บทที่ 140
“แต่ว่า ผมมีข้อแม้” เฉินโม่พูดต่อ “ผมต้องการทรัพย์สินของสวีตงฮ่านครึ่งหนึ่ง!”
ทีนี้ เจี่ยจิ้งอานยิ้มไม่ออก ถึงแม้สวีตงฮ่านจะตายไปแล้ว แต่ลูกน้องคนสนิทของเขายังมีอีกมาก ต่อให้เจี่ยจิ้งอานสามารถครอบครองอำนาจของสวีตงฮ่านทั้งหมดได้ ก็ต้องแลกอะไรไปไม่น้อยเหมือนกัน
แต่ว่า หลังจากชดใช้ไปแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้กลับมีครึ่งเดียว จะให้รับได้อย่างไรกัน?
พอเห็นว่าเจี่ยจิ้งอานลังเล เฉินโม่ก็ทำตาหยีพูดว่า “เถ้าแก่เจี่ย มีความเห็นอะไรหรือเปล่า?”
เจี่ยจิ้งอานก็ตกใจ เฉินโม่ฆ่าไปสองคนรวด บารมีค้ำฟ้า ต่อให้เขาไม่ได้ผิดต่อเฉินโม่ ก็ยังกลัวว่าเฉินโม่จะมาฆ่าตนเองเหมือนกัน
“เปล่าครับ ไม่มีครับ ผมยินยอมรับช่วงต่อเอง” ถึงแม้ทรัพย์สินของสวีตงฮ่านจะแบ่งครึ่ง แต่เจี่ยจิ้งอานก็ยังได้กำไร ยังดีกว่าการไปหาเรื่องเฉินโม่ แล้วถูกฆ่าตายคาที่เยอะเลย
เฉินโม่พยักหน้า “ผมไม่เอาเปรียบคุณ ไม่เอาทรัพย์สินครึ่งนั้นฟรีๆ หรอก ต่อไปกิจการทุกอย่างของเถ้าแก่เจี่ย ผมจะคอยช่วยปกป้องเอง”
เจี่ยจิ้งอานก็มีสีหน้าดีใจ แล้วคำนับเฉินโม่พูดว่า “ขอบคุณครับเฉินไต้ซือ!”
คำนี้ของเฉินโม่ เท่ากับรับเถ้าแก่เจี่ยเป็นลูกน้อง ต่อไปพอเจอคู่ต่อสู้ที่จัดการยาก ก็สามารถมาเชิญเฉินโม่ให้ออกไปรับหน้าได้
เจี่ยจิ้งอานตื่นเต้นมาก ถ้ารู้แต่แรกว่าเฉินโม่จะยอมปกป้องตนเองแบบนี้ ต่อให้ต้องยกทรัพย์สินของสวีตงฮ่านให้ทั้งหมด เขาเองก็ยินยอม!
“ได้กำไรเยอะเลยทีนี้!” เจี่ยจิ้งอานยิ้มหน้าบาน
เจ้าสัวที่เหลือ ก็มองเจี่ยจิ้งอาน ล้วนเผยสีหน้าอิจฉากันทั้งนั้น ต่อให้พวกเขาจะมีเงินมีอำนาจแค่ไหน แต่สุดท้ายก็เป็นแค่คนธรรมดา ถ้าหากว่ามียอดฝีมืออย่างเฉินโม่คอยช่วยเหลือ อำนาจของพวกเขาก็เพียงพอที่เป็นใหญ่ได้ทั้งฮ่านหยาง
ฉินเยว่ซานเจ้าสัวแห่งหลินอานก็คุกเข่าลงพื้น พูดสรรเสริญเฉินโม่ว่า “เฉินไต้ซือ ผมฉินเยว่ซานแห่งอานหลิน ยอมสวามิภักต่อคุณ หวังว่าเฉินไต้ซือจะช่วยดูแล!”
คำพูดนี้ของฉินเยว่ซาน ทำให้เจ้าสัวที่เหลืออึ้งไป
ฉินเยว่ซานคนนี้ฉลาดมาก ถ้าหากว่าเจี่ยจิ้งอานถูกเฉินโม่ปกป้อง ต่อไปใครจะกล้าเป็นศัตรูกับเจี่ยจิ้งอาน คงต้องรอเจี่ยจิ้งอานกลืนกินพื้นที่ของตนเองเท่านั้น
ถ้าหากว่าทุกคนล้วนมีเฉินโม่คอยดูแล อย่างนั้นเจี่ยจิ้งอานก็ไม่กล้าวางอำนาจ
ฟางปู้ถงเศรษฐีอันดับหนึ่งของชิ่งหยางก็คุกเข่าลงเหมือนกัน พูดเสียงดังว่า “ฟางปู้ถงแห่งชิ่งหยาง ก็ยอมสวามิภักดิ์ต่อเฉินไต้ซือ ขอให้เฉินไต้ซือช่วยดูแลด้วย!”
เจ้าสัวอีกสองคนก็ทำแบบนี้เหมือนกัน ประกาศว่าจะยอมอยู่ใต้อานัตของเฉินโม่
สุดท้าย ก็เหลือเพียงเซวียเชียนเหอ เขาอายุใกล้จะ60แล้ว จะให้เขามาคุกเข่าให้กับวัยรุ่นที่รุนราวคราวเดียวกับหลานชายตนเอง เขาทำไม่ลง
แต่ว่า ถ้าหากไม่ยอม อย่างนั้นเซวียเชียนเหอก็จะกลายเป็นเป้าหมายของทุกคนทันที เกรงว่าอำนาจของไม่นานก็จะถูกกลืนกินไปหมด
สุดท้าย เซวียเชียนเหอก็ต้องยอมคุกเข่าลง แล้วพูดอย่างอับอายว่า “เซวียเชียนเหอแห่งหนานหลิง ยอมสวามิภักดิ์ต่อเฉินไต้ซือ ขอให้เฉินไต้ซือช่วยดูแลด้วย!”
ด้วยเหตุนี้ เจ้าสัวทั้งหลายในห้อง ก็ล้วนยอมจำนนต่อเฉินโม่
ซังซังก็อึ้งหน้านิ่ง สายตาที่มองเฉินโม่ ก็ยิ่งเคารพมากกว่าเดิม
เฉินซงจื่อก็มีใบหน้าภูมิใจ เฉินโม่ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไร ตำแหน่งของเขาก็สูงตามไปด้วย ตอนนี้ในใจของเขาเฉินโม่ก็เหมือนเทพมาจุติ ต่อให้เฉินโม่จะสั่งให้เขาไปตาย เขาก็ยินยอมโดยไม่ขมวดคิ้วแม้แต่นิดเดียว
เฉินโม่ยืนในห้อง เอามือไพล่หลัง มองทุกคนนิ่งๆ อย่างไร้อารมณ์
“ในเมื่อทุกคนยอมจำนนต่อผม อย่างนั้นต่อไปผมก็จะดูแลทุกคนเอง แต่ว่า ถ้าผมพบว่ามีใครแกล้งทำเป็นยอมจำนนล่ะก็ ก็อย่ามาโทษว่าผมโหดเหี้ยมก็แล้วกัน!”
เฉินโม่พูดเสียงเบามาก แต่ที่ทุกคนได้ยินมันเหมือนเป็นมีดที่แขวนอยู่บนหัว ถ้าพวกเขามีใจคิดเป็นอื่นล่ะก็ ดาบเล่มนี้ก็พร้อมจะเอาชีวิตของเขาได้ตลอดเวลา!