“ใครกล้าแตะต้องตัวเขา ห้ามศพข้าไปก่อน”

กู้ชูหน่วนตะโกนออกมาด้วยความโกรธและรัศมีความโหดร้ายก็แผ่ออกมา

นางอายุยังน้อย แต่ความแข็งแกร่งนั้นดูทรงพลัง โดยเฉพาะสายตาคู่นั้นที่อยู่นอกผ้าคลุมหน้าซึ่งดูเย็นชาและน่าเกรงขาม

ทุกคนต่างพากันตัวสั่นไหวอย่างอธิบายไม่ถูก

ช่างดูทรงพลังแข็งแกร่งอย่างมาก

ผู้หญิงคนนี้ไม่มีทักษะฝีมือทางด้านการต่อสู้เลยจริงๆ อย่างนั้นหรือ?

ทำไมพวกเขาถึงรู้สึกว่าจิตวิญญาณของพวกเขาต่างกำลังสั่นคลอน?

ไม่รู้ว่าอาจารย์ซั่งกวนปรากฏตัวออกมาตอนไหนและเสียงใสราวกับสายน้ำบริสุทธิ์ของเขาก็เปล่งออกมาช้าๆ

“ในเมื่อเยี่ยเฟิงปรากฏตัวออกมาแล้ว เช่นนั้นก็ให้เขาชี้แจงเรื่องทั้งหมดให้กระจ่าง แม้ว่าเขาจะเป็นฆาตรกร สำนักศึกษาของเราก็ต้องให้โอกาสเขาในการอธิบายออกมา”

อาจารย์ซั่งกวนมีตำแหน่งสูงในสำนักศึกษานี้ คำพูดที่เขาพูดออกมานั้น ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่มีใครกล้าหักหน้าเขา

“เจ้ามีเรื่องที่ต้องทำไม่ใช่หรือ? กลับมาทำไมล่ะ?” กู้ชูหน่วนถาม

เยี่ยเฟิงไม่สนใจสายตาของทุกคนที่กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่อดไม่ได้อยากกำจัดเขาไป แต่เขาพูดออกมาด้วยเสียงเรียบ “จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่สำนักศึกษาได้ เทียบดูแล้วมันง่ายกว่าเรื่องที่ข้าต้องไปจัดการมาก ข้าก็เลยมาที่นี่ก่อน”

กู้ชูหน่วนสบตากับเยี่ยเฟิงและยิ้มให้กันและกัน

คำพูดบางคำ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมา

พวกเขาสามารถคาดเดาความรู้สึกของกันและกันได้

กู้ชูหน่วนเข้าใจเป็นอย่างดี

เยี่ยเฟิงจะต้องรู้อย่างแน่นอนถึงเรื่องที่นางกำหนดระยะเวลาสามวันกับสำนักศึกษาและกลัวว่านางจะถูกคนในสำนักศึกษาเล่นงาน ดังนั้นเขาจึงยอมหันหลังกลับมาที่วำนักศึกษาหลวงนี้

“เยี่ยเฟิง เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้ฆ่าหัวหน้าสำนักศึกษา เจ้ามีหลักฐานอะไรเพื่อพิสูจน์ว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนลงมือหรือไม่?”

“ข้าไม่มีหลักฐานอะไร แต่ข้าเยี่ยเฟิง มีจิตสำนึกที่ชัดเจน”

“เชอะ มีจิตสำนึกที่ชัดเจนอะไรกัน เจ้าก็แค่พูดไม่ออกเท่านั้น” หลี่เหิงพูดออกมาด้วยความโกรธ

กู้ชูหน่วนยกกำปั้นขึ้น ดวงตาที่เย็นชาของนางหรี่ลงเล็กน้อย “ข้าดูแล้วเจ้ายังต้องการลิ้มรสกำปั้นของข้าอยู่”

หลี่เหิงหดคอของเขาและถอยหลังไปสองสามก้าว

อาจารย์ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกโมโหขึ้นเรื่อยๆ

คิดว่าสำนักศึกษาหลวงที่ยิ่งใหญ่นี้ไม่สามารถจัดการกู้ชูหน่วนได้เลยหรือ? ทำไมถึงไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาเช่นนี้นะ ช่างหยิ่งผยองพองขนเสียเหลือเกิน

ในขณะที่เขากำลังจะอ้าปากเพื่อสั่งสอน กู้ชูหน่วนก็ขัดจังหวะเขา

“มือซ้ายของเยี่ยเฟิงเคยได้รับบาดเจ็บจนกระดูกหัก แค่การดีดฉินยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขา นับประสาอะไรที่จะใช้มือซ้ายเพื่อฆ่าคน? ข้าเชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ตรงนี้และรู้ทักษะทางด้านการรักษา หากพวกเจ้าไม่เชื่อ ก็สามารถดูมือซ้ายของเขาได้”

เหล่าอาจารย์ต่างจ้องหน้ากัน

ในที่สุดท่านผู้เฒ่าเฉินก็เดินออกมา

“ข้ารู้ทักษะทางด้านการแพทย์เล็กน้อย ไม่เช่นนั้นให้ข้าตรวจดูเถอะ”

เยี่ยเฟิงขมวดคิ้วและจ้องมองไปที่กู้ชูหน่วนอย่างสงสัย

บนร่างกายของเขามีบาดแผลจำนวนมาก

หากให้ท่านผู้เฒ่าเฉินตรวจสอบ เช่นนั้นก็เป็นการเปิดเผยความจริงที่เขามีบาดแผลเต็มตัวน่ะสิ?

กู้ชูหน่วนส่งสายตาแสดงถึงความเชื่อมั่นให้กับเขาและให้เขาวางใจ จากนั้นเยี่ยเฟิงจึงยื่นมือซ้ายของตัวเองออกมา

เมื่อท่านผู้เฒ่าเฉินตรวจสอบชีพจร เขาก็รู้สึกตกใจอย่างมากและมองใบหน้าที่เงียบสงบของเยี่ยเฟิงอย่างตกตะลึง เป็นเวลานานกว่าที่เขาจะเป็นปกติ

“ท่านผู้เฒ่าเฉิน เป็นอย่างไรบ้าง?”

ทุกคนต่างพากันสงสัย

ทำไมเขาถึงตกอกตกใจเช่นนั้น?

หรือว่าเยี่ยเฟิงเป็นคนฆ่าจริงๆ ?

ท่านผู้เฒ่าเฉินพยายามทำให้จิตใจสงบและพูดอย่างเย็นชาว่า “เยี่ยเฟิงไม่ใช่ฆาตกร”