ตอนที่ 227 คนทำชั่วได้ชั่ว สมรสพระราชทาน (5)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

ขณะที่เหยาเหยียนอี้กำลังเสวนากับพ่อบ้าน เว่ยจางกลับยืนอยู่บนพื้นกระเบื้องหินกาบใต้ชายคา เขาเหม่อมองน้ำกระเซ็นเป็นฝอย เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจึงหันไปมอง เห็นว่าเป็นเหยาเยี่ยนอวี่ เขาก็ชะงักสายตาลงทันที

เหยาเยี่ยนอวี่ชะงักฝีเท้า จากนั้นก้าวเดินไปด้านหน้าสองก้าว ยืนอยู่ตรงหน้าเขา

เว่ยจางมองนางอย่างเงียบงันครู่หนึ่ง ยิ้มบางเบากะทันหันพลางยกมือลูบหน้าผากของนาง

“อื้ม?” เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“น้ำฝน” เว่ยจางขยับนิ้วมือพร้อมเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ดีขึ้นหรือยัง”

“ดีขึ้นมากแล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า นิ่งเงียบสักพักพร้อมเอ่ยถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “คำพูดของเจ้าล้วนเป็นความจริงหรือ”

“แน่นอนสิ” เว่ยจางเลิกคิ้วคมเข้มขึ้น นัยน์ตาทอประกายความดื้อรั้น “ข้าจะคืนคำได้อย่างไร”

“เช่นนั้นก็ดี” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า แววตาที่ค่อนข้างลังเลในตอนแรกเวลานี้ค่อยๆ นิ่งสงบลง

ใต้ชายคาระเบียงอันมืดสลัว ทว่าเขากลับเห็นสีหน้าที่แทบจะมองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรบนดวงหน้าของนางอย่างชัดเจน ขณะที่เสียงฝนพรำดังขึ้นข้างหู นางกลับเหมือนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของเขา

เหตุเพราะฝนตก ตอนกลับจากบ้านนาเข้าเมือง เหยาเหยียนอี้ยังคงนั่งรถม้า เว่ยจางและถังเซียวอี้เป็นกองกำลังทหารต้องไม่มีทางนั่งรถม้าอยู่แล้ว บนเรือนร่างของทุกคนต่างปกคลุมด้วยชุดเคลือบน้ำมัน ศีรษะสวมหมวกทรงกรวยไว้

หลังจากกลับเข้ามาในเมือง เว่ยจางและถังเซียวอี้กลับโรงเตี๊ยมเจียงหนิง ส่วนเหยาเหยียนอี้พาน้องสาวกลับบ้าน ยังคงเข้าจวนโดยประตูทิศตะวันตกแล้วเลาะจากหลังสวนพฤกษากลับเรือนของตน ตอนที่เหยาเหยียนอี้เพิ่งเข้าประตูก็รู้สึกว่าบรรยากาศผิดปกติจึงเอ่ยถามขึ้น “นายหญิงของพวกเจ้าล่ะ”

“นายหญิงไปหาฮูหยินเจ้าค่ะ” จินหวนถอดเสื้อคลุมให้เหยาเหยียนอี้แล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมที่ใส่ในเรือน

“มีเรื่องอะไร” เหยาเหยียนอี้ใส่เสื้อพลางเอ่ยถาม “เหตุใดข้าถึงมองว่าพวกเจ้าดูผิดปกติ”

“คุณชายใหญ่ซ่งป่วยเจ้าค่ะ” จินหวนพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“ป่วย?” เหยาเหยียนอี้แสยะยิ้มเล็กน้อย “ป่วยก็ดีสิ” ทางที่ดีที่สุดก็ป่วยตายไปเลย

จินหวนเห็นเหยาเหยียนอี้ยิ้มจึงอดยิ้มตามไม่ได้ พร้อมกับกระซิบข้างหูเหยาเหยียนอี้ “ได้ยินมาว่าเป็นโรคเช่นนั้น”

“โรคเช่นนั้นอะไรของเจ้าเล่า พูดให้มันชัดเจนหน่อยไม่ได้หรือ” เหยาเหยียนอี้ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ เขาเกลียดสตรีพูดจาเช่นนี้ที่สุด

“โรคติดต่อจากการเสพสังวาสเจ้าค่ะ” จินหวนกดเสียงต่ำ เป็นเสียงที่ได้ยินเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น

“อะไรนะ!” เหยาเหยียนอี้แค่นเสียงออกมา “เรื่องจริงหรือโกหก?”

“ได้ยินคนอื่นเล่าลือเช่นนี้ สำหรับเป็นความจริงหรือไม่มีเพียงหมอเท่านั้นที่ทราบเจ้าค่ะ” จินหวนเม้มปากมองเหยาเหยียนอี้ แววตาฉายแววแห่งความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น

“ไปเชิญหมอมาจากที่ใด” เหยาเหยียนอี้พูดอย่างจริงจัง โรคนี้ไม่ใช่เล่นๆ ทำให้ถึงขั้นสิ้นใจได้! อีกอย่าง…เหมือนจะเป็นโรคติดต่ออีกด้วย? แล้วเชวี่ยหวาเหมือนจะถูกเจ้าสัตว์เดรัจฉานคนนี้…คงไม่เป็นเช่นไรใช่ไหม”

“นี่บ่าวก็ไม่ทราบแล้วเจ้าค่ะ เมื่อครู่ตอนไปเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าบังเอิญได้ยินคนเหล่านั้นซุบซิบกัน ฮูหยินผู้เฒ่าร้องไห้พลางสบถไปครึ่งค่อนวัน อ้อใช่แล้ว…ฮูหยินผู้เฒ่ายังตามตัวคุณหนูรองไปพบเจ้าค่ะ”

“ตามคุณหนูรองไปทำอะไร!” เหยาเหยียนอี้ถลึงตาทันที

“บ่าวจะทราบได้อย่างไร!” จินหวนถูกความโมโหที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของเหยาเหยียนอี้ทำให้สะดุ้งตกใจ นางจึงหุบยิ้มพลางถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าวด้วยความเคารพทันที

เหยาเหยียนอี้สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินไปด้านนอก ขณะที่เดินอยู่ก็ขานเรียกเสวี่ยเหลียน เวลานี้ฮูหยินผู้เฒ่าตามตัวเหยาเยี่ยนอวี่ไปพบก็คงอยากให้นางรักษาโรคให้ไอ้สารเลวนั่น!

เสวี่ยเหลียนรับคำพลางวิ่งตามไป เหยาเหยียนอี้สั่งการด้วยเสียงเข้ม “เจ้าไปหาคุณหนูรองบอกว่าเป็นคำสั่งของข้า วันนี้ตากฝนให้พักผ่อนดีๆ ห้ามเดินเพ่นพ่านไปทั่ว”

“อ๊ะ เจ้าค่ะ” เสวี่ยนเหลียนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านายท่านกำลังหมายถึงสิ่งใด ทว่าก็ไม่กล้าชักช้า หลังจากรับคำก็วิ่งออกไปด้านนอกทันที แม้แต่ร่มยังไม่ทันกาง

จินหวนเดินตามออกไป หลังได้ยินคำพูดของเหยาเหยียนอี้ก็เข้าใจทันที เลยอดถอนหายใจพร้อมกับพร่ำบ่นในใจไม่ได้ คุณชายรองปกป้องคุณหนูรองขนาดนี้เลยหรือ ทว่าก็ใช่ ว่าไปแล้วฮูหยินผู้เฒ่าก็ทำเกินไปจริงๆ จนถึงเวลานี้ในใจยังคงคิดถึงแต่ครอบครัวผู้ให้กำเนิดตน หรือว่าหลานสาวไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตน?

เสวี่ยเหลียนวิ่งไปถึงเรือนเหยาเยี่ยนอวี่ หลังจากเข้าประตูก็ไม่ทันรอให้สาวใช้เข้าไปส่งสาร พุ่งเข้าไปในเรือนนอนของเหยาเยี่ยนอวี่ทันที

เหยาเยี่ยนอวี่ที่อยู่ด้านในเพิ่งจะถอดชุดบุรุษออก ไม่ตงกำลังเอารองเท้าคู่เปียกเดินออกมาด้านนอก เกือบจะชนกับเสวี่ยเหลียน

“เป็นอะไรของเจ้า เหตุใดถึงผิดปกติเช่นนี้” ชุ่ยเวยขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

“คุณชายรองสั่งให้บ่าวมาบอก คุณหนูเพิ่งจะตากฝนมา เกรงว่าจะสะท้านหนาว จึงให้พักผ่อนในเรือนดีๆ อย่าเดินเพ่นพ่านไปทั่วเจ้าค่ะ” เสวี่ยเหลียนพูดพลางพักหายใจไปด้วยจนจบพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางนั่งลงบนธรณีประตู “ไอโยว วิ่งจนข้าปวดท้องเลย”

เหยาเยี่ยนอวี่นิ่งงัน พี่รองสั่งให้เสวี่ยเหลียนรีบมาส่งสารเช่นนี้เป็นเพราะอะไรกัน

มีความคิดบางอย่างผุดออกมาในใจ เหยาเยี่ยนอวี่เข้าใจขึ้นมาทันที ดังนั้นหันไปมองชุ่ยเวย

ชุ่ยเวยถูกเหยาเยี่ยนอวี่ชำเลืองมองเพียงพริบตา หลังจากนิ่งงันไปสักพักถึงจะสั่งสาวใช้ที่อยู่ด้านนอก “คุณหนูตากฝนมา เกรงว่าจะสะท้านหนาว รีบไปเอาน้ำขิงร้อนๆ มาเสียที!”

ไม่ตงที่อยู่ด้านนอกจึงรับคำพลางหันหลังจากไป

เสวี่ยเหลียนยิ้มอย่างขมขื่น “มีเรื่องเพียงเท่านี้ คุณหนูพักผ่อนดีๆ เถอะเจ้าค่ะ บ่าวขออำลาก่อน”

“ลำบากเจ้าแล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่มองเสวี่ยเหลียนออกไปแล้วยกมือถอดชุดคลุมที่กำลังจะไปเข้าเฝ้าฮูหยินผู้เฒ่าและสวมใส่แค่ชุดผ้าไหมสีนวลจันทร์พลางหันหลังขึ้นเตียงนอน

นางเพิ่งจะห่มผ้าเสร็จ ด้านนอกก็มีเสียงเอ่ยถามดังขึ้น “คุณหนูรองกลับมาแล้วหรือ”

เฝิงหมัวมัวขานรับ “กลับมาแล้ว เอ๊ะ พี่สะใภ้จ้าว นี่เหตุใดท่านถึงมาเยือนเอง ด้านนอกฝนตกหนักขนาดนี้ มีเรื่องอะไรก็ให้สาวใช้มาส่งสารก็พอสิ!”

ไม่ตงที่อยู่ด้านนอกพลันรับคำแล้วเดินจากไปแล้ว

จ้าวหมัวมัวเป็นคนของฮูหยินผู้เฒ่า เหยาเยี่ยนอวี่มองชุ่ยเวยเพียงพริบตาเดียว ชุ่ยเวยก็รีบเอาผ้าเช็ดหน้าวางบนหน้าผากของเหยาเยี่ยนอวี่

“ฮูหยินผู้เฒ่ามีธุระจึงอยากเชิญคุณหนูไปเข้าพบ กลัวว่าสาวใช้มาส่งสารก็คงจะไม่รู้ความ” จ้าวหมัวมัวพูดไปจึงเข้าไปในเรือนของเหยาเยี่ยนอวี่ พอเห็นเหยาเยี่ยนอวี่นอนอยู่บนเตียงเลยนิ่งงันไปทันทีแล้วรีบเอ่ยถาม “คุณหนูไม่ใช่ว่าออกไปข้างนอกหรือ เหตุใดเพิ่งกลับมาก็กลายเป็นสภาพเช่นนี้แล้ว”

เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างประหม่า จ้าวหมัวมัวส่ายหัวพลางถอนหายใจ “ฮูหยินผู้เฒ่ายังบอกว่าจะให้คุณหนูไปเข้าพบหน่อยเจ้าค่ะ”

“ไม่รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่ามีเรื่องเร่งด่วนอะไร” เหยาเยี่ยนอวี่พูดไปพลางกระแอมไปสองที

“ไม่ว่าธุระจะสำคัญเพียงใดก็เทียบไม่ได้กับร่างกายของคุณหนูเจ้าค่ะ บ่าวกลับไปบอกฮูหยินผู้เฒ่ารอให้พรุ่งนี้คุณหนูดีขึ้นค่อยว่ากันเจ้าค่ะ คุณหนูพักผ่อนดีๆ ทางที่ดีที่สุดก็ตามหมอมาดูอาการหน่อยเถอะเจ้าค่ะ” จ้าวหมัวมัวพูดไปก็ค้อมตัวลงพลางถอยออกไป

เหยาเยี่ยนอวี่รีบสั่งการชุ่ยเวย “ส่งหมัวมัว”

ชุ่ยเวยลุกขึ้นพลางส่งจ้าวหมัวมัวออกจากเรือนอย่างเกรงอกเกรงใจ

ในเรือนจิ้งรุ่ยของฮูหยินเฒ่า นอกจากเหยาหย่วนจือก็ยังมีหนิงซื่อและเหยาเหยียนอี้ที่อยู่ที่นี่ เหยาเหยียนอี้พูดอย่างโมโห “โรคโสมมเยี่ยงนี้จะให้น้องรองดูอาการได้อย่างไร!”