ตอนที่ 357 ให้โอกาสคุณได้ชดเชยให้ผม
เธอหันไปมองป๋อจิ่งชวนที่ยืนอยู่ข้างๆ โดยอัตโนมัติ “เรื่องพวกนี้…คุณเป็นคนทำเหรอ”
ป๋อจิ่งชวนหันมองโทรศัพท์เธอหนึ่งครั้งก่อนจะหันกลับมามองเธอ
คล้ายกับจะหมายความว่า นี่เป็นโอกาสดีที่จะเล่นงานเฉินเชียนโหรวและสกุลเฉินให้สาหัสได้ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ไม่คิดจะทำอะไรเลย
เฉินฝานซิงเม้มปากแล้วก้มลงมองข่าวบนโลกออนไลน์ที่ยอดชมพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว…
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการแบนเฉินเชียนโหรว
เฉินฝานซิงเก็บโทรศัพท์ลง แล้วผ่อนลมหายใจแผ่ว “คุณว่าแบบนี้ จะจัดการเฉินเชียนโหรวได้เหรอ”
ป๋อจิ่งชวนตอบเรียบๆ “ผมแค่อยากให้ทุกคนได้รับรู้ว่าคุณคือผู้บริสุทธิ์และเป็นคนดีที่สุด แค่นั้นก็พอแล้ว แน่นอนว่าคนที่รังแกคุณผมจะไม่ปล่อยไว้แน่…เรื่องนี้ผมแอบยื่นมือเข้ามายุ่งโดยไม่ได้บอกคุณ แต่หากผมไม่ทำอะไรเลย สุดท้ายคนที่ไม่คู่ควรกับคุณอาจกลายเป็นผมแทน!”
หัวใจเธอสั่นไหวน้อยๆ นัยน์ตาที่จ้องมองอีกฝ่ายอยู่นั้นอำพรางความตื้นตันเอาไว้ไม่มิด
“ป๋อจิ่งชวน…” เธอเอ่ยชื่อเขาเสียงแผ่ว
เขายิ้มน้อยๆ แล้วยกมือขึ้นลูบเส้นผมของเธอ “นี่ประทับใจเหรอ”
เธอพยักหน้ารับ
“งั้นคุณก็ยกน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบให้ผมสักขวดสิ”
เฉินฝานซิงชะงักกึก “มีอย่างที่ไหนล่ะ ทำไมค่าตอบแทนความประทับใจของฉันถึงได้ไร้คุณธรรมสิ้นดี!”
ป๋อจิ่งชวนครุ่นคิด “สงสัยยังไม่มีน้ำหนักพอ”
“อะไร”
เขาไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดว่า
“เรื่องงานแข่งขันเปียโน เป็นอันว่าได้ข้อสรุปแล้ว ยินดีกับผมซะสิ”
เธอเลิกคิ้วขึ้นสูง “ตรรกะไหนของคุณเนี่ย คุณต้องเป็นฝ่ายยินดีกับฉันไม่ใช่เหรอ”
“ก็ไม่ใช่ตรรกะอะไร คุณล้างมลทินได้สำเร็จ ก็ตัดปัญหาไปได้แล้วหนึ่ง เส้นทางที่คุ้นจะยอมแต่งงานกับผมก็คงจะเหลืออีกไม่ไกลแล้ว คุณไม่คิดว่าผมควรได้รับการแสดงความยินดีเหรอ”
“…”
ป๋อจิ่งชวนยกมือถือขึ้นหยิกแก้มของเธอทันที
“กฎที่คุณสร้างขึ้นมานี่ช่างทรมานคนได้ดีจริงๆ จะช้าหรือเร็วก็ต้องแต่งอยู่ดี ถ้าไม่แต่งก่อน แบบนี้ผมก็ต้องขอใช้สิทธิ์ของผมล่วงหน้าได้สินะ”
ใบหน้าเธอเห่อร้อนขึ้น ก่อนจะพามันเบือนหนีไปอีกทาง “พูดอะไรไร้สาระ คุณมีสิทธิ์อะไร”
ป๋อจิ่งชวนกระตุกมุมปากขึ้นเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบทุ้มชวนหลงใหล
“ก็สิทธิ์อันเที่ยงธรรมที่จะได้ใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบไง”
เฉินฝานซิงมองเขาอย่างเคอะเขิน “คุณนี่มัน…”
ป๋อจิ่งชวนปรายตามองเธอหนึ่งครั้ง ทำเอาคำพูดของเธอนั้นติดอยู่ในลำคอ
“ยังไม่ถูกคุณบังคับ” เสียงทุ้มนุ่มแฝงไปด้วยความจนใจ มือที่โอบรอบเอวของเธออยู่รัดแน่นขึ้น รั้งร่างของเธอเข้ามาแนบกับแผ่นอกของเขา
“ถ้างั้นผมจะให้เวลาคุณก็ได้ แต่ว่าตอนนี้ผมให้โอกาสคุณได้ชดเชยให้ผมเป็นไง”
“โอกาสอะไร”
“ตกลงรึเปล่า”
เฉินฝานซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อคิดได้แล้วว่าป๋อจิ่งชวนคงไม่ใช้ให้เธอไปฆ่าแกงใครหรือไปเผาบ้านใครเธอจึงพยักหน้ารับคำ “ได้ค่ะ ฉันตกลง”
ป๋อจิ่งชวนยกยิ้ม ฝ่ามือที่วางตัวอยู่บนไหล่ยกขึ้นช้อนคางเธอขึ้นมา เขาก้มหน้าลง ริมฝีปากของเธอประกบลงบนริมฝีปากเย็นๆ ของเขา…
เขาจูบเธออย่างตะกรุมตะกราม เขาดูฉลาดอยู่พอตัว ประสบการณ์จากการที่เคยโดนเขาจูบมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งทำให้ต่อให้ตอนนี้มันจะเป็นเพียงจูบที่เบาบาง แต่มันก็ยิ่งรับมือยากเข้าไปทุกที
ลมหายใจหอบกระชั้น จูบที่ประทับลงมาแต่ละครั้ง ปั่นป่วนจิตใจเธอจนยุ่งเหยิง หัวใจเธอทำงานอย่างหนักหน่วง ทว่ากลับเพิ่มความต้องการให้สูงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เธอกำเสื้อตรงอกของเขาเอาไว้แน่น ดวงตาล่องลอยมองนัยน์ตาสีดำขลับตัดกับสีขาวได้อย่างชัดเจนคู่นั้นของป๋อจิ่งชวน เปลวเพลิงสีแดงฉานยังคงลุกท่วมขึ้นไม่ขาดสายและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“อ…โอกาสอะไร”
นัยน์ตาเธอทอแสงวูบวาบ ไม่อยากให้ตัวเองต้องตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของเขาอีกต่อไป
ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคงโน้มตัวลงมา ประทับกลีบปากลงบนแก้มของเธอก่อนจะเคลื่อนมายังใบหู…
ตอนที่ 358 เธอ…กลับมาแล้ว
เขาเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว…
“น้ำหอมฟีโรโมน”
เสียงทุ้มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดอย่างเหลือล้น เพียงคำง่ายๆ ไม่กี่ตัวอักษร ก็ทำเอาเธออายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
เธอดันแผ่นอกของเขาออกห่าง ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายล็อกเอวเอาไว้แน่น
“ไม่เปลี่ยนใจเหรอ หืม?”
“ฉัน…คุณจะเอามันไปทำอะไร”
“คุณคิดว่าไงล่ะ รู้แล้วยังจะถามอีก”
“ฉัน…ไม่รู้!”
“ต่อให้คุณรู้หรือไม่รู้ ก็อย่าลืมเอามาให้ผม”
“…”
ด้านล่างของอาคาร อินรุ่ยเจวี๋ยที่ได้รับคำสั่งให้เป็นคนเตรียมมื้อค่ำกำลังเดินขึ้นอาคารไป ก่อนที่เขาจะถูกเหลียงซู่เอ๋อร์เรียกเอาไว้ระหว่างทาง
เธอกำลังยกชายกระโปรงขึ้น ร่างของเธอเพรียวบางและสวยสง่า “คุณชายอิน คุณรู้รึเปล่าคะว่าถิงเซินไปไหน”
อินรุ่ยเจวี๋ยขมวดคิ้ว “ผมจะไปรู้ได้ไง ครั้งล่าสุดเขาก็อยู่กับคุณไม่ใช่เหรอ”
คิ้วเรียวคู่สวยร่นเข้าหากันแน่น “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันจะลองไปถามคนอื่นดู”
อินรุ่ยเจวี๋ยไหวไหล่ก่อนจะหมุนตัวเข้าลิฟต์ไป
แขกเหรื่อในห้องจัดเลี้ยงทยอยกันแยกย้าย ตอนที่เหลียงซู่เอ๋อร์เดินเข้าไปก็มีแค่เพียงบริกรที่กำลังเก็บกวาดภายในงานอยู่เท่านั้น
เธอเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงนั้นมาเพื่อจะลองเดินไปดูที่หน้าประตูวิทยาลัยอย่างผิดหวัง
แสงไฟส่องสว่างจากสนามวิทยาลัยทำให้เห็นถึงความผิดปกติของค่ำคืนนี้ หลังจากที่งานสังสรรค์และความครึกครื้นสิ้นสุดลง ความเงียบสงบเหมือนดั่งวันวานกลับดูว่างเปล่ายิ่งกว่าทุกที
ที่ประตูทางทิศเหนือของวิทยาลัย ไฟถนนที่สว่างจ้าพาให้เงาของสองร่างทอดยาว
เหลียงซู่เอ๋อร์ค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ทั้งคู่ สายตาพลันไปหยุดลงที่หญิงสาวคนหนึ่งโดยอัตโนมัติ
เดรสสีส้มที่ไม่ได้มีดีไซน์ที่สลับซับซ้อน ทว่ากลับดูวิจิตรงดงามอย่างเรียบง่าย การออกแบบให้ตัวชุดแนบกับช่วงเอวเสริมให้ร่างบอบบางยิ่งดูงดงาม คอเสื้อทรงวีเผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าและผิวพรรณขาวผ่องของหญิงสาว อีกทั้งเส้นโค้งตรงลำคอสวยได้อย่างชัดเจน
เสียงของเธอไม่ได้ดัดเสียงสูงหรือต่ำ แต่ทว่ากลับฟังออกได้ถึงความบอบบาง
“พรุ่งนี้เช้าฉันจะส่งเหล้าที่เหลือมาให้”
“โอเค”
“บิลก็ค่อยเคลียร์ทีเดียวพรุ่งนี้?”
“อืม ได้”
“งั้นก็ตกลงตามนี้ ขอตัวก่อนล่ะ”
ในตอนนั้น เสียงนุ่มเสียงหนึ่งก็เอ่ยแทรกขึ้น…
“ขอโทษนะคะ ฉันขอถามอะไรหน่อย ไม่ทราบว่าพวกคุณพอจะเห็น…”
เหลียงซู่เอ๋อร์ว่าพลางคิ้วคู่สวยก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สายตาจ้องมองไปยังหญิงสาวที่เพิ่งจะหันหน้ามา
ความสงสัยที่แม้แต่เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อพลันผุดขึ้นกลางใจ และนาทีที่ผู้หญิงคนนั้นได้ยินเสียงของเธอแล้วหันมองมาด้วยความประหลาดใจนั่นเอง สีหน้าของเหลียงซู่เอ๋อร์ก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด
“เธอ…”
นาทีที่หันมา แสงได้ลากผ่านสันจะจมูกโค้งได้รูปของเธอ เส้นผมพลิ้วสลวยอยู่กลางอากาศดังสายน้ำตก ดวงตาเธอสุกสกาว ท่ามกลางความเยือกเย็นที่แฝงไปด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ ดูขัดแย้งกันอย่างมาก ทว่ากลับเป็นความสมบูรณ์แบบที่ลงตัว
เธองดงามมาก ภายใต้ความอ่อนล้านั้นยังเปี่ยมไปด้วยรังสีความหยิ่งผยองที่ทำเอาใครต่อใครไม่อาจละสายตาได้ภายในคราเดียว
ความสวยของเธอไม่ได้โอ้อวดแต่ก็ดูเปิดเผย นุ่มนวลแต่ก็แข็งกระด้าง ไม่เหมือนใครๆ เป็นความงดงามในแบบของตัวเอง
เมื่อได้เห็นเหลียงซู่เอ๋อร์ เธอถึงกับผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะใช้สายตานิ่งเฉยนั้นกวาดมองเธออย่างสำรวจ
การแต่งตัวเรียบง่ายแต่ดูสวยหรูนั้นเป็นความชอบและความเคยชินของเธอ
เหอะ…
เข้าใจยากเสียจริง!
ท้ายที่สุดหญิงสาวก็ถอนสายตากลับไปอย่างเรียบเฉย เธอยกอมยิ้มในมือขึ้นยัดใส่เข้าไปในปาก แล้วเดินจากไปอย่างเย็นชา
เหลียงซู่เอ๋อร์ได้แต่ยืนอึ้งอยู่ที่เก่า มองร่างเพรียวบางของหญิงสาวคนนั้นเดินจากไปอย่างตกตะลึง ความร้อนรนที่สุดจะหาคำมาพรรณนาได้ค่อยๆ ผุดขึ้นกลางใจ
แม้ว่าเธอจะใช้เวลาหลายปีอยู่ในคุก แต่เครือข่ายต่างๆ ของเธอกลับยังคงไม่ถูกกำจัด
เธอ…กลับมาแล้ว
มือที่สั่นเทิ้มยกขึ้นกุมอก ความหวาดหวั่นใจทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ถิงเซิน ถิงเซินอยู่ไหน…