ตอนที่ 226 คนทำชั่วได้ชั่ว สมรสพระราชทาน (4)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

“เรื่องในอนาคตใครจะคาดเดาได้ ข้าแค่ขอให้เขาทำดีกับข้าในตอนนี้ก็พอแล้ว อีกอย่าง หากงานสมรสของข้ายังคงยืดเยื้อต่อไป อาจจะถูกผู้อื่นเล่นงานก็ได้” เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจพลางหลับตาและพิงอยู่บนผนังรถม้า

สุดท้ายเหยาเหยียนอี้ก็ใจร้ายกับนางไม่ลง ถึงแม้นางจะเป็นเพียงน้องสาวที่เป็นบุตรีอนุภรรยา ทว่าช่วงเวลาที่ไปมาหาสู่กับนางนี้เขาก็มองออกว่าเหยาเยี่ยนอวี่เป็นคนอย่างไร นางไม่เคยคิดร้ายกับใคร สำหรับเรื่องตำรับสูตรปรุงยา วัตถุดิบสมุนไพรสองชนิดนั้น อีกทั้งความไว้วางใจของฮ่องเต้ที่มีต่อนาง นางก็แบ่งผลพลอยได้ให้ตนเองทั้งหมดโดยไม่ปิดบังอะไร ตอนถามนางอะไรก็ตอบตามตรง นางไม่เคยขออะไรมาก ตนบอกว่าจะแบ่งให้นางเท่าใดนางก็รับเท่านั้น ไม่เคยโลภมากไม่รู้จักพอ

น้องสาวที่ไม่แก่งแย่งชิงดีและไม่โลภมากควรค่าที่จะได้รับความรักใคร่จากเขาที่เป็นพี่ชายที่ให้กำเนิดโดยภรรยาเอกคนนี้

“ได้ หากเจ้าคิดใคร่ครวญดีแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะไปบอกท่านพ่อ” เหยาเหยียนอี้ตบมือเหยาเยี่ยนอวี่พร้อมรับคำเบาๆ

“พี่รอง” เหยาเยี่ยนอวี่เปรยด้วยเสียงแผ่วเบา “ขอบคุณท่านจริงๆ”

เหยาเหยียนอี้ยิ้มจางๆ “กับพี่ชายตัวเองแท้ๆ แล้วยังพูดอะไรเช่นนี้อีกหรือ”

รถม้าเดินทางไปถึงบ้านนา ตอนลงรถม้า เหยาเยี่ยนอวี่คาดคิดไม่ถึงว่าเว่ยจางกลับมาถึงก่อนแล้ว เหตุเพราะคำพูดเหล่านั้นที่คุยกับเหยาเหยียนอี้ตอนอยู่บนรถม้าเมื่อครู่ ตอนนี้เมื่อได้เจอกันคนๆ นี้ ดวงหน้าของคุณหนูเหยาเริ่มแดงขึ้นมาเล็กน้อย

เหยาเหยียนอี้กลับไม่สนใจอะไร หลังจากลงรถม้าก็กล่าวทักทายแม่ทัพเว่ยตามปกติ ครั้งนี้ถังเซียวอี้ก็อยู่ พอเห็นเหยาเยี่ยนอวี่สวมใส่ชุดบุรุษจึงประสานมือคารวะด้วยรอยยิ้มเบิกบานพร้อมขานเรียก “คุณชายสาม”

เว่ยจางมองสีหน้ากระวนกระวายของเหยาเยี่ยนอวี่ ภายในใจก็ได้ตั้งคำถามแต่เนิ่นๆ แล้ว เพียงแค่ตอนนี้ยังไม่สะดวกที่จะมากความ

พวกเขาเข้าไปในบ้านนา ไปดูกระบวนการแปรรูปวัตถุดิบสมุนไพรก่อน เหยาเยี่ยนอวี่เลือกสมุนไพรบางส่วนที่เสียจากการแปรรูปออกมาแล้วเรียกทุกคนที่กำลังยุ่งกับงานมารวมตัวกันพร้อมกันเพื่อกำชับข้อควรระวัง เหยาเหยียนอี้ก็ตวาดเพื่อย้ำเตือนอีกครั้งถึงจะพาเหยาเยี่ยนอวี่ไปดื่มชาตรงศาลา

อากาศในปลายเดือนสี่เป็นช่วงที่ฝนตกมากในเจียงหนานพอดี

ระหว่างที่พูดคุย ฝนก็ตกอีกครั้ง เหยาเหยียนอี้มองวัตถุดิบสมุนไพรที่ยังไม่ได้ผ่านการแปรรูปจึงขมวดคิ้วพลางร้องอุทาน หากสองสามวันนี้ฝนตก อย่างนั้นยาสมุนไพรคงจะได้รับความเสียหายไปมาก

โดยเฉพาะหญ้าห้ามเลือดที่ต้องย้ายออกมาตากแดดในวันที่ฝนตกก็ต้องย้ายเข้าไปเก็บไว้ในเรือน บางครั้งหากฝนตกลงมากะทันหันแล้วไม่ทันเก็บก็อาจจะทำให้สมุนไพรเปียกฝนเล็กน้อย หากเก็บเข้าไปในเรือนแล้วไม่ได้คลี่และแยกตากสมุนไพร ผ่านไปสองวันก็คงเน่าเสีย

ทว่านี่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมิอาจฝืนชะตาที่ฟ้ากำหนดได้

เหยาเยี่ยนอวี่กลับยืนอยู่ใต้ชายคาพลางมองหยาดฝนที่โปรยลงมาอย่างเหม่อลอย พร้อมกับครุ่นคิดว่าหากใช้กระจกมาทำเป็นหลังคาแล้วดัดแปลงให้กลายเป็นบ้านเรือนกระจกจะคุ้มค่าหรือไม่

กระจกป้องกันความชื้นและโปร่งแสง ตามหลักแล้วเป็นวัสดุที่ไม่เลว แต่จะแตกง่าย หากมีลูกเห็บขนาดใหญ่ตกลงมาก็จะลำบากหน่อย อีกทั้งราคายังสูงลิ่ว…

“เยี่ยนอวี่” เหยาเหยียนอี้ชงชาเสร็จแล้วเทน้ำชาแบ่งให้คนที่นั่งอยู่คนละถ้วย

“อืม” เหยาเยี่ยนอวี่หันกลับมาแล้วนั่งลงตรงหน้าโต๊ะที่มีถ้วยชาวางเต็มไปหมด จากนั้นก็ยกถ้วยชาของตนมาจิบช้าๆ

ถังเซียวอี้เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูเหยาคิดสิ่งใดอยู่ถึงได้เหม่อลอยเช่นนี้”

“ไม่มีอะไร” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจาง ไม่คิดจะพูดความคิดไร้สาระออกมาเรื่อยเปื่อยอยู่แล้ว

เหยาเหยียนอี้มองนางเพียงชั่วพริบตาแล้วพูดขึ้น “หากว่าเจ้าเหนื่อยแล้วก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ในเรือนฝั่งโน้นมีตั่งไม้อยู่”

“อืม เจ้าค่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่รู้ว่าเหยาเหยียนอี้จะคุยเรื่องงานสมรสของตนกับเว่ยจาง ดังนั้นจึงเหยียดกายลุกขึ้นอย่างเชื่อฟัง พยักหน้าให้เว่ยจางและถังเซียวอี้พร้อมหันหลังเดินจากไป

“พี่เหยานี่กำลังทำอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้ทุกคนอยู่บนเรือก็ไม่ได้ทำตามกฎระเบียบอย่างเข้มงวดมากเช่นนี้หรือเปล่า” ถังเซียวอี้มองฮูหยินในอนาคตของท่านแม่ทัพจากไปพลันขมวดคิ้ว แสดงท่าทีไม่พอใจออกมา

“เมื่อคืนนางนอนหลับไม่สนิท” ไม่เห็นขอบตาที่ดำคล้ำของนางหรือ เว่ยจางชำเลืองมองถังเซียวอี้เพียงพริบตาเดียว

“อ้อ” รองแม่ทัพถังลูบคาง เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นจริงๆ

เหยาเหยียนอี้รินน้ำชาให้ทั้งสองอีกครั้ง ทั้งสามคนพูดคุยเล่นกันไปสักพักจึงถามขึ้น “แม่ทัพเว่ย ตอนนั้นเรื่องที่เจิ้นกั๋วกงสู่ขอน้องสาวกับท่านพ่อของข้า ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพคิดอย่างไร”

เว่ยจางได้ยินคำพูดนี้ออกมา ภายในใจตะลึงงันก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงพูดเสียงเรียบ “ความหมายของเจิ้นกั๋วกงก็คือความหมายของข้า”

“อย่างนั้นตอนนี้ล่ะ ความคิดของท่านแม่ทัพแปรเปลี่ยนไปแล้วหรือไม่”

เว่ยจางเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ไม่เปลี่ยนแปลง ข้าก็ยังรอคอยคำตอบ”

“เช่นนั้นก็ดี” เหยาเหยียนอี้พยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”

จนถึงตอนนี้ เว่ยจางก็รู้ในความหมายคร่าวๆ ของเหยาเหยียนอี้

เขากำลังลองเชิงและกำลังทำความแน่ใจ

เหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้ นี่เกี่ยวข้องกับเหยาเยี่ยนอวี่หรือไม่

หรือว่านางตอบตกลงแล้ว

พอนึกแบบนี้ เว่ยจางก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมาจากอก เขาอยากตะโกนเสียงดังออกมาพลางหัวเราะร่วน

ทว่าท่านแม่ทัพคือใคร เป็นจอมวางแผนที่มีความอดทน เป็นชายแท้ที่มีนิสัยดื้อดึง

เว่ยจางครุ่นคิดเงียบงันครู่หนึ่งแล้วเอ่ยด้วยท่าทางที่นิ่งเฉยดุจผืนน้ำ “ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ทรงตรัสแล้ว หากบิดาของท่านตอบตกลงในงานสมรสนี้ ข้าจะกราบทูลฮ่องเต้พระราชทานสมรส”

“พระราชทานสมรส?!” เหยาเหยียนอี้สะดุ้งตกใจ เรื่องงานสมรสของน้องสาวกลับทำให้ฮ่องเต้สะดุดพระทัยเลยหรือ

“นฮ่องเต้ตรัสว่าจะให้ข้าหลวงเหยาได้รับเกียรติครั้งนี้ด้วย”

“ดี” เหยาเหยียนอี้ยกยิ้มแล้วตบบ่าหนึ่งทีพร้อมเปรยขึ้น “นี่เป็นเรื่องดีจริงๆ”

เว่ยจางจ้องหน้าเหยาเหยียนอี้ไว้แล้วค่อยๆ พูดขึ้น “เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะส่งสาส์นเข้าวังหลวงอย่างเร่งด่วนเพื่อทราบทูลฮ่องเต้ทรงพระราชทานงานสมรส”

เหยาเหยียนอี้ยิ้มอย่างร่าเริง “คืนนี้ข้าจะไปเกลี้ยกล่อมท่านพ่อให้เขาเห็นชอบกับงานสมรสนี้”

ขณะที่ฝนตกในศาลาเล็กๆ ขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นต่างจับถ้วยชาเครื่องเคลือบมาชนกันเบาๆ พร้อมยิ้มอย่างตื้นตันใจ

เหยาเยี่ยนอวี่ฟังเสียงฝนพรำพลางหลับใหลไป การนอนครั้งนี้กลับหลับสบายอย่างน่าแปลก ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกทีฟ้าก็มืดมัวลงแล้ว

“ชุ่ยเวย?” เหยาเยี่ยนอวี่ดึงผ้าห่มผืนบางบนเรือนร่างออกและขยี้ตาพลางลุกขึ้นนั่ง

“คุณหนูตื่นแล้วหรือ” ชุ่ยเวยรีบเดินเข้ามาเลิกมุ้งขึ้นพร้อมเอาชุดคลุมมาทาบบนไหล่ของเหยาเยี่ยนอวี่

เหยาเยี่ยนอวี่จามอีกครั้งแล้วเอ่ยถามอย่างเกียจคร้าน “นี่ยามใด แล้วฟ้ามืดแล้วหรือ”

“เจ้าค่ะ เพราะฝนตกฟ้าจึงมืดเร็ว นี่ก็เพิ่งยามเซินเท่านั้น”

“ข้านอนไปนานขนาดนี้เลยหรือ พี่รองล่ะ”

“คุณชายรองอยู่ด้านหน้าเจ้าค่ะ หากคุณหนูเหนื่อยก็พักแรมที่นี่หนึ่งคืนค่อยกลับจวนก็ได้เจ้าค่ะ”

“ไม่ต้องแล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหัว ภายในใจคิดว่า ในจวนเกิดเรื่องพวกนั้นขึ้น หากตนยังค้างแรมข้างนอก ฮูหยินผู้เฒ่าคงสติวิปลาสแน่นอน

เหยาเยี่ยนอวี่ให้สาวใช้สองคนรีบเก็บกวาดเรือนให้เรียบร้อย จากนั้นก็กางร่มกระดาษมันเพื่อเดินไปหาเหยาเหยียนอี้