เมื่อได้ยินว่าห้าพันตำลึงทอง ซือหม่าโยวเย่ว์กลับมิได้รู้สึกว่าให้ราคาสูงสักเท่าใดนัก นี่เป็นเพียงแค่ราคาของยาวิเศษหายากในบรรดายาวิเศษขั้นห้าเท่านั้นเอง
แต่ในเมื่อนี่เป็นการประมูล ย่อมต้องมีการแข่งขันกัน ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นเช่นไรก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
ดังนั้นเธอจึงมิได้มีความเห็นอันใดต่อการกำหนดราคานี้เลย
“นี่คือป้ายหมายเลขของเจ้า” ปรมาจารย์หลีมอบป้ายให้กับซือหม่าโยวเย่ว์ จากนั้นจึงเอ่ยว่า “พอถึงเวลา พวกเจ้าจะมาเข้าร่วมพร้อมกันหรือไม่”
“ใช่แล้ว ทำไมหรือ”
“เพราะมีพวกเจ้าสองคนขึ้นไปที่มีสิ่งของขั้นสองมาประมูล ดังนั้นหากมาเข้าร่วมพร้อมกัน พวกเราสามารถจัดเตรียมห้องส่วนตัวห้องหนึ่งให้กับพวกเจ้าได้” ปรมาจารย์หลีพูด
“เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก” พวกเว่ยจือฉีมิได้ปฏิเสธ หากมีห้องเป็นของตัวเองก็ไม่เลวเลย
ปรมาจารย์หลีมองสาวใช้ผู้นั้นปราดหนึ่ง สาวใช้จึงหยิบบัตรใบหนึ่งออกมาในทันที แล้วส่งให้กับโอวหยางเฟย
“อาศัยบัตรใบนี้ พอถึงเวลานั้นก็จะไปยังห้องส่วนตัวเดียวกันกับตัวเลขที่ระบุเอาไว้บนนั้นได้” ปรมาจารย์หลีพูด
“พวกเราจะมาให้ตรงเวลา” โอวหยางเฟยพูดพลางเก็บบัตรเข้าไป
เมื่อเจรจาธุระกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงยกสิ่งของให้โรงประมูลดูแล จากนั้นทุกคนจึงลุกขึ้นเตรียมตัวจากไป
“คุณชายท่านนี้โปรดช้าก่อน” ปรมาจารย์หลีเรียกซือหม่าโยวเย่ว์เอาไว้
“ปรมาจารย์หลีมีธุระหรือ”
“ขอถามว่าเจ้าเป็นผู้หลอมยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกนี่ใช่หรือไม่”
ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มพลางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ใช่หรอก อาจารย์ข้าเป็นผู้หลอมน่ะ”
“ขออนุญาตถามว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นปรมาจารย์ท่านใดหรือ”
“อาจารย์มีนิสัยถ่อมตน ไม่ชอบให้พวกเราไปไหนมาไหนภายใต้ชื่อของนางน่ะ”
“เช่นนี้ต้องขออภัยในความละลาบละล้วงของข้าด้วย” ปรมาจารย์หลียิ้มอย่างขอโทษขอโพย
กลุ่มของซือหม่าโยวเย่ว์จากไป ปรมาจารย์หลีจึงออกคำสั่งกับสาวใช้ว่า “กระจายข่าวยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกกับแก่นมารสัตว์อสูรเทพออกไปทีสิ”
“เจ้าค่ะ ผู้จัดการหลี” สาวใช้คารวะคราหนึ่งก่อนจะออกไป
ความจริงแล้วปรมาจารย์หลีผู้นี้มิได้เป็นเพียงแค่นักประเมินราคาของโรงประมูลอัปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้จัดการคนหนึ่งของที่นี่ด้วย
เมื่อออกจากโรงอัปลักษณ์มาแล้ว เจ้าอ้วนชวีก็ทอดถอนใจกับความแตกต่างกันนี้ เครื่องยาที่เขาหยิบออกมานั้นมีราคาเพียงแค่ห้าร้อยตำลึงทองเท่านั้น แต่ยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกของซือหม่าโยวเย่ว์มีราคาถึงห้าพันตำลึงทอง เป็นสิบเท่าของเขาเลยทีเดียว
“เจ้ารู้จักพอหน่อยเถิดน่า ของเจ้าเป็นเพียงแค่เครื่องยาชนิดหนึ่งเท่านั้น เครื่องยาที่ยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกต้องใช้ล้วนล้ำค่ากว่าของเจ้าทั้งนั้น หากมิใช่เพราะสิ่งที่เจ้าหยิบออกมา พันปีจะมีครั้งหนึ่ง อย่าว่าแต่ห้าร้อยเลย ให้เจ้าสักห้าสิบก็มากเกินพอแล้ว!” เว่ยจือฉีพูดยิ้มๆ
“อย่างไรก็ต้องได้สักหนึ่งร้อย จะแค่ห้าสิบได้อย่างไรกัน” เจ้าอ้วนชวีพูดด้วยรอยยิ้ม
“ทุกท่านกรุณารอสักครู่”
พนักงานคนที่ต้อนรับพวกเขาก่อนหน้านี้ตามออกมาแล้วหยุดพวกเขาเอาไว้
“ทำไมหรือ” เว่ยจือฉีถาม
“ปรมาจารย์หลีให้ข้ามอบสิ่งนี้แก่พวกท่าน เป็นของสำหรับงานประมูลคราวนี้ ถ้าหากมีสิ่งใดที่พวกท่านต้องการ ก็ต้องเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ นะขอรับ” พนักงานพูดด้วยรอยยิ้ม
ซือหม่าโยวเย่ว์รับใบประมูลมาแล้วพูดว่า “ขอบคุณมาก”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกขอรับ ถ้าหากไม่มีปัญหาอันใดแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะขอรับ” พนักงานผงกศีรษะให้พวกเขาก่อนจะหมุนตัวกลับโรงอัปลักษณ์ไป
“บริการของโรงอัปลักษณ์แห่งนี้ไม่เลวเลยจริงๆ” เจ้าอ้วนชวีพูด
“ไปกันเถิด พวกเรากลับไปดูกันอีกทีว่ามีของดีอะไรบ้าง” ซือหม่าโยวเย่ว์เก็บใบประมูลลงไป ก่อนจะเดินนำไปขึ้นรถเทียมสัตว์อสูรที่จอดรออยู่ด้านนอก
รถเทียมสัตว์อสูรค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากโรงอัปลักษณ์ เจ้าอ้วนชวีแหวกม่านหน้าต่างแล้วมองออกไปด้านนอก คิดไม่ถึงว่าจะมองเห็นฉินหว่านเข้าพอดี
“ฉินหว่านผู้นั้นเดินทางทีหนึ่งก็ต้องยิ่งใหญ่อลังการเช่นนี้ทุกครั้งเลยหรือไร!”
พวกซือหม่าโยวเย่ว์จึงมองผ่านหน้าต่างออกไปด้วยเช่นกัน ก็เห็นรถเทียมสัตว์อสูรหลายคันตั้งขบวนห้อมล้อมรถเทียมสัตว์อสูรอันงดงามหรูหราคันหนึ่ง ฉินหว่านกำลังลงมาจากรถเทียมสัตว์อสูรพอดี หลังจากนั้นจึงหันไปพูดอะไรบางอย่าง จากนั้นหญิงสาวผู้งดงามหรูหราไปทั้งร่างคนหนึ่งก็ลงมาจากรถม้าคันนั้น
คล้ายกับรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังมองพวกนางอยู่ หญิงสาวผู้นั้นจึงมองมาทางนี้ สายตาคมกริบ แฝงไว้ด้วยความหยิ่งยโสสูงส่ง
“หญิงสาวผู้นั้นคือใครกัน ช่างมีกลิ่นอายแข็งแกร่งยิ่งนัก” เจ้าอ้วนชวีถูกจ้องมองปราดหนึ่งก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“พลังยุทธ์ก็แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว” เว่ยจือฉีพูด
“อยู่กับฉินหว่าน ต้องมิใช่คนดีอะไรแน่นอน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เห็นชัดๆ ว่าเป็นสตรีนางหนึ่ง แต่สายตากลับเหี้ยมโหดเช่นนี้ จะต้องมิใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน[1] นอกจากนี้ดูเหมือนขบวนน่าจะจัดเพื่อนางนั่นแหละ ตัวตนนางจะต้องไม่ธรรมดาแน่ ไม่ใช่กระดูกที่เคี้ยวง่ายๆ เลย!”
โอวหยางเฟยขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้อวิ๋นฉีบอกว่าฉินหว่านผู้นี้เป็นคนมีแค้นต้องชำระ นางมีลูกพี่ลูกน้องหญิงอยู่คนหนึ่งซึ่งเป็นองค์หญิงของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรจันทร์ประจิม ถึงแม้ว่ามารดาจะเป็นเพียงแค่สนมคนหนึ่งเท่านั้น แต่องค์หญิงนั่นกลับมีพรสวรรค์สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง สถานะในราชวงศ์จึงไม่ธรรมดา ถึงขนาดที่ทำให้สถานะของมารดานางสูงส่งตามไปด้วย”
“เช่นนั้นก็เป็นไปได้อย่างมากว่าคนผู้นี้ก็คือองค์หญิงนั่นแล้วล่ะ นางมีชื่อว่าอะไรหรือ”
“ซีเย่ว์ซี”
“ซีเย่ว์ซี… พรสวรรค์เป็นเลิศ พลังยุทธ์แข็งแกร่ง ทั้งยังมีผู้หนุนหลังที่เข้มแข็ง เป็นอย่างไรบ้าง อิจฉาหรือไม่เล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ดึงม่านหน้าต่างลงพลางถามยิ้มๆ
“มีอะไรน่าอิจฉากันเล่า” เจ้าอ้วนชวีพูด “พวกเราก็มิได้ด้อยกว่าเลย!”
“ช่างหลงตัวเองเสียจริง!” ซือหม่าโยวเย่ว์ตบศีรษะเขาเบาๆ
“โยวเย่ว์ พวกเรามาดูรายการสิ่งของประมูลนี่กันดีกว่า” เว่ยจือฉีสนใจในงานประมูลค่อนข้างมากจึงเอ่ยชวน
“ได้สิ”
ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบรายการสิ่งของประมูลออกมาก็เห็นรายชื่อยาวเหยียด จึงเอ่ยว่า “งานประมูลในคราวนี้ใหญ่โตมากเลยนะ มีสิ่งของมากมายถึงเพียงนี้เชียว!”
“จุ๊ๆ นี่มีหลายสิบอย่างเลยทีเดียวกระมัง!”
“พวกเจ้าดูสิ ระดับขั้นต่ำอยู่ด้านหน้า ส่วนระดับขั้นสูงอยู่ด้านหลัง แล้วยังมีไข่สัตว์อสูรด้วยนะ!”
พอพูดถึงไข่สัตว์อสูร ซือหม่าโยวเย่ว์ก็นึกถึงเรื่องที่ทุกคนเลือกไข่สัตว์อสูรกันที่วิทยาลัยในคราวนั้นขึ้นมา หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ยินความเป็นไปอีกเลย จึงไม่รู้ว่าที่พวกเขาเลือกนั้นคือสัตว์อสูรวิเศษชนิดใดกันบ้าง
“แล้วไข่สัตว์อสูรที่พวกเจ้าเลือกกันที่วิทยาลัยในคราวก่อนนั่นเล่า เหตุใดจึงไม่เคยพบเห็นสัตว์อสูรวิเศษของพวกเจ้าเลย”
“ไข่สัตว์อสูรวิเศษที่พวกเราเลือกกันมานั้นไม่รู้ว่าคืออะไร ยังไม่เคยเห็นทั้งสิ้น ของข้ายังคงเป็นไข่ฟองหนึ่งอยู่เลย” เว่ยจือฉีพูด
“ของข้าก็เช่นกัน ไข่ยังไม่ฟักตัวเลย แต่อย่างน้อยของพวกเราก็ยังมีชีวิตอยู่นะ” เป่ยกงถังพูดยิ้มๆ
“มีของใครตายไปแล้วอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ถูกต้อง เจ้าถามถึงไข่สัตว์อสูรของเจ้าอ้วนดูสิ” โอวหยางเฟยนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาได้จึงหัวเราะออกมา
“เจ้าอ้วน ไข่สัตว์อสูรของเจ้าเล่า”
“กินไปแล้วน่ะสิ” เจ้าอ้วนชวีพูด พอเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาเขาก็หดหู่นัก ของคนอื่นยังมีชีวิตอยู่ มีของเขาเพียงคนเดียวที่กลายเป็นไข่ตาย ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเหตุใดโชคชะตาตนจึงย่ำแย่เช่นนี้
“กินไปแล้วหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าอ้วนชวีอย่างตกใจ
“ใช่สิ พอออกมาก็เป็นไข่ตายแล้ว หลังจากนั้นข้าก็เลยใช้ของที่เจ้าทิ้งเอาไว้ในห้องครัวทำเป็นไข่หมีกินเสียเลย” เจ้าอ้วนชวีเอ่ยอย่างหดหู่
“อืม พวกเราแบ่งกันกินคนละนิดละหน่อย ถึงแม้ว่าเคล็ดลับจะไม่ได้เรื่อง แต่ไข่ก็รสชาติดีอยู่นะ” โอวหยางเฟยพูด
“พรืด…” ซือหม่าโยวเย่ว์พ่นหัวเราะออกมา เมื่อเห็นสีหน้าหดหู่ของเจ้าอ้วนชวีจึงเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรหรอกน่า ก็แค่ไข่สัตว์อสูรฟองเดียวมิใช่หรือ กินไปแล้วก็กินไปเถิด ถึงอย่างไรสัตว์อสูรที่ข้าให้เจ้าก็แกร่งกว่าไข่ฟองนั้นของเจ้าตั้งมากมาย”
ที่เทือกเขาสั่วเฟยย่า พวกเขาร่วมแรงกันจับสัตว์อสูรเทพมาได้หลายตน ซือหม่าโยวเย่ว์ฝึกพวกมันให้เชื่องแล้วก็ให้พวกเขาทำพันธสัญญา ตอนนี้พวกเขาก็มีสัตว์อสูรเทพผูกพันธสัญญาอยู่ด้วยอย่างน้อยหนึ่งตนแล้ว
“โอ้ ข้างบนนี้ยังมีสิ่งของนิรนามอยู่ด้วยนะ” เว่ยจือฉีดูรายการอยู่ตลอด จึงเห็นว่าบริเวณด้านบนสุดนั้นมีเขียนถึงสิ่งของที่แม้แต่โรงประมูลเองก็ยังไม่ทราบเอาไว้ด้วย
……………………………………….
[1] ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน 不是省油的灯 เป็นสำนวนใช้เปรียบคนที่รับมือด้วยยาก เรื่องมาก เรื่องเยอะ