ณ ร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันสาขาใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในตลาดเฮลสล็อตประจำเมืองหลวง

วันนี้ร้านปิดบริการชั่วคราวเป็นพิเศษ แคลอฮันที่นั่งอยู่ในร้านตามลำพัง เขาได้แต่ถอนหายใจด้วยความตื่นเต้น

“ฮู่ว…เทียจะชอบมั้ยนะ”

สายตาของแคลอฮันมองจ้องไปยังชุดเดรสที่แขวนไว้มุมหนึ่ง

มันคือชุดเดรสสีเขียวทำจากผ้าไหมชั้นยอด ที่เขาขอร้องให้ท่านหญิงเซอเชาว์ช่วยจัดหาผ้ามาให้

หลังจากที่เทียตัดสินใจร่วมงานเปิดตัว แคลอฮันก็ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนออกแบบและตัดเย็บมันขึ้นมา

ชุดเดรสที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก เพื่อบุตรสาวของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

เดิมทีเขาตั้งใจว่าจะปรึกษากับเทีย หรือไม่ก็ผู้เชี่ยวชาญสักคน แล้วค่อยตัดเย็บมันขึ้นมาแต่ในฐานะบิดาเขาก็อยากจะมอบของขวัญเป็นการเซอร์ไพร้ส์บุตรสาวที่มักจะทำทุกอย่างได้ดีอยู่เสมอ จึงตัดสินใจที่จะลงมือตัดเย็บมันด้วยตัวเอง

“น่าจะถามก่อน…”

และมาถึงตอนนี้แคลอฮันก็ได้แต่กล่าวโทษตัวเองในอดีต

เพราะเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่า ‘ถ้าเทียไม่ถูกใจจะทำยังไงดีล่ะ’ เขาก็รู้สึกกลัว

แคลอฮันเอาแต่ยกมือลูบใบหน้าด้วยความกังวลจู่ๆ เขาก็นึกถึงชาห์น ภริยาที่เขาแสนจะคิดถึงขึ้นมา

‘เทียในชุดเดรสสีเขียว…จะต้องงดงามมากแน่ๆ’

หลังจากคลอดบุตร ชาห์นก็เริ่มอ่อนแอลงทุกวัน นั่นคือคำพูดที่นางเอ่ยขึ้นยามกอดเทียที่เพิ่งจะอายุได้แค่หนึ่งร้อยวันเอาไว้ในอ้อมกอด

ชาห์นเป็นหญิงสาวที่ลึกลับเป็นอย่างมาก

วันที่พบกันครั้งแรก ผู้หญิงคนนี้มองหน้าเขาตรงๆ แล้วเดินเข้ามาหา

ราวกับคนที่รู้อยู่แล้วว่าในวันนั้น ณ ที่แห่งนั้น โชคชะตาของพวกเขาสองคนจะเริ่มต้นขึ้น บางครั้งชาห์นก็มักจะพูดอะไรบางอย่างที่ไม่สมเหตุผลเสียเท่าไหร่ คล้ายกับคนที่สามารถมองเห็นอนาคตได้

‘เดรสสีเขียว’ เองก็เป็นหนึ่งในคำพูดพวกนั้น

คำพูดที่เขาใช้ชีวิตโดยลืมเลือนมันไปแล้วประโยคนั้น มันตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลในที่สุดแคลอฮันถึงได้เลือกสีเขียวเข้มมาเย็บเป็นชุดเดรสสำหรับงานเปิดตัวของเทีย

และใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนออกแบบดีไซน์ขึ้นมาราวกับตกอยู่ในมนตร์สะกด

ราวกับมันเป็นสิ่งที่อยู่ในหัวสมองของเขามาตั้งแต่เนิ่นนานมาแล้ว มือของเขาขยับโดยไม่หยุดพัก เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ดีไซน์ชุดเดรสก็เสร็จสมบูรณ์

และจนถึงวันนี้ ที่ผ่านมาแคลอฮันยุ่งอยู่กับการตัดเย็บชุดเดรสทุกวันโดยไม่มีเวลาได้หยุดพัก

ในหัวสมองของแคลอฮัน ชุดเดรสชุดนี้สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเทีย

ชายขอบผ้า แขนเสื้อ และบริเวณคอเสื้อ เขาให้ช่างฝีมือช่วยจัดการให้ มันถูกปักเย็บเป็นลายดอกไม้อันแสนประณีตด้วยไหมทองคำ

บริเวณหน้าอกและไหล่เองก็ถูกประดับด้วยไข่มุกเม็ดขาวเนียนดูน่ารักน่าชมทั่วจีบผ้าฟูฟ่อง

มันคือของขวัญจากแคลอฮัน เพื่อเทีย เพื่อบุตรสาวที่ล้ำค่าที่สุดในโลกใบนี้

“แต่ถ้าเทียไม่ถูกใจล่ะ…”

มันก็ไม่มีความหมายอะไรเลยน่ะสิ!

ในตอนนั้นเองก็พลันได้ยินเสียงรถม้าดังขึ้นจากด้านนอก ก่อนที่เทียกับลอรีลจะเดินเข้ามาข้างใน

“พ่อ!”

ใบหน้าของแคลอฮันที่เกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ เมื่อได้เห็นบุตรสาวตัวน้อยวิ่งเข้ามาหาด้วยแรงทั้งหมดที่มี ก็พลันเบิกบานขึ้นจนแทบไม่อยากเชื่อว่าเกือบร้องไห้ไปตั้งแต่เมื่อใด

“เทีย!”

พอได้ดึงตัวเทียที่วิ่งกระโจนเข้ามาหาเขาเข้ามาสวมกอดไว้แน่น แคลอฮันก็รู้สึกเหมือนหัวใจได้รับพลังเติมเต็มจนล้น

นับตั้งแต่วันที่มือเล็กๆ ข้างนั้นจับปลายนิ้วของเขาเอาไว้แน่น สำหรับแคลอฮันแล้ว เทียเป็นเสมือนโลกทั้งใบ

เพื่อเด็กคนนี้ ต่อให้ต้องยอมสละชีวิตแทนเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เขาก็ไม่เสียดายเลยสักนิด

ทุกครั้งที่อุ้มเทียเอาไว้ในอ้อมกอด แคลอฮันคิดเช่นนั้นเสมอ

“ว้าว นี่เดรสของข้าเหรอคะ”

เทียหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเดรสที่แขวนไว้บนกำแพง

หัวใจของแคลอฮันเริ่มเต้นกระหน่ำส่งเสียงดังตึ้กตั้ก

และไม่นานหลังจากนั้น

“กรี๊ด! ถูกใจมากเลยค่ะ! ขอบคุณนะคะ พ่อ!”

เทียกระโจนเข้าหาอ้อมกอดของแคลอฮันอีกครั้ง

“ละ โล่งอกไปที…”

แคลอฮันตบหลังบุตรสาวเบาๆ ในขณะที่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เดี๋ยวข้ารีบไปเปลี่ยนชุดออกมานะคะ!”

หลังจากที่เทียหยิบชุดเดรสเดินเข้าไปในห้องลองชุดพร้อมกับลอรีล แคลอฮันก็รู้สึกเหมือนขึ้นแท่นทดสอบอีกครั้ง

มันต้องเหมาะแน่ๆ น่าจะเหมาะอยู่นะ

จะเหมาะหรือเปล่า

เวลาเพียงแค่ครู่เดียวยังรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเสียเหลือเกิน

“พ่อ! ข้าดูเป็นยังไงบ้างคะ”

เทียตะโกนเสียงดังในขณะที่เดินออกมาจากห้องแต่งตัว

แคลอฮันกำลังก้มหน้านิ่งด้วยความตื่นเต้น เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้บุตรสาว

พอได้เห็นภาพของบุตรสาวแสนสวยแล้ว มันทำให้เขารู้สึกอยากจะยกสองมือชูขึ้นสูง ส่งเสียงร้องตะโกนเชียร์ออกมา

“เหมือนเกิดมาเพื่อข้าเลยค่ะชุดนี้! ”

มองย้อนกลับไป เขารู้สึกผิดต่อเทียมากจริงๆ

ชาห์นจากไปด้วยลมหายใจสุดท้ายก่อนหน้าที่บุตรสาวจะอายุได้หนึ่งขวบเสียอีก ส่วนแคลอฮันที่เหลือคนเดียวก็เป็นเพียงแค่พ่อที่ด้อยประสบการณ์

แถมยิ่งเติบโตขึ้น เทียก็ยิ่งมีนิสัยนิ่งเงียบเก็บเนื้อเก็บตัวเหมือนกับเขา มันทำให้เขารู้สึกเหมือนทุกอย่างเป็นความผิดของตน แคลอฮันจึงได้แต่ขอโทษแล้วขอโทษเล่า

เทียเป็นบุตรสาวที่ดีงามมากจนบิดาผู้ไม่ได้เรื่องคนนี้ไม่คู่ควรกับนางเลยแม้แต่น้อย

“ขอบคุณนะคะ พ่อ!”

เทียหมุนตัวหันกลับมามองแคลอฮันแล้วส่งยิ้มกว้างให้

เด็กน้อยที่ตัวเล็กมากเสียจนถูกห่อไว้ด้วยผ้าสำลีเนื้อนุ่ม และอุ้มไว้ได้ในมือข้างหนึ่งคนนั้น ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เติบโตขึ้นจนถึงวันที่นางจะได้สวมชุดเดรสไปงานเปิดตัวสู่สังคมเสียแล้ว

“ต้องยืนส่องหน้ากระจกบานใหญ่ให้ชัดๆ! ”

เทียเดินสาวเท้าก้าวตรงไปหยุดอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ที่วางตั้งอยู่หน้ากำแพง

แคลอฮันยกมือขึ้นปิดปากแน่น

ติ๋ง

หยาดน้ำตาเม็ดกลมไหลเอ่อ มันอาบลงมาตามแก้ม หยดกระทบลงบนหลังมือของแคลอฮัน

อา เด็กคนนี้ ช่างเป็นเด็กที่เขาไม่คู่ควรจะเป็นบิดาของนางเลยจริงๆ

เขาไม่เคยทำเรื่องดีงาม ขนาดที่สมควรได้เป็นบิดาของเด็กที่แสนน่ารักคนนี้เสียหน่อย

เสียงใสที่กำลังพูดเจื้อยแจ้วกับลอรีลด้วยความตื่นเต้นนั่น ช่างฟังแล้วไพเราะน่าฟังเหลือเกิน

‘เจ้าพูดถูกต้องแล้ว’

แคลอฮันยิ้มกว้าง ในขณะที่ไม่อาจละสายตาห่างออกไปจากบุตรสาวได้เลย

‘บุตรสาวของพวกเรายามสวมชุดเดรสสีเขียวตัวนี้ ช่างงดงามมากเหลือเกิน’

รู้สึกราวกับได้ยินเสียงหัวเราะของชาห์น ที่เป็นดั่งสายน้ำเย็นภายใต้ท้องฟ้าในฤดูร้อนที่แสนร้อนแรง ดังขึ้นแว่วผ่านเข้ามาในหู

แคลอฮันไม่ยอมละสายตาไปจากเทีย เขาพยายามที่จะจดจำช่วงเวลานี้เอาไว้ ขณะเดียวกันก็เอ่ยพึมพำเรียกนามของบุคคลที่เขาแสนคิดถึง

‘ชาห์นเจ้าดูอยู่หรือเปล่า’