ตอนที่ 355 ไม่อยากถามแล้ว
เขาเงียบไปอีกครั้ง จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่…
“…มีอีกไหม”
“อะไรคะ”
“น้ำมันระเหยกลิ่นกุหลาบ”
“คุณ…คิดจะทำอะไร”
“คุณคิดว่าไงล่ะ”
“…หมดแล้ว”
“…”
“แล้วคุณอยากรู้อะไรอีก”
“ไม่อยากถามแล้ว
“…”
–
เส้นทางกลับบ้านของสกุลเฉินถูกปิดกั้นไปตั้งนานแล้ว บรรดานักข่าวที่ถูกส่งตัวมาโดยสำนักพิมพ์นิตยสารยืนออกันเต็มตรงหน้าประตูคฤหาสน์
เจียงหรงหรงและคนอื่นๆ มีบ้านแต่ไม่อาจกลับเข้าไปได้ จึงทำได้เพียงบึ่งรถกลับเข้าบริษัทไปในยามวิกาล
นักข่าวที่ดักรออยู่หน้าประตูบริษัทเองก็ไม่น้อยไปกว่ากัน
แค่เห็นรถของสกุลเฉินจากที่ไกลๆ ยังไม่ทันจะได้เลี้ยวรถหนี ตัวรถก็ถูกคลื่นนักข่าวปิดล้อมเอาไว้จนไร้หนทาง
เฉินเชียนโหรวมองนักข่าวพวกนั้นด้วยใบหน้าซีดขาว ในคราแรกนั้น พวกเขารู้สึกหวาดกลัวราวอยู่ท่ามกลางฝูงซอมบี้กระหายเลือดเนื้อที่จ้องจะฉีกพวกเขาให้เป็นชิ้นๆ อย่างเลือดเย็น
“คุณเฉินเชียนโหรว เรื่องที่คุณสร้างเรื่องว่าพี่สาวของคุณเล่นชู้กับเฉินหยินเซินในคืนนี้ คุณมีอะไรจะแก้ตัวไหมคะ”
“ประธานเจียง ปีนั้นที่คุณบังคับให้หลานสาวคนโตถอนตัวออกจากการแข่งขัน แต่กลับติดสินบนให้กรรมการเพื่อให้หลานสาวคนเล็กได้ผ่านเข้ารอบ ขอถามหน่อยว่า คุณเฉินฝานซิงเป็นหลานสาวของคุณจริงๆ รึเปล่า แล้วเพราะอะไรคุณถึงได้เลือกปฏิบัติอย่างชัดเจนขนาดนี้!”
“คุณเฉินเชียนโหรวคะ ในเมื่อคืนนี้คุณทำเรื่องแบบนี้ งั้นขอถามหน่อยว่าคนที่จ้างให้เฉินหยินเซินไปข่มขืนคุณเฉินฝานซิงพี่สาวของคุณใช่คุณรึเปล่าคะ!”
เฉินเชียนโหรวหน้าซีดลงอย่างไม่อาจหาสิ่งใดมาเปรียบ
“คุณเฉินเชียนโหรว ประธานเจียง ประธานเฉิน พวกคุณช่วยลงมาอธิบายหน่อยได้ไหมครับ หรือว่าไม่กล้าลงมาเพราะร้อนตัวกันแน่ครับ งั้นผมขอสรุปว่าคุณยอมรับแล้วได้รึเปล่า”
สีหน้าของเจียงหรงหรงอึมครึมอย่างถึงที่สุด เฉินเต๋อฝานกดโทรศัพท์เรียกหาซีเคียวริตี้การ์ด หลังจากที่แหวกดงนักข่าวออกมาได้แล้ว รถก็เคลื่อนตัวมายังห้องใต้ดิน จากนั้นพวกเขาก็รีบพากันขึ้นบริษัทไป
ทุกเนื้อที่บนโลกโซเชียลล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ คนที่นั่นที่เฉินเชียนโหรวหวังจะเรียกให้ไปจับชายชู้ดันแว้งกัดพวกเขาเข้าจนได้ แถมคนมากมายในตอนนั้น บางคนก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วแชร์ลงโซเชียลทันที
อีกทั้งคำสารภาพของเฉินหยินเซินและกรรมการอีกสองคนก็ยังถูกแชร์ว่อนในอินเตอร์เน็ต
ทั้งโลกออนไลน์เต็มไปด้วยคำก่นด่า ชาวเน็ตบางคนถึงขั้นขุดประวัติเน่าเสียของเฉินเชียนโหรวขึ้นมา!
แย่งงานพรีเซนเตอร์จากศิลปินคนอื่นด้วยวิธีสกปรก ใช้สตั้นท์แมนเข้าฉากโหนสลิงกลั่นแกล้งนักเต้นประกอบที่แย่งซีนเธอหลังขึ้นแสดง…
แม้เจียงหรงหรงออกคำสั่งให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์เร่งจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จภายในคืนนั้น แต่ก็ยังไม่อาจต้านทานคลื่นพายุกระหน่ำครั้งนี้ไปได้
การจะทุ่มเงินยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะตอนนี้มันกลายเป็นสิ่งที่สังคมโซเชียลต่างพากันพูดถึงเป็นพาดหัวข่าวในทุกเครื่องมือค้นหาหลักๆ ของประเทศ ทั้งหลุนถาน เทียปา เวยป๋อ ไอเอ็นเอส เป็นต้น และเป็นประเด็นร้อนในทุกๆ แพลตฟอร์มออนไลน์ พวกเขาไม่มีเงินมากพอที่จะไปกลบกระแสที่น่ากลัวนี้ได้
เฉินฝานซิงไม่ได้ยั่วกรรมการ
เฉินฝานซิงล้างมลทินเมื่อหกปีก่อน
จ้างคนข่มขืน เฉินฝานซิงต่างหากคือผู้ถูกกระทำที่แท้จริง
ทุกคนอยู่ในอาการตกใจ พวกเขาพากันขอโทษเฉินฝานซิง แม้จะเสียใจ แต่ก็รู้สึกยินดีอย่างหาที่สุดไม่ได้ เมื่อสุดท้ายมลทินที่ติดตัวเธอมานานถูกชำระล้างไปเสียที
เฉินฝานซิง เฉินเชียนโหรว
เฉินเชียนโหรว สิบเอ็ดรอดอคนปัจจุบัน
เฉินเชียนโหรวไสหัวออกไปจากวงการบันเทิงซะ
แฟนคลับในเวยป๋อของเฉินเชียนโหรวลดฮวบลงจากจากสิบล้านกว่าเหลือเพียงหกล้านกว่า คนที่เหลือเหล่านี้ส่วนใหญ่มีทั้งพวกที่หวังจะเกาะติดตามความเคลื่อนไหวของเฉินเชียนโหรว พวกที่ด่ากราดไปทั่ว และแน่นอนว่าต้องมีพวกที่ยังคงเชื่อใจในตัวเฉินเชียนโหรว!
ภายในห้องทำงานของเจียงหรงหรง เฉินเชียนโหรวนั่งอยู่บนโซฟาเลื่อนปัดหน้าจอโทรศัพท์ไปมาด้วยความร้อนรน
ต่อจากนั้นเธอก็กดโทรหาซูเหิงอีกไม่รู้กี่สายต่อกี่สาย แต่ผลสุดท้ายกลับติดต่อเขาไม่ได้แม้แต่สายเดียว
“คุณย่าคะ พ่อคะ แม่คะ ไม่ใช่หนูจริงๆ นะคะ ไม่ใช่หนูจริงๆ ทุกคนต้องเชื่อหนู…”
“ที่หนูโทรหาทุกคนก่อนเพราะหนูกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับพี่จริงๆ หนูอยากให้ทุกคนมาช่วยกันแก้ปัญหา…”
“หนูไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้…”
ตอนที่ 356 เรื่องพวกนี้…คุณเป็นคนทำ?
เธอนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง นัยน์ตาคู่นั้นฉาบไปด้วยความชั่วร้าย
“การไม่เกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวควรจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุด แต่ทำไมสุดท้ายโชคร้ายถึงได้มาตกอยู่กับพวกเราและหลานอวิ้นล่ะคะ”
หนึ่งประโยคตัดพ้อเปลี่ยนสีหน้าที่เคร่งขรึมก่อนหน้านี้ให้เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ
เธอรู้มาตลอดว่าเฉินฝานซิงชอบตั้งแง่กับเฉินเชียนโหรว ไม่เกิดอะไรขึ้นมันก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ แต่ทำไมสุดท้ายกลับกลายเป็นเฉินเชียนโหรวและหลานอวิ้นที่ต้องมารับผลกรรมอีกครั้ง
ฝีมือของเฉินฝานซิงเธอเองก็เคยเผชิญมาแล้ว จะว่าไปแล้วที่เรื่องมันมาถึงขั้นนี้ก็คงจะเป็นแผนที่เฉินฝานซิงตั้งใจจะให้เป็นเช่นนี้อีกตามเคย!
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้คิดอะไรได้อย่างถี่ถ้วน โทรศัพท์ในห้องทำงานก็ดังขึ้น…
“ประธานเจียงคะ ประธานไห่เซิงหวังโทรมาขอถอนหุ้นค่ะ…ประธานจินเล่อฉีเองก็ต้องการจะถอนหุ้นค่ะ…ประธานฉุนไม่หงเองก็เช่นกันค่ะ…”
โทรศัพท์ยังคงดังขึ้นไม่ขาดสาย หัวใจของเจียงหรงหรงทำงานอย่างหนักหน่วง หลังจากวางสายไปเธอก็ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากอย่างอ่อนแรง
“คุณแม่คะ ไม่เป็นไรใช่ไหม” เมื่อเห็นว่าเจียงหรงหรงมีสภาพอ่อนเพลีย หยางลี่เวยจึงเอ่ยถามด้วยความกังวล
ในตอนนี้ดูเหมือนว่าสกุลเฉินทั้งหมดจะถูกวางไว้ในมือของเจียงหรงหรง ในช่วงเวลาที่ยุ่งเหยิงขนาดนี้ หากว่าเธอเป็นอะไรไปสักคน แล้วจะไม่เละเป็นโจ๊กหรอกหรือ
เจียงหรงหรงทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ ข่มตาลงแน่นด้วยความอ่อนล้า “เราส่งเฉินเชียนโหรวไปต่างประเทศก่อนเถอะ”
ได้ยินดังนั้น เฉินเชียนโหรวก็เบิกตากว้างขึ้นทันที ความตื่นกลัวยิ่งฉายให้เห็นชัดขึ้นบนใบหน้า “ไม่ หนูไม่อยากไปต่างประเทศ! คุณย่าคะ คุณย่าจะเขี่ยหนูทิ้งไปต่างประเทศอย่างที่เคยทำกับพี่เหรอคะ…”
ผู้เป็นย่าลืมตาโพลงขึ้นในทันที ดวงตาขาวเต็มไปด้วยเส้นเลือด “หนีตายไปต่างประเทศก่อน! ไม่งั้นเธอจะตอบสื่อพวกนั้นว่ายังไง!”
เฉินเชียนโหรวหน้าซีดขาว มือคู่นั้นบีบเข้าหากันแน่น ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างหนัก
เธอมองผู้เป็นย่าครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยใบหน้าหมองเศร้าที่อาบไปด้วยน้ำตา
“คุณย่า แม้แต่คุณย่าก็ไม่เชื่อใจหนูเหรอคะ หนูจะไปทำร้ายพี่เขาได้ยังไง จะเป็นไปได้ยังไงกัน…ตอนนี้หลานอวิ้นกำลังเป็นยังไงหนูรู้ดี หลานอวิ้นไม่ได้สำคัญแค่กับย่าคนเดียวนะคะ แต่มันยังเป็นสถานที่ที่เติมเต็มความฝันของหนูด้วย ต่อให้หนูไม่ชอบพี่สาวอีกสักแค่ไหนหนูก็ไม่เสี่ยงเอาศักดิ์ศรีของสกุลเฉินและอนาคตของหลานอวิ้นมาเดิมพันหรอกนะคะคุณย่า…”
เจียงหรงหรงขมวดคิ้วแน่น นัยน์ตาฉายแววครุ่นคิด
หยางลี่เวยเห็นดังนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้น
“ใช่ค่ะคุณแม่ เชียนโหรวพูดถูก นอกจากคุณแม่ ก็มีเธอนี่แหละค่ะที่น่าจะเป็นห่วงหลานอวิ้นมากกว่าใคร เธอจะไปทำเรื่องแบบนั้นให้หลานอวิ้นมีมลทินได้ยังไงล่ะคะ กลับเป็นเฉินฝานซิงซะอีกที่จงเกลียดจงชังพวกเรา ในงานเลี้ยงครบรอบครั้งก่อนคุณแม่ก็ได้เห็นแล้ว เธอจงใจจะไม่ให้พวกเราและหลานอวิ้นได้ลืมตาอ้าปากด้วยซ้ำ!”
เจียงหรงหรงตีคิ้วขมวด ดวงตาหรี่เล็กลง “เลวจริงๆ!”
เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเจียงหรงหรงเริ่มกลับมาคงที่ หยางลี่เวยจึงพูดต่อไปว่า
“คุณแม่คะ ทุกอย่างล้วนมีทางแก้เสมอนะคะ คุณแม่ต้องไม่วู่วาม ฉันคิดว่าเรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้คือเรื่องกองทุนของบริษัท ตอนนี้เป็นเรื่องด่วนมาก พวกเราลองคุยกับเฉินฝานซิงดูสักหน่อยไหมคะ ตอนนี้บริษัทซิงเฉินกั๋วจี้นั่นยึดทำเลทองที่สุดในเมืองผิงเฉิง แถมตอนนี้ราคาในตลาดก็เกือบจะเหยียบหมื่นล้านแล้วด้วย…”
เจียงหรงหรงเค้นหัวเราะเสียงเย็น “ซิงเฉินกั๋วจี้เป็นที่ที่จีเฟิ่งเหมียนยกให้เฉินฝานซิงโดยเฉพาะ วันที่มันมาบ้านสกุลเฉินในวันนั้นมันก็พูดชัดเจนแล้วนี่ ลองคุยกับมันดูงั้นหรอ เธอเห็นว่าฉันตายช้าไปรึไง”
หยางลี่เวยสีหน้าสลด “ตอนนี้เรื่องมันด่วนจริงๆ ฉันก็แค่หาทางแก้…”
เจียงหรงหรงส่ายหน้า “เจ้าเด็กนั่นคงไม่ยอมง่ายๆ ภายในครึ่งชั่วโมงหรอก หลานอวิ้นคงรอไม่ไหว…”
ว่าเสร็จเธอก็นิ่งลงครู่หนึ่ง ก่อนที่จู่ๆ ก็หันไปยังเฉินเชียนโหรว “โหรวเอ๋อร์ ติดต่อซูเหิงได้รึยังลูก”
เฉินเชียนโหรวผงะไป ก่อนจะส่ายหน้า “ยังค่ะ”
เจียงหรงหรงพยักหน้า พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ในเมื่อเรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดกัน เธอก็คุยกับเขาให้เข้าใจ พวกผู้ชายน่ะมักจะทนเห็นผู้หญิงของตัวเองเสียใจไม่ได้หรอกนะ ง้อเขาดีๆ…”
คำว่า ‘ง้อเขาดีๆ’ ที่เอ่ยลงท้ายประโยคนั้นเป็นคำบอกใบ้ที่แฝงไปด้วยความคลุมเครือ ทว่าคนที่เข้าใจก็เข้าใจขึ้นได้ในทันที
เฉินเชียนโหรวกัดริมฝีปากพลางพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะคุณย่า รอให้พี่เหิงหายโกรธก่อน แล้วหนูจะดูว่าสกุลซูพอจะช่วยหลานอวิ้นได้รึเปล่า”
เจียงหรงหรงพยักหน้าอย่างถูกใจ “เธอนี่ฉลาดที่สุด”
–
ณ โรงแรมของวิทยาลัย
เฉินฝานซิงกำลังอ่านข่าวที่ยึดทุกพื้นที่โลกบนอินเตอร์เน็ตในตอนนี้ก่อนจะรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล
พวกนักข่าวเมื่อกี้ล้วนเป็นนักข่าวจากนิตยสารข่าวชื่อดังไม่กี่แห่งที่วิทยาลัยตั้งใจเชิญมา ทว่าข่าวที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตนั้นกลับแทรกซึมไปทั่วทุกที่
เธอหันไปมองป๋อจิ่งชวนที่ยืนอยู่ข้างๆ โดยอัตโนมัติ “เรื่องพวกนี้…คุณเป็นคนทำเหรอ”