เล่ม 1 ตอนที่ 187 ก้าวขาเข้าไปข้างหนึ่ง

สลับชะตา ชายามือสังหาร

โรงอัปลักษณ์เริ่มเปิดกิจการตั้งแต่ตอนบ่าย ทิวทัศน์ที่พวกซือหม่าโยวเย่ว์เห็นในครานี้กับที่เห็นตอนมาคราก่อนช่างแตกต่างกันนัก ตอนนี้มีคนเข้าออกตลอดจนธรณีประตูแทบจะพังอยู่แล้ว

เมื่อเห็นตัวอักษรคำว่าโรงอัปลักษณ์เขียนอยู่เหนือประตูใหญ่ ซือหม่าโยวเย่ว์ก็รู้สึกตามืดบอด คาดว่าบนถนนเส้นนี้คงมีเพียงสถานที่แห่งนี้เท่านั้นที่เป็นเช่นนี้

พนักงานคนหนึ่งเห็นพวกซือหม่าโยวเย่ว์เข้ามา จึงมาหาพร้อมรอยยิ้มแล้วเอ่ยว่า “พวกท่านเพิ่งเคยมาที่โรงอัปลักษณ์ของเราเป็นครั้งแรกกระมัง มีสิ่งใดที่อยากซื้อหรือไม่ขอรับ”

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเรามาเป็นครั้งแรกน่ะ” เจ้าอ้วนชวีมองพนักงานร้านพลางถามขึ้น

“แหะๆ พวกเราเป็นพนักงานของที่นี่ ไม่มีความสามารถอย่างอื่น แต่ต้องมีความจำที่ดี ขอเพียงแค่เคยมาที่ร้านค้าของพวกเราเท่านั้น พวกเราก็จำได้หมดแหละขอรับ” พนักงานพูดยิ้มๆ “ข้าน้อยเห็นพวกท่านดูไม่คุ้นตาจึงเดาว่าพวกท่านมากันเป็นครั้งแรกน่ะขอรับ”

“พนักงานที่นี่มีความจำดีเหมือนเจ้ากันหมดเลยหรือไม่” พวกซือหม่าโยวเย่ว์ก้าวผ่านประตูใหญ่เข้าไปก็เห็นว่าด้านในมีพนักงานจำนวนไม่น้อยกำลังให้บริการแขกเหรื่ออยู่

“พวกเราล้วนอาศัยทักษะอันน้อยนิดนี้หาเงินเลี้ยงปากท้องกันทั้งนั้นแหละขอรับ!” พนักงานไม่ตอบตรงๆ “ในเมื่อพวกท่านมากันเป็นครั้งแรก มิสู้ให้ข้าพาพวกท่านไปรู้จักกับร้านค้าของเราคร่าวๆ สักรอบหนึ่งก่อนดีกว่าขอรับ”

“ดีเลย”

“เช่นนั้นก็เริ่มจากเขตยาวิเศษของพวกเราก่อนดีกว่านะขอรับ ขอเชิญทุกท่านทางนี้…”

พนักงานพาพวกเขาไปเยี่ยมชมชั้นหนึ่งและชั้นสอง ซือหม่าโยวเย่ว์พบว่าที่นี่มีความคล้ายคลึงกับหอเซวียนหยวนแห่งอาณาจักรตงเฉินอยู่บ้าง ด้านในมีทุกสิ่งทุกอย่างครบครัน เพียงแต่เป็นของชั้นสูงไม่ใช่น้อย

เสี่ยวถูถูกเป่ยกงถังจูงมือไว้ ดวงตากลมโตไม่กะพริบเลยแม้แต่ครั้งเดียวด้วยความตื่นตาตื่นใจกับสิ่งเหล่านี้

“พี่สาว ที่นี่มีข้าวของมากมายเหลือเกิน!”

“ในภายหน้าเจ้ายังจะได้เห็นสิ่งของมากมายยิ่งกว่านี้อีก” เป่ยกงถังพูดยิ้มๆ

“อื้อ!”

พวกเขาใช้เวลาราวๆ ชั่วโมงกว่า จึงจะดูจากเขตยาวิเศษไปถึงเขตอาวุธวิญญาณ ต่อไปยังเขตสัตว์อสูรวิเศษ และไปถึงเขตสรรพสินค้าได้ครบ นอกจากนี้ยังเป็นการเดินจ้ำอ้าวอย่างรวดเร็วอีกด้วย

ใจรักบริการของพนักงานผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เมื่อพาพวกเขาเดินชมรอบหนึ่งแล้ว มีคำถามใดก็อธิบายให้พวกเขาฟังไม่หยุดโดยมิได้แสดงท่าทีรำคาญเลยแม้แต่น้อย

“ทุกท่าน ชมชั้นหนึ่งและชั้นสองกันจนทั่วแล้ว มิทราบว่าทุกท่านมีสิ่งใดที่ต้องการซื้อหรือไม่ขอรับ” พนักงานถามด้วยรอยยิ้ม

พวกเขามิได้ขาดแคลนยาวิเศษและเครื่องยา สำหรับอาวุธวิญญาณ ตอนนี้ก็มีอาวุธวิญญาณที่พวกเขาใช้ได้อยู่แล้ว เจดีย์วิญญาณก็มีอยู่มากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงมิได้เลือกสิ่งเหล่านี้ สุดท้ายก็เลือกของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ดูน่าสนุกมาจำนวนหนึ่งเท่านั้น

พนักงานผู้นั้นก็มิได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ทั้งยังมิได้เลือกปฏิบัติต่อพวกเขาเพราะเรื่องนี้ด้วย หากแต่ถามอย่างสุภาพประโยคหนึ่งว่า “ทุกท่านยังมีความต้องการอันใดอีกหรือไม่ขอรับ”

เมื่อครู่ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ดูราคาของยาวิเศษ เครื่องยา และสัตว์อสูรวิเศษต่างๆ อย่างละเอียดจนรู้ราคาตลาดคร่าวๆ บ้างแล้ว เธอจึงหันมาถามว่า “ข้าได้ยินมาว่าที่นี่ยังมีการจัดงานประมูลด้วยใช่หรือไม่”

พนักงานได้ฟังคำพูดนี้ก็เข้าใจความหมายของเธอในทันที จึงถามว่า “ทุกท่านมีของที่อยากนำมาประมูลใช่หรือไม่ขอรับ”

ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า

“เช่นนั้นพวกท่านคงจะทราบกฎของโรงอัปลักษณ์ของเราแล้วกระมัง”

“ก็พอรู้อยู่บ้าง” เว่ยจือฉีตอบ

“ในเมื่อพวกท่านพอรู้อยู่บ้างแล้ว เช่นนั้นข้าขอไม่พูดซ้ำแล้วนะขอรับ ถ้าหากต้องการประมูลสินค้า ก็ต้องไปเจรจาที่ชั้นสาม ทุกท่านโปรดตามข้ามาขอรับ”

พนักงานพาพวกเขาขึ้นไปที่ชั้นสามซึ่งมีห้องส่วนตัวแยกจากกันอยู่หลายห้อง แต่มีเพียงแค่สองห้องเท่านั้นที่มีคนอยู่ ส่วนนอกนั้นล้วนว่างเปล่า

พวกเขาเข้ามายังห้องแห่งหนึ่ง จากนั้นพนักงานจึงถามว่า “มิทราบว่าทุกท่านอยากนำของประเภทใดมาประมูลหรือขอรับ ข้าจะเชิญนักประเมินราคาของพวกเรามาช่วยทุกท่านประเมิน”

“ยาวิเศษ”

“แก่นมาร”

“เครื่องยา”

พนักงานรอให้พวกเขาพูดจบแล้วจึงอมยิ้มเอ่ยว่า “ทุกท่านช่วยนำสิ่งของของพวกท่านมาให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่ขอรับ”

พวกซือหม่าโยวเย่ว์รู้ว่านี่คือกฎ จึงหยิบเอากล่องของแต่ละคนออกมา

พนักงานดูคร่าวๆ ปราดหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าระดับขั้นของพวกเขาไม่ต่ำต้อยเลย จึงเอ่ยว่า “ทุกท่านโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปเชิญนักประเมินราคาของพวกเรามาประเมินให้กับพวกท่าน”

พอพูดจบเขาจึงหมุนกายออกมาจากห้องส่วนตัว เพียงไม่นานเขาก็พาตัวชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเข้ามา

“ทุกท่าน นี่คือปรมาจารย์หลีแห่งโรงประมูลของพวกเรา เป็นนักหลอมยาขั้นห้า” พนักงานเอ่ยแนะนำ

พวกซือหม่าโยวเย่ว์ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยว่า “คารวะปรมาจารย์หลี”

“ได้ยินว่าพวกเจ้ามียาวิเศษและเครื่องยาต้องการนำมาประมูลอย่างนั้นหรือ” ปรมาจารย์หลีมิได้ดูหยิ่งยโสเหมือนนักหลอมยาคนอื่นๆ บางทีอาจเป็นเพราะควบคุมอยู่ข้างบน

“ใช่แล้ว” เว่ยจือฉีพูด “พวกเรามีเครื่องยา แก่นมาร และยาวิเศษ”

“เช่นนั้นก็มาดูกันทีละชิ้นแล้วกัน” ปรมาจารย์หลีมองดูกล่องบนโต๊ะแล้วนั่งลง ก่อนจะหยิบเอาถุงมือคู่หนึ่งขึ้นมาสวม หลังจากนั้นจึงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ด้านในคือกล้วยไม้หิมะที่พันปีจะมีครั้งหนึ่ง

ปรมาจารย์หลีหยิบกล้วยไม้หิมะขึ้นมาดูแล้วนำไปจ่อจมูกดม หลังจากนั้นจึงเด็ดใบไม้มาเล็กน้อยแล้วใส่เข้าไปลองเคี้ยวในปาก ก่อนจะพูดว่า “กล้วยไม้หิมะที่พันปีจะเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง เป็นเครื่องยาระดับสี่ คุณสมบัติครบ สามารถประมูลได้ด้วยราคาขั้นต่ำห้าร้อยตำลึงทอง”

นี่เป็นเพียงแค่เครื่องยาชนิดหนึ่งที่เจ้าอ้วนชวีหยิบออกมาจากเจดีย์วิญญาณอย่างส่งๆ เท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะดีงามถึงขนาดนี้ แต่ก็เป็นไปเพียงเพื่อร่วมสนุกเท่านั้น ถือว่าราคานี้ยอมรับได้

“ในเมื่อไม่มีข้อโต้แย้ง เช่นนั้นนี่คือหมายเลขเข้าร่วมของเจ้า อาศัยสิ่งนี้ก็สามารถมาเข้าร่วมงานประมูลได้”

จากนั้นสาวใช้คนหนึ่งของปรมาจารย์หลีที่เข้ามาจึงส่งป้ายอันหนึ่งให้กับเจ้าอ้วนชวี

อย่างที่สองก็คือเครื่องยา หลังจากปรมาจารย์หลีประเมินเสร็จแล้วก็มอบป้ายอันหนึ่งให้กับเว่ยจือฉี

ของโอวหยางเฟยคือแก่นมารอันหนึ่ง หลังจากปรมาจารย์หลีประเมินเครื่องยาไปสองชนิดแล้วจึงแสดงความสนใจออกมาเป็นครั้งแรก

มีเครื่องยามากมายเหลือเกินแล้ว เครื่องยาสองชนิดเมื่อครู่ล้วนมิอาจนับได้ว่าล้ำค่าอะไรเป็นพิเศษ ถ้าหากมิใช่เพราะอายุมากกว่าทั่วไปมากเหลือเกิน ไม่แน่ว่าอาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้

แต่ของโอวหยางเฟยนั้นไม่เหมือนกัน พอปรมาจารย์หลีเปิดดูก็พบว่านี่คือแก่นมารของสัตว์อสูรเทพ

แก่นมารของสัตว์อสูรเทพนั้นเหนือจินตนาการเพียงใด นั่นเท่ากับการสังหารยอดฝีมือระดับราชันย์วิญญาณแล้วชิงเอาหัวใจของเขามาเชียวนะ!

นอกจากนี้ของอย่างแก่นมารยังมิใช่สิ่งที่สัตว์อสูรวิเศษทั้งหมดจะมีอีกด้วย ตอนนี้ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในตลาดก็คือแก่นมารสัตว์อสูรทิพย์ แก่นมารสัตว์อสูรเทพนั้นยังจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ประเมินค่ามิได้

“นี่คือแก่นมารของสัตว์อสูรเทพเสือเขี้ยวดาบ!” ปรมาจารย์หลีมีความรู้กว้างไกลตามคาด รู้ที่มาที่ไปของแก่นมารได้อย่างรวดเร็ว

“ถูกต้อง” นับได้ว่าโอวหยางเฟยรู้จักโรงอัปลักษณ์อยู่พอสมควร ไม่เคยสงสัยในอิทธิพลของพวกเขาเลยมาตั้งแต่ต้น

“ดี! ดี! แก่นมารของสัตว์อสูรเทพขั้นหนึ่ง ระดับแก่นมารขั้นสอง คุณสมบัติครบ ราคาขั้นต่ำสองพันตำลึงทองขึ้นไป นี่คือป้ายหมายเลขของเจ้า”

โอวหยางเฟยรับป้ายมาแล้วเก็บเข้าไป

บนโต๊ะยังมีกล่องอีกสองใบ ใบหนึ่งเป็นของเป่ยกงถัง ส่วนอีกใบเป็นของซือหม่าโยวเย่ว์ ปรมาจารย์หลีสุ่มหยิบของซือหม่าโยวเย่ว์มาแล้วเปิดออกดู ด้านในมีขวดหยกวางนอนอยู่ใบหนึ่ง

เขาหยิบขวดหยกขึ้นมาแล้วรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บเสียดแทงกระดูก หัวใจสั่นสะท้าน จากนั้นจึงรีบเปิดออกดู

“ยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือก!” ปรมาจารย์หลีร้องออกมาอย่างตกใจ

ยาวิเศษนี้ก็คือยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกที่ซือหม่าโยวเย่ว์เพิ่งหลอมเสร็จ เพราะมีจำนวนมาก ดังนั้นจึงแบ่งออกมาสองเม็ด

“นี่พอจะมีคุณสมบัติครบหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม

“คุณสมบัติครบแน่นอนอยู่แล้ว!” ปรมาจารย์หลีพูดอย่างตื่นเต้น “ยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกนี้ให้ผลวิเศษ กระบวนการหลอมซับซ้อน มีเครื่องยาที่ต้องใช้สองชนิดในนั้นที่พิเศษอย่างยิ่ง มิอาจได้มาโดยง่าย ด้วยเหตุนี้จึงมียาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกอยู่ไม่มากนัก ระดับยาวิเศษขั้นสอง แต่ละเม็ดราคาขั้นต่ำห้าพันตำลึงทอง!”