ตอนที่ 353 อธิบายอะไร / ตอนที่ 354 น้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบ

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 353 อธิบายอะไร

 

 

ซูเหิงแกะมือของเฉินเชียนโหรวที่เกาะหนึบอยู่ตรงแขนเขาออกด้วยหัวใจสั่นรัว

 

 

“พี่เหิง พี่เหิง นี่มันเรื่องเข้าใจผิดกันทั้งหมด พี่ต้องฟังฉันอธิบายก่อนนะ!”

 

 

เธอยื้อเขาเอาไว้สุดแรงด้วยความลนลาน ความจนตรอกและร้อนรนผุดขึ้นท่วมใบหน้าซีดจัด

 

 

ซูเหิงค่อยๆ หันหน้ามา ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นมีเพียงแค่ความผิดหวังและห่างเหิน

 

 

“เธอจะอธิบายอะไร อธิบายเรื่องที่ว่าเงาของคนที่ใส่สูทสีเทา ใส่เชิ้ตสีควันบุหรี่นั่นคือเฉินหยินเซิน?

 

 

หรือว่าจะอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมเฉินหยินเซินที่ควรจะอยู่ในห้องเฉินฝานซิงถึงได้ไปโผล่ในห้องของหลินเฟยเฟยได้

 

 

หรือจะบอกว่าทั้งหมดนี่เป็นแผนของหลินเฟยเฟย แต่สุดท้ายก็โง่จนทำตัวเองหลุดเข้าไปในแผนนั้นด้วย แถมยังบ้าไปเรียกให้เธอมาช่วยจับชายชู้อีก

 

 

หรือจะอธิบายว่าทำไมคุณย่าคุณพ่อแล้วก็คุณแม่ของเธอถึงได้รู้ข่าวเรื่องเฉินฝานซิงกับเฉินหยินเซินอยู่ด้วยกันล่วงหน้ากันล่ะ”

 

 

ซูเหิงดูเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด “ฉันหลอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าต้องเชื่อใจเธอ แต่ในคืนนี้…เธอดูน่าสงสัยไปหมด…”

 

 

ใบหน้าเรียวขาวยิ่งดูกังวลและหวาดวิตกเข้าทุกที “ไม่ พี่เหิง พี่เหิง พี่ต้องฟังฉันพูดก่อนนะ มันไม่ใช่แบบนั้น…”

 

 

ซูเหิงค่อยๆ แกะมือที่กอดเขาไว้แน่นออกทีละน้อย “ตอนนี้ฉันไม่อยากฟังอะไรจากปากเธออีกทั้งนั้น”

 

 

พูดจบเขาก็หมุนตัวพร้อมทั้งก้าวยาวๆ จากไป เฉินเชียนโหรวเตรียมจะเดินตามไปอย่างลนลาน แต่สุดท้ายความเจ็บปวดที่เท้าก็รั้งให้เธอถลาลงไปกองกับพื้นในที่สุด

 

 

“พี่เหิง พี่เหิง อย่าไปนะ…”

 

 

เธอนึกว่าซูเหิงจะหยุด จากนั้นก็หันกลับมาด้วยสีหน้าห่วงหาและรีบเข้ามาตระกองกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน

 

 

แต่เปล่าเลย

 

 

“เชียนโหรว!”

 

 

หยางลี่เวยวิ่งเข้าไปประคองเธอเอาไว้ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด

 

 

หากไม่รู้เรื่องราวมาตั้งแต่แรก คำพูดที่ซูเหิงได้ทิ้งไว้เมื่อครู่นั้นก็เพียงพอที่จะไขข้อข้องใจได้ทุกอย่าง

 

 

สีหน้าของเจียงหรงหรงดูแย่เสียจนยากจะหาคำมาบรรยาย สีหน้าของเฉินเต๋อฝานเองในตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นสีเขียว

 

 

 

 

ซูเหิงสาวเท้ายาวๆ ออกไปอย่างไม่คิดจะหยุดฟัง!

 

 

เขาวิ่งออกจากโรงแรมไปอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะหยุดลงที่ใต้ต้นไม้

 

 

เขาอิงกายเข้ากับต้นไม้ แล้วทอดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

 

เสียงจากเครื่องกระจายเสียงเมื่อครู่ยังคงดังขึ้นข้างใบหู

 

 

ที่จริงแล้วผู้เข้าแข่งขันชื่อเฉินฝานซิง เธอไม่ได้อ่อยฉัน แต่เป็นฉันเองที่ขืนใจเธอ!

 

 

เขายังบอกอีกว่าถ้าหากฉัน…ย่ำยีเธอได้สำเร็จละก็ จะให้ฉันเพิ่มอีกห้าแสน!

 

 

 

 

ซูเหิง ฉันไม่ได้ยั่วผู้ชายคนนั้นจริงๆ นะ ฉันหมั้นกับนายแล้ว ต่อให้ไม่ได้รางวัล ฉันก็ไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้น!

 

 

ซูเหิง นายช่วยฉันหาใครสักคนได้ไหม ช่วยฉันตามหาผู้ชายคนนั้นที เขาโกหกจริงๆ นะ!

 

 

ซูเหิงนายเชื่อใจฉันไหม

 

 

ตอนนั้นเธออธิบายทุกสิ่งทุกอย่างกับเขาด้วยความร้อนรนและด้วยสายตาที่ถามหาความเชื่อใจ

 

 

แม้ว่าเขาจะตอบกลับไปว่าเชื่อ แต่ในความเป็นจริงเขาก็อดระแคะระคายไม่ได้อยู่ดี เป็นเวลาเดียวกันกับที่เฉินเชียนโหรวเข้ามาแสดงความมุ่งมั่นให้เขารับฟัง เธอบอกว่าหากเป็นเธอ เธอยอมตายเสียดีกว่าที่จะยอมให้ใครมาแตะต้องเธอ เพราะว่าเธอรักเขา และจะเป็นของเขาแค่คนเดียว

 

 

ความแตกต่างราวฟ้ากับเหวเช่นนั้น ทำให้เขาเผลออ้าแขนรับเฉินเชียนโหรวเข้ามาท่ามกลางความสับสน

 

 

เขาจำได้ว่าตอนนั้นเธอเพิ่งจะอยู่ปีสอง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันยังไม่ถึงวันเกิดปีที่ยี่สิบของเธอเลยด้วยซ้ำ

 

 

สิบเก้าปี…

 

 

ตอนนั้นไม่มีใครเข้าใจว่าเธอหวาดกลัวและจนตรอกมากแค่ไหนนอกจากตัวเธอเอง!

 

 

การสูญเสียผู้เป็นแม่ ไม่ได้นำพามาแค่ความโศกเศร้า ทั้งยังนำพามาซึ่งความสูญเสียที่มหาศาล เพราะสำหรับเธอ การที่สูญเสียแม่ไป สุดท้ายแล้วก็ทำให้เธอต้องสูญเสียครอบครัวเพียงคนเดียวที่พึ่งพาได้ไปในคราเดียวกัน

 

 

ที่จริงแล้วสกุลเฉินก็ไม่เคยจะเป็นที่พึ่งพิงให้เธอเลยสักครั้ง

 

 

เขาสัมผัสได้ถึงความเชื่อใจอันเบาบางที่เธอมีให้กับเขา แต่ว่า…

 

 

ตอนอายุสิบเก้า เธอเกือบโดนข่มขืน…

 

 

 

 

 

ตอนที่ 354 น้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบ

 

 

ทว่าแม้แต่ความไว้ใจที่เป็นสิ่งพื้นฐานที่สุด เขากลับยังไม่มีให้เธอ!

 

 

แม้เพียงความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ จากเขา เธอก็ไม่เคยร้องขอ เธออดทนต่อการดูถูกเหยียดหยามของทุกคน แบกรับรอยด่างพร้อยนั้นมาถึงหกปีเต็มๆ

 

 

แค่นายเชื่อใจฉันก็ดีแล้ว เรื่องนี้เหยียบมันเอาไว้แล้วลืมๆ มันไปซะเถอะ ถึงยังไงฉันก็เป็นคู่หมั้นของนาย เกิดเรื่องมันฉาวออกไปจะเสื่อมเสียชื่อเสียงนายเปล่าๆ!

 

 

ในตอนนั้นที่เธอไม่ซักไซ้อะไรมากนัก แค่เพียงเพราะเธอเชื่อจริงๆ ว่าเขาเชื่อใจเธอ!

 

 

จนถึงขั้นเลือกที่จะแบกรับความเจ็บปวดนั้นไว้เพื่อชื่อเสียงของเขา

 

 

ความปวดร้าวพลันก่อตัวขึ้นราวกับมีใครมาสร้างบาดแผลฉกรรจ์เอาไว้กลางใจ…

 

 

 

 

ที่ห้องของเฉินฝานซิง อวี๋ซงยืนอยู่หน้าห้องของเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

 

 

“คุณผู้ชายครับ เรื่องนี้ผมสืบหามาได้เพียงเท่านี้แหละครับ เพราะตอนนั้นคุณนายเฉินเธอติดสินบนเอาไว้ อีกทั้งวิธีที่สกุลเฉินจัดการเรื่อง…คุณเฉินฝานซิงในตอนนั้นออกจะดูมักง่ายไปนิดหนึ่ง พวกหลักฐานส่วนใหญ่ก็ถูกกำจัดไปไม่น้อย ยากจะค้นเจอในตอนนี้ครับ”

 

 

“ฉันต้องการแค่ผลลัพธ์เท่านั้น” ป๋อจิ่งชวนสีหน้าเคร่งขรึม ความงดงามและไม่แยแสบนใบหน้าไร้ที่ติ ประกอบกับอารมณ์ที่เผยให้เห็นเพียงน้อยนิดบนใบหน้าก็เพียงพอที่จะทำให้ใครต่อใครรู้สึกผวาได้

 

 

“ครับ คุณผู้ชาย”

 

 

อวี๋ซงโน้มตัวลงเคารพเขาอย่างทุกครั้ง

 

 

 

 

เฉินฝานซิงยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าต่าง ภายใต้แสงไฟสีเหลืองนวล เงาไม้ตะคุ่มๆ โยกไหวท่ามกลางความหนาวเหน็บและว่างเปล่า

 

 

เธอปิดตาลงแน่นสนิท ข่มความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง กลืนความฝืดขมลงคอ แล้วเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาสุกสกาวทอดมองออกไปยังที่ที่ไกลสุดสายตาภายใต้ราตรีที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดอย่างล่องลอย

 

 

ใครบางคนโอบกอดเธอเอาไว้จากทางด้านหลัง เป็นอ้อมกอดที่ค่อนข้างเย็นเล็กน้อย ทว่ากลับทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับจากที่ไหนมาก่อน

 

 

แพขนตาเธอสั่นไหวน้อยๆ บัดนี้ความเหน็บหนาวที่เกาะกินในใจได้จางหายไปกว่าครึ่ง

 

 

คนๆ นี้คือความโชคดีในชีวิตของเธอ

 

 

เธอคิด

 

 

เธออิงแอบเข้าหาอ้อมกอดเขาอยู่เช่นนั้น พลางทอดมองออกไปยังความว่างเปล่าสีรัตติกาล พลันสัมผัสได้ถึงความงดงามของความเงียบสงบ

 

 

“ปล่อยให้คุณรู้สึกแย่มาตั้งสิบนาที”

 

 

เสียงทุ้มเปล่งดังขึ้นเหนือศีรษะ เปี่ยมไปด้วยความมีอำนาจและความหวงแหน

 

 

การปลอบโยนที่ดูแข็งทื่อ เงอะงะและเก้ๆ กังๆ ทำให้เธอหลุดขำออกมาเบาๆ

 

 

“เป็นอะไรไป”

 

 

มือที่โอบกอดเธออยู่ผ่อนแรงลงเล็กน้อย

 

 

ความหมองหม่นใจได้มลายหายไปในที่สุด เธอหมุนตัวอยู่ในวงแขนของเขาแล้วเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มรูปงามที่สูงกว่าเธออยู่พอตัว

 

 

“สิบนาทีไม่ทันได้รู้สึกเสียใจหรอก”

 

 

“แต่คุณไม่มีสิทธิ์เสียใจ สิบนาทีก็เสี่ยงเกินไป”

 

 

เธอคลี่ยิ้มแล้วเชิดคางขึ้นมองนัยน์ตาที่สีขาวตัดกับสีดำขลับอย่างชัดเจน เป็นเช่นนั้นอยู่เนิ่นนานกว่าที่เธอจะเอ่ยขึ้น

 

 

“ฉันไม่ได้เสียใจ”

 

 

ความหมองหม่นในดวงตาสีเข้มนั้นค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม เขายกมือเกี่ยวปอยผมของเธอที่หลุดออกมาไปทัดไว้ที่หลังใบหู จากนั้นนิ้วมือของเขายังคงวนเวียนอยู่ตรงแก้ม

 

 

“ต้องแคร์เท่านั้นถึงจะยอมเสียใจ พวกเขา…ไม่คู่ควรสักนิด เศร้าใจเพราะพวกเขา ถือเป็นการลงโทษตัวเอง” พูดจบเธอก็นิ่งไปครู่หนึ่ง เธอดึงมือเขามากุมเอาไว้แล้วจ้องมองเขา จากนั้นเธอก็ขยับปากคล้ายจะพูดแต่ก็ไม่ได้มีคำใดเล็ดลอดออกมา

 

 

“ใครคู่ควร”

 

 

จู่ๆ เขาก็ถามขึ้น ทำเอาเฉินฝานซิงชะงักงัน “คะ?”

 

 

“ใครคู่ควรกับความเสียใจขอบคุณ”

 

 

เฉินฝานซิงชะงักไปก่อน จะมองลงไปในดวงตาสุดลึกล้ำของชายหนุ่ม เธอหรี่ตาเล็กลงแล้วเผยยิ้มขึ้นน้อยๆ “คุณไงคะ”

 

 

สีหน้าเขาดูอ่อนลงเล็กน้อย เขาจุมพิตลงบนหน้าผากของเธออย่างพึงพอใจ “ผมไม่มีวันทำให้คุณเสียใจ”

 

 

เฉินฝานซิงขำขึ้นเสียงแผ่ว “งั้นก็ดี”

 

 

อึดใจเดียวหลังจากนั้น ป๋อจิ่งชวนก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง

 

 

“ผมสงสัยอยู่สองอย่าง”

 

 

เฉินฝานซิงนิ่งเงียบ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

 

 

“ว่ามาสิ”

 

 

“คุณวางยาหลินเฟยเฟยเหรอ”

 

 

“…เปล่า”

 

 

ป๋อจิ่งชวนไม่พูดอะไร เพียงแค่มองเธออยู่เงียบๆ

 

 

เฉินฝานซิงเม้มปากพลางพูดต่อไปว่า “ฉันแค่ใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบ”

 

 

หัวคิ้วเขากระตุกเล็กน้อย เขาจำได้ว่าพวกเขาเพิ่งจะพูดคุยประเด็นนี้กันไปเมื่อวาน

 

 

“เคยได้ยินเรื่องน้ำหอมฟีโรโมนไหม กุหลาบ ลิลลี่ โรสแมรี่ ใช้เป็นวัตถุดิบได้ทั้งหมด มันเป็นยาเร้าอารมณ์ที่ได้มาจากธรรมชาติล้วนๆ” 

 

 

“…”

 

 

เขานิ่งเงียบไม่พูดจา หลังจากที่ตกอยู่ในความเงียบอยู่เนิ่นนานก็พูดขึ้นอีกครั้ง “เอาเข้าจริงคุณก็รู้อะไรเยอะเหมือนกัน”

 

 

“นี่เป็นความรู้พื้นฐานที่สุดของนักปรุงน้ำหอม”

 

 

เขาเงียบไปอีกครั้ง จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่…

 

 

“…มีอีกไหม”