ตอนที่ 225 คนทำชั่วได้ชั่ว สมรสพระราชทาน (3)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

“ตอนนี้ท่านแม่กำลังโกรธจึงไม่เหมาะที่จะพูดคุยเรื่องนี้ ท่านแม่ไปพักผ่อนก่อนเถอะ” เหยาหย่วนจือพูดพลางเหยียดกายลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก

“เจ้า!” ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งชี้แผ่นหลังเหยาหย่วนจือ นางโกรธจนมือไม้สั่นแล้วมองบุตรชายออกประตูไป พลันหันไปใช้มือกวาดอุปกรณ์ชงชาบนโต๊ะให้ร่วงกระจายบนพื้น

คืนนั้นฮูหยินผู้เฒ่าซ่งล้มโต๊ะอาหารมื้อค่ำต่อหน้าบุตรสะใภ้และหลานสะใภ้ สบถว่าอกตัญญู หลังจากสบถอย่างเกรี้ยวกราดเสร็จก็เข้าไปพักผ่อน น้ำสักหยดก็ไม่ดื่ม

หวางฮูหยินและหนิงซื่อยืนฟังคำด่าทออย่างเชื่อฟัง พอเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเข้าไปยังเรือนนอนก็สั่งให้เก็บกวาดถ้วยชามและอาหารที่กระจัดกระจายบนพื้นพร้อมกำชับเหล่าสาวใช้และผัวจื่อว่าหากมีเรื่องอะไรให้รีบมารายงาน หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับเรือนตัวเอง

หลังจากเหยาเยี่ยนอวี่อาบน้ำเสร็จก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่ใส่สบายพลางเอนตัวบนตั่งไม้ นางดื่มรังนกตุ๋นที่เฝิงหมัวมัวทำพลางฟังคำพูดแผ่วเบาของชุ่ยเวย “ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงเข้าข้างตระกูลซ่ง แค่ครั้งนี้นายท่านกลับถกเถียงกับฮูหยินผู้เฒ่า ช่างเป็นสิ่งที่ทำให้คนคาดคิดไม่ถึงจริงๆ”

“ต่อให้เป็นพระโพธิสัตว์ก็คงจะขุ่นเคืองใจอยู่บ้าง” เหยาเยี่ยนอวี่ดื่มรังนกตุ๋นคำสุดท้ายแล้วยื่นถ้วยไป “ซ่งเหยียนชิงรังแกคนอื่นเกินไปจริงๆ”

“กล่าวถูกเจ้าค่ะ กล้ามาคิดร้ายกับคุณหนู จิตใจอำมหิตไร้คุณธรรม!” ชุ่ยเวยก่นด่าด้วยความเคียดแค้น

เหยาเยี่ยนอวี่เปรยขึ้น “จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังคิดไม่ออก เหตุใดเชวี่ยหวาถึงร่วมมือกันลอบทำร้ายข้า นี่มีผลประโยชน์อะไรสำหรับนาง”

เหยาเยี่ยนอวี่เอาน้ำชามาบ้วนปากพลางลุกขึ้นและเข้าเรือนไป แต่ตอนนอนอยู่บนเตียงกลับไม่รู้สึกง่วง เรื่องวันนี้ช่างอันตรายเกินไป ตอนนี้มานึกย้อนดูแล้วรู้สึกหวาดผวายิ่งนัก

เดิมทีนางแค่อยากให้ชุ่ยเวยวางยาซ่งเหยียนชิงเพื่อให้เขาทนทุกข์ทรมานเล่นๆ ทว่าคิดไม่ถึงว่าคนเหล่านี้จะแผนสูง ตนไม่ป้องกันไม่ได้

การแก่งแย่งชิงดีภายในเรือนในมักจะเป็นเรื่องที่สร้างสถานการณ์จับชู้โดยบังเอิญเพื่อทำร้ายชื่อเสียงของคนอื่น พอนึกถึงบทเสวนาของเหยาเชวี่ยหวาและซ่งเหยียนชิงตอนอยู่ในดงไผ่วันนั้นก็คาดเดาเรื่องที่จะเกิดได้แล้ว

เหยาเยี่ยนอวี่ครุ่นคิด ไหนๆ ก็เป็นเช่นนี้ ตนเองก็ต้องเตรียมตัวเพื่อกันไม่ให้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดจะดีกว่า นางรู้สึกว่าแค่เหยาเชวี่ยหวาและจื่อหลิงเพียงสองคน ซ้ำยังอยู่ในจวนของผู้อื่น คงไม่อาจหาญทำการใดออกมาได้อยู่แล้ว แค่ไม่ต้องปล่อยให้นางมีโอกาสก็พอ

ทว่าใครจะไปนึกถึงว่าเหยาเชวี่ยหวากลับดื้อรั้นเช่นนี้จริง ๆนางไม่มีทางส่งสารให้จื่อหลิงแล้ว ทว่ายังกล้าหลอกล่อตนเองไปในสถานที่เงียบสงัด อีกทั้งยังหลบเลี่ยงไปหลบอยู่ในสุขา นี่คงอยากจะรอให้ซ่งเหยียนชิงบังเอิญเจอตนเองแล้วทำอะไรกับตนเองกระนั้นหรือ

สุดท้ายก็จนปัญญาจริงๆ เหยาเยี่ยนอวี่ถึงต้องเดินหมากล้อมตัวนี้ หลังจากกลับมาก็ให้หมัวมัวคิดหาวิธีไปค้นตัวจื่อหลิงเพื่อหาผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นให้เจอ

วันนี้พอนึกดูแล้ว การเดินหมากล้อมนี้แม้จะอันตรายทว่าก็เดินได้ถูกต้องแล้ว

นางเปลืองสมองครุ่นคิดการแสดงละครตบตาในครั้งนี้แล้วยังแสดงละครอย่างยากลำบากไปทั้งวัน จนถึงตอนนี้ ทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างราบรื่น ทว่ากลับทำให้รู้สึกเศร้ารันทด

เหยาเยี่ยนอวี่นอนลงบนเตียงแล้วพลิกตัวไปมา ภายในใจคิดอยากออกจากจวนแห่งนี้ ที่แห่งนี้นางไม่อยากอยู่ต่อแม้แต่วันเดียว

วันถัดไป จิ้งหนานปั๋วฮูหยินนำของกำนัลมาขอโทษถึงจวน

เหยาหย่วนอ้างว่ามีธุระทางราชการ หวางซื่อปิดประตูไม่รับแขกเพราะป่วยไข้จึงมอบหมายให้หนิงซื่อจัดการ

หนิงซื่อบอกว่าตนเองเป็นเพียงรุ่นผู้เยาว์ เรื่องบางอย่างก็ไม่รู้ความตั้งแต่แรก แค่ชวนจิ้งหนานปั๋วฮูหยินจิบชาไปสักพักแล้วสั่งให้คนไปถามฮูหยินผู้เฒ่า

ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งครุ่นคิดมาทั้งคืนตอนนี้ก็ได้สติกลับมาบ้าง พอนึกถึงเรื่องที่ซ่งเหยียนชิงทำก็เกินไปจริงๆ! อีกทั้งเหยาเชวี่ยหวายังเป็นบุตรีอนุภรรยาที่ให้กำเนิดโดยเมียบ่าว ไม่มีความสามารถใดๆ มีเพียงโฉมหน้าที่งดงามเท่านั้น คิดว่านางคงไม่ได้รับความสำคัญพอ ออกเรือนไปก็คงช่วยงานอะไรตระกูลซ่งไม่ได้ อย่างไรคนที่นางโปรดปรานยังคงเป็นหลานสาวคนรองที่มีความสามารถทางการแพทย์ อีกทั้งยังได้รับการอำนวยพรจากจวนเจิ้นกั๋วกง!

ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งรู้สึกโกรธเคืองที่มีหลานชายไม่ได้เรื่องคนนี้จึงทำแผนการอันดีงามของตนต้องพังพินาศ!

พอได้ยินว่าหลานสะใภ้มาเยือน ฮูหยินซ่งตอบตกลงให้เข้าพบ หนิงซื่อทำได้เพียงพาจิ้งหนานปั๋วฮูหยินไปเรือนหนิงรุ่ย

ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งพบหน้าจิ้นหนานปั๋วฮูหยินต้องดุด่านางบ้างเป็นเรื่องธรรมดา หนิงซื่อฟังแล้วรู้ความจึงหาข้ออ้างออกมาเพื่อให้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งและจิ้นหนานปั๋วฮูหยินมีเวลาส่วนตัวให้กับการพูดคุยเรื่องน่าอับอายพวกนี้

เหยาเยี่ยนอวี่หลับไม่สบายทั้งคืน เช้าตรู่ตอนตื่นนอนจึงรู้สึกสดชื่น

ส่วนเหยาเหยียนอี้เองก็ยังคงรู้สึกขุ่นเคืองใจจนไม่อยากอยู่ในจวน จึงบอกให้เสวี่ยเหลียนมาบอกว่าจะพานางไปบ้านนาที่ชนบท

เหยาเยี่ยนอวี่เปลี่ยนชุดบุรุษและออกไปทางประตูข้างสวนบุษบาอีกครั้ง นั่งรถม้ามุ่งหน้าไปยังบ้านนากับเหยาเหยียนอี้

บนรถม้า เหยาเหยียนอี้เห็นเหยาเยี่ยนอวี่ขอบตาดำคล้ำเล็กน้อยจึงเอ่ยถาม “เมื่อคืนหลับไม่เต็มอิ่มหรือ”

“จะหลับเต็มอิ่มได้อย่างไรเจ้าคะ” เหยาเยี่ยนอวี่พิงอยู่บนรถม้าใบหน้าไม่สบอารมณ์

“อย่าโกรธเลย ยังดีเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้า” เหยาเหยียนอี้ทำได้เพียงปลอบโยนน้องสาว

“อืม” เหยาเยี่ยนอวี่ตอบกลับ ภายในใจกลับคิดเรื่องอื่น เรื่องนี้นางคิดมาหนึ่งคืนแล้วรู้สึกว่าสุดท้ายก็ยังต้องบอกกับพี่รองคนนี้ เหตุเพราะจนถึงตอนนี้ ผู้ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันกับตนเองมากที่สุดก็คือเหยาเหยียนอี้

ตอนที่รถม้าเปลี่ยนทิศบนถนนเส้นหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังนอกเมือง เหยาเยี่ยนอวี่เลิกม่านมองไปข้างนอกแล้วเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “วันนี้เหตุใดจึงไม่มีใครมาคอยคุ้มกันให้พวกเราเลย”

เหยาเหยียนอี้พลันยิ้มแล้วยกมือดีดหน้าผากเหยาเยี่ยนอวี่ทันทีพร้อมพูดขึ้น “มีข้าปกป้องเจ้ายังไม่พอหรือ เจ้ายังคิดถึงใครอีก”

เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้ยิ้ม กลับทำสีหน้าเคร่งขรึมพลางเอ่ยถามเหยาเหยียนอี้ “พี่รอง ท่านว่าข้าแต่งงานกับเว่ยจางดีหรือไม่”

เหยาเหยียนอี้นิ่งงันไปชั่วขณะพลางมองหน้าเหยาเยี่ยนอวี่ ผ่านไปสักพักก็ไม่เอ่ยพูดสิ่งใด

“คนทั้งจวนข้าคงพูดความในใจกับพี่รองได้เพียงคนเดียว เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ข้ารู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก” สีหน้าของเหยาเยี่ยนอวี่ซีดเซียว ดวงหน้าดูเหม่อลอยเล็กน้อย ดูท่าทางของนางแล้วน่าสงสารยิ่งนัก

เหยาเหยียนอี้ถอนหายใจพลางขมวดคิ้ว ละสายตาไปทางอื่น

ผ่านไปสักพักเหยาเหยียนอี้จึงตบมือของเหยาเยี่ยนอวี่แล้วพูดขึ้น “มีอะไรน่ากลัวเล่า อย่างไรท่านพ่อก็เป็นถึงขุนนางใหญ่ขั้นที่สอง พี่ใหญ่และข้าก็ไม่ใช่คนตาบอดและไม่ใช่คนโง่ หากแม้แต่น้องสาวยังปกป้องไม่ได้ พวกเรายังถือว่าเป็นบุรุษไหม”

เหยาเยี่ยนอวี่เงียบ นางน้ำตาคลอ คำพูดเหล่านี้ของเหยาเหยียนอี้ทำให้นางซาบซึ้งใจยิ่งนัก

“แม่ทัพเว่ยก็โปรดปรานเจ้าจากใจจริง เรื่องนี้ข้ามองออกตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่เจิ้นกั๋วกงสู่ขอเจ้ากับท่านพ่อ ข้าก็ยังรู้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก น้องสาวของข้าได้รับการโปรดปรานจากแม่ทัพคนโปรดของเจิ้นกั๋วกง ข้าที่เป็นพี่ชายก็รู้สึกปลื้มปริ่มมาก”

เหยาเหยียนอี้พูดไปก็หันมามองเหยาเยี่ยนอวี่พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ทว่าตอนนั้นท่านพ่อไม่ได้ตอบตกลง หลังจากนั้นข้าก็ดึงสติกลับมาได้ แม่ทัพเว่ยไม่เหมือนแม่ทัพคนอื่น เขาไม่มีตระกูลคอยคุ้มครอง แล้วยังไม่มีพี่น้องคอยช่วยเหลือ อีกทั้งมองจากสถานการณ์ในตอนนี้ หากชายแดนเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น เขายังต้องพาทหารไปออกรบ เจ้าแต่งงานกับคนเช่นนี้ อนาคตอาจจะไม่มีชีวิตที่ดีก็ได้”