวๆ สายตาที่มองเฉินโม่ก็ตกใจ ในสายตาของคนธรรมดาอย่างพวกเขา เคยเห็นคนถือสายฟ้าในมือที่ไหนกัน? มันน่ากลัวกว่าวิญญาณหยินพวกนั้นเสียอีก!
ตอนนี้เจ้าสัวทั้งหลายก็เคารพเฉินโม่ เหมือนเป็นเทพคนหนึ่ง!
เฉินโม่ก็กวาดสายตามองไปยังตัวของสวีตงฮ่านที่กำลังจะหนีไป แล้วพูดเบาๆ ว่า “เถ้าแก่สวี เงินผม50ล้านลืมแล้วหรือ?”
สวีตงฮ่านก็หยุดฝีเท้าลงทันที สองขาสั่นๆ หันตัวมา แล้วก็โค้งตัวด้วยความเคารพ ยิ้มหน้าระรื่นพูดว่า “คำสั่งของเฉินไต้ซือผมมีหรือจะกล้าลืม เดี๋ยวผมจะกลับไปเตรียมให้เฉินไต้ซือเดี๋ยวนี้เลย!”
พูดจบ สวีตงฮ่านก็เตรียมจะหนี เฉินซงจื่อก็ตะโกนไปว่า “หยุดเดี๋ยวนี้!”
สวีตงฮ่านก็ต้องหยุด โน้มตัวยืนอยู่ที่เดิม ยิ้มหน้าระรื่นประจบเอาใจ
เฉินโม่พูดนิ่งๆ ว่า “ผมจำได้ว่าครั้งก่อนผมบอกกับคุณว่า ถ้าเงิน50ล้านยังไม่โอนเข้ามาบัญชีผม ผมจะเอาชีวิตคุณ!”
สวีตงฮ่านตกใจกลัวจนขาอ่อนแรง ลงไปนั่งกับพื้น “เฉินไต้ซือ ผมผิดไปแล้ว เดิมทีผมเตรียมจะโอนเงินให้คุณแล้ว แต่ไอ้ชิวอู๋มิ่งมันมาข่มขู่ผม ไม่เกี่ยวกับผมเลยนะ!ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะ เดี๋ยวผมรีบไปโอนเงินให้เลย ให้สองเท่าเลย!”
ขอเพียงมีชีวิตกลับไปเมืองหรู่เหอ ต่อให้ต้องคืนเงินสองเท่าก็แค่100ล้านเอง ถึงแม้จะเสียดาย แต่สวีตงฮ่านก็ยอมเสียได้
เฉินโม่ส่ายหัว “สายไปแล้ว ผมเคยให้โอกาสคุณไปแล้ว แต่คุณไม่เห็นค่ามันเอง ซงจื่อ ฆ่าเขาเสีย!”
เฉินโม่พูดนิ่งๆ ราวกับพูดถึงเรื่องที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่พอไปในหูของคนอื่นๆ กลับรู้สึกขนลุก
เฉินโม่ก็เหมือนปากวาจาสิทธิ์ คำพูดเดียวชี้เป็นชี้ตายได้!
สวีตงฮ่านกลัวมาก โขกหัวขอร้องไม่หยุด “เฉินไต้ซือ ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ ขอโอกาสใหผมอีกสักครั้งเถอะ ผมไม่กล้าแล้ว”
เฉินโม่หันหลัง สีหนิ้นิ่งๆ ไม่มีความรู้สึกใดๆ
“เหอะ ถ้าจะโทษก็โทษตัวเองเถอะ นายน้อยได้ให้โอกาสมึงแล้ว แต่มึงไม่เห็นค่ามันเอง ไปตายเสียเถอะ!”
เฉินซงจื่อพูดจบ ก็ต่อบไปที่ขมับของสวีตงฮ่าน
ตุบ!
สวีตงฮ่านก็สมองเละออกมา ตายคาที่
“แหวะ!”
เจ้าสัวทั้งหลายก็อาเจียนกันออกมา ถึงแม้ในมือคนพวกนี้จะเคยฆ่าชีวิตคนกันมาแล้ว แต่ก็ล้วนเป็นการสั่งลูกน้องอยู่เบื้องหลัง ไม่เคยเห็นเลือดที่อุจาดตาแบบนี้มาก่อน
เฉินโม่กวาดมองทุกคน แล้วพูดนิ่งๆ ว่า “ผมทำแบบนี้ พวกคุณยอมไหม?”
ทุกคนไหนเลยจะกล้าไม่ยอม ทุกคนหมอบลงพื้น ตะโกนเสียงดังว่า “เฉินไต้ซือบารมีเทพเทียมฟ้า พวกเรายอมศิโรราบ!”
ซังซังก็มีสีหน้าทั้งเคารพและหวั่นเกรง เอียนชิงเฉิงก็ตาเป็นประกาย
คำเดียวกำหนดเป็นตาย คนเดียวเอาชนะทุกสรรพสิ่ง บารมีแบบนี้ ถามว่าในโกลนี้ จะมีใครสู้ได้อีก?
มองดูตัวของเฉินโม่ เอียนชิงเฉิงก็เผยความระทึกออกมาเป็นครั้งแรก
“ถ้าสักวัน ฉันมีพลังแบบนี้ ชีวิตของฉัน จะยังมีใครมากำหนดได้อีก?”
เฉินโม่ใบหน้าไร้อารมณ์ มองเฉินซงจื่อพูดไปว่า “ไปเก็บหินหยกปากว้าอันนั้นมา ผมจะเอาไปใช้”
“ครับ!” เฉินซงจื่อเดินเข้าไป แล้วเก็บหินหยกปากว้าบนโต๊ะมา จากนั้นก็กลับมายืนด้านหลังเฉินโม่อย่างมีมารยาท
เฉินโม่มองเจ้าสัวทุกคน “สวีตงฮ่านได้ตายไปแล้ว กลุ่มอิทธิพลของเขาใครจะเป็นคนรับช่วง?”
คำพูดนี้ ทำให้เจ้าสัวทั้งหลายใจเต้นไม่น้อย สวีตงฮ่านยิ่งใหญ่ในหรู่เหอ ถ้าหากว่ารับช่วงอิทธิพลในพื้นที่เขามาได้ บวกกับกำลังของตนเอง ก็เพียงพอที่ครอบครองทั้งครึ่งมณฑลฮ่านหยางแล้ว
เจี่ยจิ้งอานรีบพูดมาว่า “เฉินไต้ซือ คุณเป็นแขกคนสำคัญที่ผมเชิญมา เรื่องดีแบบนี้ น่าจะคิดถึงผมเป็นคนแรกนะครับ!”
เฉินโม่พยักหน้า “ให้คุณก็ได้!”
เจี่ยจิ้งอานได้ยินดังนั้น ก็ดีใจขึ้นมาทันที