ตอนที่ 357 ให้โอกาสคุณได้ชดเชยให้ผม / ตอนที่ 358 เธอ...กลับมาแล้ว

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 357 ให้โอกาสคุณได้ชดเชยให้ผม

 

 

เธอหันไปมองป๋อจิ่งชวนที่ยืนอยู่ข้างๆ โดยอัตโนมัติ “เรื่องพวกนี้…คุณเป็นคนทำเหรอ”

 

 

ป๋อจิ่งชวนหันมองโทรศัพท์เธอหนึ่งครั้งก่อนจะหันกลับมามองเธอ

 

 

คล้ายกับจะหมายความว่า นี่เป็นโอกาสดีที่จะเล่นงานเฉินเชียนโหรวและสกุลเฉินให้สาหัสได้ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ไม่คิดจะทำอะไรเลย

 

 

เฉินฝานซิงเม้มปากแล้วก้มลงมองข่าวบนโลกออนไลน์ที่ยอดชมพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว…

 

 

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการแบนเฉินเชียนโหรว

 

 

เฉินฝานซิงเก็บโทรศัพท์ลง แล้วผ่อนลมหายใจแผ่ว “คุณว่าแบบนี้ จะจัดการเฉินเชียนโหรวได้เหรอ”

 

 

ป๋อจิ่งชวนตอบเรียบๆ “ผมแค่อยากให้ทุกคนได้รับรู้ว่าคุณคือผู้บริสุทธิ์และเป็นคนดีที่สุด แค่นั้นก็พอแล้ว แน่นอนว่าคนที่รังแกคุณผมจะไม่ปล่อยไว้แน่…เรื่องนี้ผมแอบยื่นมือเข้ามายุ่งโดยไม่ได้บอกคุณ แต่หากผมไม่ทำอะไรเลย สุดท้ายคนที่ไม่คู่ควรกับคุณอาจกลายเป็นผมแทน!”

 

 

หัวใจเธอสั่นไหวน้อยๆ นัยน์ตาที่จ้องมองอีกฝ่ายอยู่นั้นอำพรางความตื้นตันเอาไว้ไม่มิด

 

 

“ป๋อจิ่งชวน…” เธอเอ่ยชื่อเขาเสียงแผ่ว

 

 

เขายิ้มน้อยๆ แล้วยกมือขึ้นลูบเส้นผมของเธอ “นี่ประทับใจเหรอ”

 

 

เธอพยักหน้ารับ

 

 

“งั้นคุณก็ยกน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบให้ผมสักขวดสิ”

 

 

เฉินฝานซิงชะงักกึก “มีอย่างที่ไหนล่ะ ทำไมค่าตอบแทนความประทับใจของฉันถึงได้ไร้คุณธรรมสิ้นดี!”

 

 

ป๋อจิ่งชวนครุ่นคิด “สงสัยยังไม่มีน้ำหนักพอ”

 

 

“อะไร”

 

 

เขาไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดว่า

 

 

“เรื่องงานแข่งขันเปียโน เป็นอันว่าได้ข้อสรุปแล้ว ยินดีกับผมซะสิ”

 

 

เธอเลิกคิ้วขึ้นสูง “ตรรกะไหนของคุณเนี่ย คุณต้องเป็นฝ่ายยินดีกับฉันไม่ใช่เหรอ”

 

 

“ก็ไม่ใช่ตรรกะอะไร คุณล้างมลทินได้สำเร็จ ก็ตัดปัญหาไปได้แล้วหนึ่ง เส้นทางที่คุ้นจะยอมแต่งงานกับผมก็คงจะเหลืออีกไม่ไกลแล้ว คุณไม่คิดว่าผมควรได้รับการแสดงความยินดีเหรอ”

 

 

“…”

 

 

ป๋อจิ่งชวนยกมือถือขึ้นหยิกแก้มของเธอทันที

 

 

“กฎที่คุณสร้างขึ้นมานี่ช่างทรมานคนได้ดีจริงๆ จะช้าหรือเร็วก็ต้องแต่งอยู่ดี ถ้าไม่แต่งก่อน แบบนี้ผมก็ต้องขอใช้สิทธิ์ของผมล่วงหน้าได้สินะ”

 

 

ใบหน้าเธอเห่อร้อนขึ้น ก่อนจะพามันเบือนหนีไปอีกทาง “พูดอะไรไร้สาระ คุณมีสิทธิ์อะไร”

 

 

ป๋อจิ่งชวนกระตุกมุมปากขึ้นเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบทุ้มชวนหลงใหล

 

 

“ก็สิทธิ์อันเที่ยงธรรมที่จะได้ใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบไง”

 

 

เฉินฝานซิงมองเขาอย่างเคอะเขิน “คุณนี่มัน…”

 

 

ป๋อจิ่งชวนปรายตามองเธอหนึ่งครั้ง ทำเอาคำพูดของเธอนั้นติดอยู่ในลำคอ

 

 

“ยังไม่ถูกคุณบังคับ” เสียงทุ้มนุ่มแฝงไปด้วยความจนใจ มือที่โอบรอบเอวของเธออยู่รัดแน่นขึ้น รั้งร่างของเธอเข้ามาแนบกับแผ่นอกของเขา

 

 

“ถ้างั้นผมจะให้เวลาคุณก็ได้ แต่ว่าตอนนี้ผมให้โอกาสคุณได้ชดเชยให้ผมเป็นไง”

 

 

“โอกาสอะไร”

 

 

“ตกลงรึเปล่า”

 

 

เฉินฝานซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อคิดได้แล้วว่าป๋อจิ่งชวนคงไม่ใช้ให้เธอไปฆ่าแกงใครหรือไปเผาบ้านใครเธอจึงพยักหน้ารับคำ “ได้ค่ะ ฉันตกลง”

 

 

ป๋อจิ่งชวนยกยิ้ม ฝ่ามือที่วางตัวอยู่บนไหล่ยกขึ้นช้อนคางเธอขึ้นมา เขาก้มหน้าลง ริมฝีปากของเธอประกบลงบนริมฝีปากเย็นๆ ของเขา…

 

 

เขาจูบเธออย่างตะกรุมตะกราม เขาดูฉลาดอยู่พอตัว ประสบการณ์จากการที่เคยโดนเขาจูบมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งทำให้ต่อให้ตอนนี้มันจะเป็นเพียงจูบที่เบาบาง แต่มันก็ยิ่งรับมือยากเข้าไปทุกที

 

 

ลมหายใจหอบกระชั้น จูบที่ประทับลงมาแต่ละครั้ง ปั่นป่วนจิตใจเธอจนยุ่งเหยิง หัวใจเธอทำงานอย่างหนักหน่วง ทว่ากลับเพิ่มความต้องการให้สูงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

 

 

เธอกำเสื้อตรงอกของเขาเอาไว้แน่น ดวงตาล่องลอยมองนัยน์ตาสีดำขลับตัดกับสีขาวได้อย่างชัดเจนคู่นั้นของป๋อจิ่งชวน เปลวเพลิงสีแดงฉานยังคงลุกท่วมขึ้นไม่ขาดสายและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

 

“อ…โอกาสอะไร”

 

 

นัยน์ตาเธอทอแสงวูบวาบ ไม่อยากให้ตัวเองต้องตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของเขาอีกต่อไป

 

 

ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคงโน้มตัวลงมา ประทับกลีบปากลงบนแก้มของเธอก่อนจะเคลื่อนมายังใบหู…

 

 

 

 

 

ตอนที่ 358 เธอ…กลับมาแล้ว

 

 

เขาเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว…

 

 

“น้ำหอมฟีโรโมน”

 

 

เสียงทุ้มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดอย่างเหลือล้น เพียงคำง่ายๆ ไม่กี่ตัวอักษร ก็ทำเอาเธออายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี

 

 

เธอดันแผ่นอกของเขาออกห่าง ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายล็อกเอวเอาไว้แน่น

 

 

“ไม่เปลี่ยนใจเหรอ หืม?”

 

 

“ฉัน…คุณจะเอามันไปทำอะไร”

 

 

“คุณคิดว่าไงล่ะ รู้แล้วยังจะถามอีก”

 

 

“ฉัน…ไม่รู้!”

 

 

“ต่อให้คุณรู้หรือไม่รู้ ก็อย่าลืมเอามาให้ผม”

 

 

“…”

 

 

ด้านล่างของอาคาร อินรุ่ยเจวี๋ยที่ได้รับคำสั่งให้เป็นคนเตรียมมื้อค่ำกำลังเดินขึ้นอาคารไป ก่อนที่เขาจะถูกเหลียงซู่เอ๋อร์เรียกเอาไว้ระหว่างทาง

 

 

เธอกำลังยกชายกระโปรงขึ้น ร่างของเธอเพรียวบางและสวยสง่า “คุณชายอิน คุณรู้รึเปล่าคะว่าถิงเซินไปไหน”

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยขมวดคิ้ว “ผมจะไปรู้ได้ไง ครั้งล่าสุดเขาก็อยู่กับคุณไม่ใช่เหรอ”

 

 

คิ้วเรียวคู่สวยร่นเข้าหากันแน่น “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันจะลองไปถามคนอื่นดู”

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยไหวไหล่ก่อนจะหมุนตัวเข้าลิฟต์ไป

 

 

แขกเหรื่อในห้องจัดเลี้ยงทยอยกันแยกย้าย ตอนที่เหลียงซู่เอ๋อร์เดินเข้าไปก็มีแค่เพียงบริกรที่กำลังเก็บกวาดภายในงานอยู่เท่านั้น

 

 

เธอเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงนั้นมาเพื่อจะลองเดินไปดูที่หน้าประตูวิทยาลัยอย่างผิดหวัง

 

 

แสงไฟส่องสว่างจากสนามวิทยาลัยทำให้เห็นถึงความผิดปกติของค่ำคืนนี้ หลังจากที่งานสังสรรค์และความครึกครื้นสิ้นสุดลง ความเงียบสงบเหมือนดั่งวันวานกลับดูว่างเปล่ายิ่งกว่าทุกที

 

 

ที่ประตูทางทิศเหนือของวิทยาลัย ไฟถนนที่สว่างจ้าพาให้เงาของสองร่างทอดยาว

 

 

เหลียงซู่เอ๋อร์ค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ทั้งคู่ สายตาพลันไปหยุดลงที่หญิงสาวคนหนึ่งโดยอัตโนมัติ

 

 

เดรสสีส้มที่ไม่ได้มีดีไซน์ที่สลับซับซ้อน ทว่ากลับดูวิจิตรงดงามอย่างเรียบง่าย การออกแบบให้ตัวชุดแนบกับช่วงเอวเสริมให้ร่างบอบบางยิ่งดูงดงาม คอเสื้อทรงวีเผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าและผิวพรรณขาวผ่องของหญิงสาว อีกทั้งเส้นโค้งตรงลำคอสวยได้อย่างชัดเจน

 

 

เสียงของเธอไม่ได้ดัดเสียงสูงหรือต่ำ แต่ทว่ากลับฟังออกได้ถึงความบอบบาง

 

 

“พรุ่งนี้เช้าฉันจะส่งเหล้าที่เหลือมาให้”

 

 

“โอเค”

 

 

“บิลก็ค่อยเคลียร์ทีเดียวพรุ่งนี้?”

 

 

“อืม ได้”

 

 

“งั้นก็ตกลงตามนี้ ขอตัวก่อนล่ะ”

 

 

ในตอนนั้น เสียงนุ่มเสียงหนึ่งก็เอ่ยแทรกขึ้น…

 

 

“ขอโทษนะคะ ฉันขอถามอะไรหน่อย ไม่ทราบว่าพวกคุณพอจะเห็น…”

 

 

เหลียงซู่เอ๋อร์ว่าพลางคิ้วคู่สวยก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สายตาจ้องมองไปยังหญิงสาวที่เพิ่งจะหันหน้ามา

 

 

ความสงสัยที่แม้แต่เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อพลันผุดขึ้นกลางใจ และนาทีที่ผู้หญิงคนนั้นได้ยินเสียงของเธอแล้วหันมองมาด้วยความประหลาดใจนั่นเอง สีหน้าของเหลียงซู่เอ๋อร์ก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด

 

 

“เธอ…”

 

 

นาทีที่หันมา แสงได้ลากผ่านสันจะจมูกโค้งได้รูปของเธอ เส้นผมพลิ้วสลวยอยู่กลางอากาศดังสายน้ำตก ดวงตาเธอสุกสกาว ท่ามกลางความเยือกเย็นที่แฝงไปด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ ดูขัดแย้งกันอย่างมาก ทว่ากลับเป็นความสมบูรณ์แบบที่ลงตัว

 

 

เธองดงามมาก ภายใต้ความอ่อนล้านั้นยังเปี่ยมไปด้วยรังสีความหยิ่งผยองที่ทำเอาใครต่อใครไม่อาจละสายตาได้ภายในคราเดียว

 

 

ความสวยของเธอไม่ได้โอ้อวดแต่ก็ดูเปิดเผย นุ่มนวลแต่ก็แข็งกระด้าง ไม่เหมือนใครๆ เป็นความงดงามในแบบของตัวเอง

 

 

เมื่อได้เห็นเหลียงซู่เอ๋อร์ เธอถึงกับผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะใช้สายตานิ่งเฉยนั้นกวาดมองเธออย่างสำรวจ

 

 

การแต่งตัวเรียบง่ายแต่ดูสวยหรูนั้นเป็นความชอบและความเคยชินของเธอ

 

 

เหอะ…

 

 

เข้าใจยากเสียจริง!

 

 

ท้ายที่สุดหญิงสาวก็ถอนสายตากลับไปอย่างเรียบเฉย เธอยกอมยิ้มในมือขึ้นยัดใส่เข้าไปในปาก แล้วเดินจากไปอย่างเย็นชา

 

 

เหลียงซู่เอ๋อร์ได้แต่ยืนอึ้งอยู่ที่เก่า มองร่างเพรียวบางของหญิงสาวคนนั้นเดินจากไปอย่างตกตะลึง ความร้อนรนที่สุดจะหาคำมาพรรณนาได้ค่อยๆ ผุดขึ้นกลางใจ

 

 

แม้ว่าเธอจะใช้เวลาหลายปีอยู่ในคุก แต่เครือข่ายต่างๆ ของเธอกลับยังคงไม่ถูกกำจัด

 

 

เธอ…กลับมาแล้ว

 

 

มือที่สั่นเทิ้มยกขึ้นกุมอก ความหวาดหวั่นใจทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

 

 

ถิงเซิน ถิงเซินอยู่ไหน…