งานเลี้ยงเปิดตัวประจำราชวงศ์เริ่มต้นขึ้น

มันเป็นงานเลี้ยงเปิดตัวที่ได้รับความสนใจมากมายทุกปี แต่โถงงานเลี้ยงในปีนี้กลับแน่นขนัดเป็นพิเศษ

“เห็นว่างานเปิดตัวปีนี้เป็นงานสุดท้ายที่หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าเป็นผู้จัดใช่มั้ยคะ”

“ข้าถึงได้รีบเดินทางมายังเมืองหลวง เพราะอยากเข้าร่วมงานให้ได้ยังไงล่ะคะ”

ในชีวิตอันแสนน่าเบื่อของเหล่าชนชั้นสูง งานพิเศษแบบนี้เป็นเหมือนดั่งสายฝนท่ามกลางฤดูแล้ง

เพราะอย่างนั้นบรรดาคนที่รวมกลุ่มกันสามสี่คนเข้ามาในงานเลี้ยงถึงได้ตื่นเต้นสุดๆ

และหลังจากที่เข้ามาในงาน พวกนางก็มีสีหน้าเหมือนกันหมด

“โอ้ พระเจ้า!”

“เพิ่งเคยเห็นงานเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่อลังการเช่นนี้เป็นครั้งแรกเลยนะคะ…! ”

ทันทีที่ย่างกรายเข้ามาในโถงงานเลี้ยง ผู้คนทั้งหลายต่างก็หยุดฝีเท้าและหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ เพราะอย่างนั้นจึงทำให้การเข้างานติดขัดอยู่บ้าง แต่ไม่มีใครบ่นอะไรออกมาทั้งสิ้น

“ดูดอกไม้งดงามด้านนั้นสิ…”

ใครบางคนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความชื่นชม

“โฮะโฮะ จริงๆ เลยนะ…”

มีกระทั่งคนที่หัวเราะเสียงแห้งให้กับทัศนียภาพที่เพิ่งเคยได้เห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต

เดิมทีงานเลี้ยงเปิดตัวของทางราชวังออกจะเรียบง่าย แต่ก็เป็นงานที่มีระดับเพื่อแสดงให้เห็นถึงเกียรติแห่งราชวงศ์

แต่ปกติมันก็ไม่ได้หรูหราระดับนี้

“เหมือนมาอาณาจักรภูตน้อย ไม่ใช่โถงงานเลี้ยงเลยนะคะเนี่ย”

คำพูดนั้นทำให้บรรดาชนชั้นสูงรอบๆ ต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งๆ ที่ยังอ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว

ภายในโถงจัดงานเลี้ยงที่จุคนได้หลายร้อยคนจัดแต่งด้วยดอกไม้หลากสีสันกลิ่นหอมของดอกไม้อบอวลไปทั่ว

ตั้งแต่โคมไฟระย้าขนาดเล็กที่แขวนอยู่เหนือเพดานเป็นระยะทั่วงาน และยังมีช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ประดับตกแต่งอยู่รอบๆ ดูแล้วไม่ต่างจากภาพในห้วงฝันเลยสักนิด

เหนือประตูบานโค้งเชื่อมต่อไปยังระเบียงด้านนอกก็มีดอกไม้สีขาวดอกเล็กจิ๋วห้อยลงมาเหมือนเถาวัลย์ ระหน้าผากของผู้คนที่เดินเข้าออกผ่านไปผ่านมา

ประตูที่อีกครู่หลังจากนี้เหล่าคุณหนูจะใช้ในการเดินเข้างาน และผนังกำแพงฝั่งนั้นถูกสร้างขึ้นเป็นกำแพงดอกไม้จากดอกกุหลาบสีชมพูและสีเหลืองอ่อน

สิ่งที่จับตาผู้คนที่มาร่วมงานได้มากที่สุดเหนือสิ่งใดก็คือ ลำธารขนาดย่อมล้อมรอบโถงงานเลี้ยงและเชื่อมต่อไปยังเวทีนั่นเอง

สายน้ำใสสะอาดไหลผ่านไปตามหินอ่อนสีขาวที่ถูกวางเป็นชั้นน้ำตกติดริมกำแพง เพื่อไม่ให้ขัดขวางเส้นทางการเดิน มันส่งเสียงซ่าๆ เป็นระยะ ไหลเวียนไปเรื่อยตามร่องหินอ่อน

“นี่มันช่าง…”

“ข้ากำลังฝันอยู่หรือเปล่าเนี่ย”

ผู้คนที่เดินเข้าไปใกล้ราวกับต้องมนตร์สะกด บ้างก็ยื่นมือออกไปลูบไล้ช่อดอกไม้ช่อเล็กที่ชูตระหง่านอยู่ท่ามกลางสายน้ำ บ้างก็ย่อเข่าลงข้างหนึ่ง นั่งลงใช้ปลายนิ้ววักน้ำเย็นฉ่ำขึ้นมา

“ดูเหมือนงานเลี้ยงเปิดตัววันนี้จะคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนไปอีกนานเลยนะคะ ช่างงดงามจริงๆ !”

“ได้ยินข่าวลือมาละ…เห็นว่าเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่องานเปิดตัววันนี้เชียวนะคะ”

“อา วันนี้บุตรสาวของท่านชายแคลอฮัน ลอมบาร์เดียจะเปิดตัวสินะคะ! ”

ในตอนนั้นเองทุกคนถึงได้พยักหน้า เมื่อเข้าใจว่าเพราะเหตุใดงานถึงได้ยิ่งใหญ่อลังการขนาดนี้ พวกนางหันไปมองรอบๆ โถงงานเลี้ยงอีกครั้ง

เงินของตระกูลลอมบาร์เดียและงานเลี้ยงครั้งสุดท้ายที่หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าทุ่มเทแรงกายและใจ งัดเคล็ดลับทุกอย่างที่มีเพื่องานนี้

เพียงแค่นั้นก็อธิบายได้แล้วว่า ทำไมงานเลี้ยงนี้ถึงได้ดูเหนือจินตนาการราวกับอยู่ในโลกแห่งความฝันเช่นนี้

งานเลี้ยงเริ่มต้นอย่างเต็มรูปแบบ วงออร์เคสตราเริ่มบรรเลงดนตรี

ความรู้สึกตกใจยามเห็นงานเลี้ยงในตอนแรกถึงค่อยเริ่มเบาบางลงไปบ้าง ชนชั้นสูงทั้งหลายต่างเริ่มให้ความสนใจในเรื่องอื่นแทน

“ว่าแต่นี่มันอะไรกันคะ”

“ดูจากที่มอบให้แขกเหรื่อที่มาร่วมงานคนละชิ้น น่าจะเป็นของชำร่วยนะ”

หลังจากที่ร้านค้าเพลเลสมอบสร้อยเพชรให้กับทุกคนที่มาร่วมงานแสดงความยินดี การมอบของชำร่วยให้เป็นการตอบแทนจึงกลายเป็นธรรมเนียมใหม่ของเหล่าชั้นสูงไปแล้ว

บรรดาชนชั้นสูงเปิดกล่องใบเล็กออกอย่างระมัดระวังด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น

“นี่มันเพชรใช่มั้ยคะ”

“อ๊า ดีใจจัง! ”

สิ่งที่อยู่ในกล่องคือ กระดุมทองประดับเพชร

ขนาดพอเหมาะและดีไซน์ก็เข้ากันได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เหมาะที่จะนำไปใช้ติดบนเสื้อผ้าเพื่อสร้างจุดเด่นให้แก่ชุด

“เหล่าคุณหนูที่ได้เปิดตัวในวันนี้ช่างโชคดีจริงๆ เลยนะคะเนี่ย! งานเลี้ยงหรูหราถึงเพียงนี้”

“บุตรสาวของท่านชายแคลอฮัน มีนามว่าฟีเรนเทียใช่มั้ยคะ”

“ตอนนี้ท่ามกลางกลุ่มชนชั้นสูงในอาณาจักร คงไม่มีใครไม่รู้จักนามนั้นอีกแล้วละค่ะ”

ท่ามกลางงานเลี้ยงทุกคนต่างก็สนทนากันด้วยความตื่นเต้นเป็นพิเศษ

จักรพรรดินีราวีนี่ก้าวเข้างานโดยกะเวลาให้ตรงกับช่วงที่บรรยากาศในงานเลี้ยงเริ่มสุกงอมได้ที่ นางซ่อนริมฝีปากสั่นระริกไว้หลังแก้วไวน์ที่ถือไว้ในมือ

ถึงแม้ผู้ดูแลจะประกาศเสียงดังแจ้งให้ทราบถึงการเสด็จของจักรพรรดินี แต่ก็มีเพียงแค่เหล่าชนชั้นสูงที่ยืนอยู่แถวประตูทางเข้าออกเท่านั้นที่หันกลับมาถวายบังคม

มันเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะงานเลี้ยงใหญ่โตมากอีกทั้งผู้คนยังคุยกันเสียงดัง แต่จักรพรรดินีไม่อาจยิ้มรับและปล่อยผ่านไปได้

เพราะนางรู้สึกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในงานเลี้ยงหรูหราอลังการจนงานที่ผ่านมาเทียบไม่ติดนี้ เป็นสิ่งที่หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าตั้งใจจัดขึ้นเพื่อเยาะเย้ยนางนั่นเอง

ในตอนนั้นเองอาสทาน่าก็เดินเข้ามาใกล้

“เสด็จแม่”

“อ๊ะ เจ้าชาย”

จักรพรรดินียิ้มด้วยความยินดีหลังจากเห็นอาสทาน่า แต่ใบหน้ายิ้มแย้มก็คงอยู่ได้ไม่นานนัก

“สมแล้วนะครับที่เป็นงานเลี้ยงที่ผู้คนลือกันว่าเป็นงานของลอมบาร์เดีย น่าทึ่งจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

“ว่ายังไงนะคะ”

นัยน์ตาของจักรพรรดินีคมปราบขึ้นมาทันที แต่ถึงจะเห็นเช่นนั้น อาสทาน่าก็ยังพูดต่อโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร

“ต่อให้คุณหนูตระกูลใดในอาณาจักรจะจัดงานเลี้ยงเปิดตัว แต่จะมีตระกูลไหนอีกที่สามารถประดับตกแต่งพระราชวังได้ยิ่งใหญ่ตระการตาแบบนี้อีกล่ะพ่ะย่ะค่ะแถมยังมอบกระดุมเพชรเป็นของชำร่วยอีก…”

คงจะเหมาะกับเข็มกลัดเพชรที่เขามีมากทีเดียวเชียว

อาสทาน่าลูบกระดุมเพชรที่ได้รับมาเป็นของชำร่วยด้วยความพอใจ

หมับ-!

แต่จักรพรรดินีกลับช่วงชิงมันไปจากมือของอาสทาน่าอย่างรุนแรง

“ของคุณภาพต่ำแบบนี้ ไม่สมกับเกียรติของเจ้าชายหรอกค่ะ”