เซียวยวี่เข้าห้องไปด้วยอารมณ์โมโหเป็นอย่างยิ่ง
เขากล่าวชัดเจนถึงเพียงนั้นแล้ว นางยังไม่เข้าใจอีก?
ดูไปแล้วก็เหมือนเป็นคนฉลาดมากไม่ใช่หรือ? เหตุใดวาจาที่เพิ่งกล่าวไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับลืมไปจนสิ้นเล่า?
เซียวยวี่ที่กลับเข้าห้องไป เห็นคนบางคนยังยืนอยู่ใต้ชายคาด้วยท่าทางครุ่นคิดอย่างหนัก เซียวยวี่แทบอยากมุดเข้าไปในใจเซี่ยยวี่หลัว ดูว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ!
เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเซียวยวี่ต้องการให้นางไปฝนหมึกหรือไม่ เสียงของเซียวยวี่ที่แฝงเร้นด้วยความไม่พอใจก็ดังขึ้นจากด้านใน “หมึกของข้าหมดแล้ว”
เป็นเรื่องหมึกจริงด้วย!
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก เดาถูกจริงด้วย
ท่านราชบัณฑิตน้อยออกคำสั่ง ต่อให้นางต้องขึ้นเขาลงห้วยก็ต้องปฏิบัติตาม!
เซี่ยยวี่หลัวรีบขานตอบว่ามาแล้ว ก่อนสาวเท้าวิ่งเข้าห้องของเซียวยวี่ไป
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยยวี่หลัวเข้าห้องของเซียวยวี่ขณะที่เซียวยวี่อยู่บ้าน
ห้องนอนของเขาอยู่ด้านนอก เก็บกวาดอย่างสะอาดเรียบร้อย เครื่องนอนที่ใช้เสร็จแล้วถูกพับและวางไว้บนเตียง พับไว้อย่างเป็นระเบียบ ภายในห้องไม่มีฝุ่นผงแม้แต่น้อย นอกจากอากาศสดชื่นบริสุทธิ์ที่ไม่มีฝุ่นผงแฝงเร้นแม้แต่น้อย สิ่งสำคัญที่สุดคือ มีคนคอยปัดกวาดเช็ดถูห้องอยู่ตลอด ทำให้ภายในห้องปราศจากฝุ่นผง
รักสะอาดก็คือรักสะอาด ภายในห้องเก็บกวาดอย่างสะอาดเรียบร้อย ทำให้เห็นแล้วรู้สึกสบายใจ ต่อไปหากนางจะแต่งงานใหม่ ต้องหาบุรุษที่มีนิสัยรักสะอาด นางรับผิดชอบทำอาหารซักเสื้อผ้า เรื่องอื่นๆ ในบ้านให้สามีเป็นคนทำ
เซี่ยยวี่หลัวกวาดตามองคร่าวๆ ก่อนก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องหนังสือ
ห้องหนังสือก็สะอาดเช่นเดียวกัน เก็บกวาดอย่างสะอาดสะอ้าน เซี่ยยวี่หลัวเดินตรงไปถึงข้างโต๊ะหนังสือ กวาดสายตามองหาจานฝนหมึก
บนโต๊ะนอกจากแท่นวางพู่กัน มีเพียงตำราและกระดาษ เพราะโต๊ะหนังสือถือว่ากว้าง จานฝนหมึกอยู่ข้างๆ แท่นวางพู่กัน มองแวบเดียวก็เห็นแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรกล่าวอะไร อย่างไรเซียวยวี่ก็อยู่ข้างๆ เซี่ยยวี่หลัวไม่อยากเข้าใกล้เขามากเกินไป จึงยกจานฝนหมึก เดินไปยังโต๊ะสี่เหลี่ยมที่อยู่อีกด้านหนึ่ง นั่งลงฝนหมึกช้าๆ
การฝนหมึกจะใจร้อนไม่ได้ มือเร็วไม่ได้
ความหนักเบาและช้าเร็วของการฝนหมึกต้องพอเหมาะ ผู้ฝนหมึกต้องนั่งตัวตรง แท่งหมึกในมือต้องตั้งตรง หมุนวนบนจานฝนหมึกเป็นแนวตั้ง จะฝนเป็นมุมทแยงไม่ได้ และจะถูไปมาไม่ได้ ทั้งยังไม่สามารถฝนตามอำเภอใจ
การฝนหมึกเป็นเรื่องที่สามารถทดสอบพลังกายและพลังใจของผู้ฝนหมึกได้อย่างแท้จริง แต่ยังดีที่ในภพก่อน เซี่ยยวี่หลัวมักจะฝนหมึกให้ท่านปู่เป็นประจำ
ในตอนแรก ท่านปู่จะนำจานฝนหมึกราคาถูกมาให้เซี่ยยวี่หลัวฝึกฝน หลังจากฝึกฝนจนช่ำชอง ท่านปู่จึงนำจานฝนหมึกที่เก็บไว้และไม่อาจตัดใจใช้ได้มาสอนเซี่ยยวี่หลัวฝนหมึก มาบัดนี้ เซี่ยยวี่หลัวไม่เพียงแต่สามารถฝนหมึกอย่างชำนาญ ทั้งยังฝึกฝนจนสามารถฝนหมึกด้วยมือซ้ายได้เป็นอย่างดี
ด้านท่าฝนหมึก การใช้แรง และการเติมน้ำ นางเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งนานแล้ว
นางหันหลังให้เซียวยวี่ ฝนหมึกอย่างสงบใจ เซียวยวี่กลับรู้สึกกังวลใจขึ้นมา
เซี่ยยวี่หลัวฝนหมึกไม่เป็น หากฝนจนเสีย จะทำอย่างไร? ต้องรู้ว่าจานฝนหมึกต้องเสียเงินซื้อ หากฝนจนเสียยังต้องเสียเงินซื้อใหม่อีก
จะสิ้นเปลืองไปทำไม!
เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวที่หันหลังให้ตนเอง เซียวยวี่ชะเง้อคอ กลับมองไม่เห็นอะไร จึงวิตกกังวลยิ่งกว่าเดิม
จู่ๆ เซียวยวี่ก็นึกเสียใจขึ้นมา เหตุใดถึงต้องเรียกนางเข้ามาฝนหมึกให้ตนเอง? หกล้มจนสมองมีปัญหา หรือเสียสติไปแล้ว?
ตอนอยู่ที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้าน เซี่ยยวี่หลัวปฏิเสธคำเชื้อเชิญของกวั่นซื่ออย่างเกรงใจอยู่หลายครา เซียวยวี่เห็นว่านางปฏิเสธอย่างยากลำบาก ดังนั้นจึงกล่าวประโยคนั้นเพื่อช่วยนาง
หากจานฝนหมึกถูกฝนจนเสียหาย ก็ถือเป็นกรรมที่เขาสมควรได้รับ
เซียวยวี่ถอนหายใจยาว หากจานฝนหมึกเสียหายจริง ยังต้องเสียเวลาไปซื้ออีก ได้ไม่คุ้มเสีย คิดไปคิดมา เขาตัดสินใจว่าจะไปสอนเซี่ยยวี่หลัวฝนหมึก เพื่อจะได้ไม่ฝนจนเสียหาย
“เจ้าฝนหมึกเป็นหรือไม่? ข้าจะฝนให้เจ้าดู! ” เมื่อตัดสินใจว่าจะทำแล้ว เซียวยวี่จึงเดินไปหยุดตรงหน้าเซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวกำลังใช้มือซ้ายฝนหมึก เมื่อได้ยินเสียงของเซียวยวี่ จึงหันมามอง แท่งหมึกในมือซ้ายยังอยู่บนจานฝนหมึก “อ่อ ไม่ต้อง ข้าฝนเองเป็น! ”
กล่าวจบ จึงจับแท่งหมึกฝนต่อ
เซียวยวี่เห็นนางใช้มือซ้ายฝนหมึก นึกว่านางฝนด้วยมือขวาจนเมื่อยจึงเปลี่ยนมาใช้มือซ้าย เขายืนดูอยู่ข้างๆ ครู่ใหญ่ จึงพบความผิดปกติ
เซี่ยยวี่หลัวนั่งตัวตรงอย่างเรียบร้อย มือออกแรงอย่างสม่ำเสมอ ข้างมือขวาของนางมีถ้วยเล็กวางอยู่หนึ่งถ้วย ในถ้วยมีน้ำสะอาด นางเติมน้ำเล็กน้อยเป็นระยะ
จนถึงตอนที่เซียวยวี่แค่มองยังรู้สึกว่าเหนื่อยแล้ว เซี่ยยวี่หลัวก็ยังคงใช้มือซ้ายฝนหมึก ไม่ได้หยุดชะงักเพราะการใช้แรงไม่สม่ำเสมอเหมือนการฝนหมึกครั้งแรกเลย มือของนางยังมั่นคงและมีพลังตลอด ไม่หนักไม่เบา ความเร็วปานกลาง น้ำหนักพอเหมาะ
เซียวยวี่มองน้ำหมึกที่ค่อยๆ ถูกฝนออกมาจากใต้มือเซี่ยยวี่หลัวด้วยอาการเหม่อลอย น้ำหมึกเป็นประกายแวววาว ไม่เข้มข้นหรือเจือจางเกินไป ละเอียดสม่ำเสมออย่างพอเหมาะพอดี
ฝนหมึกเป็นครั้งแรก?
เซียวยวี่หาใช่คนเขลา หากบอกว่าเข้าครัวครั้งแรกก็สามารถทำอาหารอร่อยได้ เขายังเชื่อ อย่างไรเสียขอเพียงใส่เครื่องปรุงรสได้พอดี และบังเอิญโชคดี ก็น่าจะทำอาหารรสชาติอร่อยออกมาได้
แต่การฝนหมึกต้องอาศัยฝีมือและทักษะ
หากถูตรงๆ หรือถูไปมาอย่างซี้ซั้ว น้ำหมึกที่ฝนออกมาจะมีความเข้มข้นไม่สม่ำเสมอ หากเติมน้ำมากเกินไป สีน้ำหมึกจะจางเกินไป ฝนมาเป็นเวลานาน มือซ้ายยังคงไม่เร็วหรือช้าเกินไป ย่อมเคยเรียนฝนหมึกด้วยมือซ้ายจนมีพื้นฐานมั่นคงแน่นอน
หากผู้ฝนหมึกเพิ่งหัดฝนเป็นครั้งแรก มีแต่จะถูแท่งหมึกไปมาในน้ำหมึก
เซี่ยยวี่หลัวฝนหมึกเป็นครั้งแรกก็รู้หลักการมากมายถึงเพียงนี้ เซียวยวี่ย่อมไม่เชื่อ หากไม่ใช่ว่าเคยได้รับการชี้แนะจากอาจารย์ผู้มีชื่อรวมทั้งตั้งใจฝึกฝนด้วยตัวเอง ไม่มีทางจะมีทักษะชำนาญถึงเพียงนี้ได้
ดีจนเซียวยวี่ถอนหายใจด้วยความตกใจ
ดูจนเซี่ยยวี่หลัวนำแท่งหมึกที่ฝนเสร็จแล้วไปเก็บ จากนั้นจึงยกจานฝนหมึกไปวางไว้บนโต๊ะ “ฝนเสร็จแล้ว! ”
เซียวยวี่รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก กลับไม่แสดงออกทางสีหน้าแม้แต่น้อย
“ฝนได้ดีมาก! ”
เซี่ยยวี่หลัวเลิกคิ้วงามขึ้นเล็กน้อย ไม่ใส่ใจคำชมของเซียวยวี่สักนิด
แค่ดีมากเสียที่ไหน ในสายตาเซี่ยยวี่หลัว ในยุคปัจจุบัน นอกจากผู้อาวุโสหรืออาจารย์อาวุโสเหล่านั้น ภายใต้การชี้แนะของท่านปู่ ในกลุ่มคนวัยเดียวกัน ฝีมือการฝนหมึกของนางยังไม่มีใครเทียบได้
ท่านปู่เป็นคนเข้มงวดถึงเพียงนั้น เขียนพู่กันมาทั้งชีวิต ยังบอกว่านางฝนได้ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องฝนหมึกให้เซียวยวี่
เซียวยวี่เพิ่งอายุเท่าไร ประสบการณ์ความรู้ของเขา… จะเทียบกับคนในยุคปัจจุบันที่สามารถรับข่าวสารจากทั่วทุกสารทิศได้อย่างไร
เซี่ยยวี่หลัวไหวคิ้วอย่างได้ใจ “เช่นนั้นข้าออกไปก่อน! ไม่รบกวนเจ้าร่ำเรียนอ่านตำราแล้ว! ”
กล่าวจบ จึงออกไปด้วยท่าทางดีอกดีใจ เมื่อเดินออกจากห้อง เซี่ยยวี่หลัวผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก เมื่อครู่นางแสดงความสามารถตามปกติ อย่างน้อยก็ไม่เปิดช่องโหว่ให้เซียวยวี่ฉวยโอกาสอาละวาด
นางไม่รู้เลยว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางต้องฝนหมึกไปทั้งชีวิต
เซียวยวี่รีบหยิบพู่กันขึ้นมาจุ่มน้ำหมึกจนเต็มอย่างอดใจรอไม่ไหว ปลายพู่กันอวบอิ่มไปด้วยน้ำหมึก ไม่ข้นไม่จาง สีหมึกเป็นประกาย เป็นน้ำหมึกชั้นดี!
น้ำหมึกที่ฝนออกมายังดีกว่าเซียวยวี่ที่เขียนหนังสือทุกวัน และต้องฝนหมึกทุกสามวันห้าวันถึงสามส่วนทีเดียว
เมื่อครู่ดูฝีมือการฝนหมึกของเซี่ยยวี่หลัว เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ฝนหมึกเป็นประจำ แม้แต่เซียวยวี่ยังไม่อาจเทียบนางได้
คนที่แทบไม่รู้หนังสือ เหตุใดถึงฝนน้ำหมึกที่ดีถึงเพียงนี้ออกมาได้? สตรีผู้นี้ ยังมีความลับอีกมากมายเพียงใดที่เขาไม่รู้
เซียวยวี่แย้มรอยยิ้มอย่างแฝงความนัยลึกซึ้ง ที่แท้คนข้างกายตัวเอง ยังมีส่วนที่เขาไม่เคยเห็นมากมายถึงเพียงนี้
เขาคิดมาตลอด ว่าเซี่ยยวี่หลัวเป็นคนไม่รู้หนังสือ นอกจากกินอาหารและแต่งเนื้อแต่งตัว ก็ทำอะไรไม่เป็นอีก ใครจะคาดคิด…
ประกายแสงในแววตาเซียวยวี่ดูลุ่มลึกยิ่งขึ้น ทั้งยังแฝงเร้นด้วยประกายยิ้มแย้ม เขามองดูน้ำหมึกที่เซี่ยยวี่หลัวฝนให้เงียบๆ ภายในใจเกิดความรู้สึกยินดีเล็กน้อย
เซี่ยยวี่หลัวนะเซี่ยยวี่หลัว เจ้ายังมีความลับที่ข้ายังไม่รู้อีกมากเพียงใด