บทที่ 115 ได้ยินว่ามีคนจะแตะต้องชายาของข้า

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

ทั้งๆที่เป็นแค่ประโยคสั้นๆ แต่กลับทำให้คนอกสั่นขวัญแขวนได้

ทุกคนค่อยๆเงยหน้าขึ้น เห็นตรงนั้นไม่ไกล ชิงเฟิงเข็นรถเข็นเข้ามาเรื่อยๆ มีหิมะตกอยู่ข้างๆเขา

แต่คนที่นั่งรถเข็นนั้น เป็นท่านอ๋องหานเทพสงคราม

ทุกคนตะลึง

เทพสงคราม…

ไม่คิดว่าจะเป็นเทพแห่งสงคราม?

เขาป่วยหนักเกินเยียวยา พะงาบๆ และยังไม่เคยออกจากจวนเลยไม่ใช่หรือ? วันนี้เหตุใดจึงมาถึงราชวิทยาลัยได้?

ดวงตาที่เยือกเย็นของเย่จิ่งหานกวาดมองทุกคนอย่างเย็นชาราวกับดาบน้ำแข็ง

นั่นเป็นการเห็นตนเองสูงส่งที่สุด สายตาที่ราวกับยืนอยู่บนยอดเขาแล้วมองลงมาที่มด

ในท้ายที่สุด เขาได้จ้องไปที่กู้ชูหน่วนที่ทำสีหน้าไม่สนโลก

“ได้ยินว่ามีคนจะแตะต้องชายาของข้า”

คำพูดที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ทำให้ไทเฮาหน้าซีดเผือด

ชายาของข้า?

นี่เทพสงครามจงใจจะปกป้องนางหรือ?

ทุกคนล้วนตกตะลึง

เทพสงครามถึงกับยอมรับว่ากู้ชูหน่วนเป็นชายาของเขา แต่นางเป็นผู้หญิงที่น่าเกลียดคนหนึ่งนะ!

ไทเฮาฝืนยิ้มแหยออกมา ความเย่อหยิ่งจองหองเมื่อสักครู่ได้หายไปแล้ว “กู้ชูหน่วนทำหยกจันทร์เสี้ยวที่ฮ่องเต่องค์ก่อนทิ้งไว้ให้องค์หญิงตังตังแตก แล้วยังไม่รู้สำนึก แล้วยังกล้ามากล่าววาจาหยอกล้อกับข้า ข้าเองก็ร้อนใจจึงโกรธนาง นางเป็นคนของเทพสงคราม ข้าย่อมไม่ทำไรนางอยู่แล้ว”

เย่จิ้งหานหมุนแหวนหยกบนนิ้วหัวแม่มืออย่างสบายๆ ภายใต้หน้ากากผีไม่อาจเห็นใบหน้าของเขาได้ เห็นเพียงดวงตาที่เย็นชาถึงที่สุดคู่นั้น

“แตกก็แตกไป ร้ายแรงมากหรือ?”

นี่…

ประโยคนี้ของเทพสงคราม…

เป็นการไม่ไว้หน้าไทเฮามากเกินไปรึเปล่า?

กู้ชูหน่วนส่งเสียง จิ๊จ๊ะ

ทุกคนตกใจราวกับจักจั่นเหมันต์ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

สีหน้าของไทเฮาเดี๋ยวก็ซีดเดี๋ยวก็เขียว

หากเป็นคนอื่นพูดประโยคนี้ นางคงจะสั่งคนลากไปประหารนานแล้ว

แต่กับเทพสงคราม นางไม่กล้า

ไทเฮาจะโมโหก็ไม่ใช่ แต่หากไม่โมโหก็จะเสียหน้าต่อหน้าทุกคนอีก ขึ้นหลังเสือแล้วลงยากจริงๆ

องค์หญิงตังตังกระโดดออกมาแล้วพูดอย่างโกรธเคือง “เสด็จอา ท่านลำเอียงเกินไปแล้วกระมัง เห็นชัดๆว่ากู้ชูหน่วนทำหยกจันทร์เสี้ยวที่เสด็จพ่อข้าทิ้งไว้ให้แตก แล้วยังมีหน้ามาพูดจาเล่นลิ้นกับพวกเรา แถมหลอกเอาเงินพวกเราไปตั้งมากมายอีก”

“ได้ยินว่าชายาของข้าถูกลอบสังหารเมื่อคืนนี้”

เมื่อเย่จิ้งหานกล่าวเช่นนี้ ดวงตาเรียวยาวที่เย็นเยียบก็จ้องไปที่ไทเฮาแบบยิ้มก็เหมือนไม่ยิ้ม

ไทเฮาตื่นประหม่า ไม่กล้าสบตาเขา พูดเพียงว่า “แค่หยกจันทร์เสี้ยวชิ้นหนึ่งไม่มีความหมายอะไร คุณหนูสามกู้เองก็ไม่ได้ตั้งใจทำแตก เรื่องราวครั้งนี้ก็แล้วไปเถอะ ข้านึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องที่ต้องทำ เช่นนั้นขอตัวก่อน”

องค์หญิงตังตังเบิกตากว้าง “เสด็จแม่ ทรงตรัสว่าหยกเสี้ยวจันทร์นี้มีค่ามากมิใช่หรือ? ทำไมถึงตรัสว่าแล้วไปเถอะล่ะเพคะ?”

“กลับวังกับเสด็จแม่เจ้า”

“แต่ว่าหยกเสี้ยวจันทร์…”

“ไป” ไทเฮาเอ่ยเสียงกร้าว

นางก็ไม่รู้ว่านางทำกรรมอะไร ถึงได้ให้กำเนิดลูกสาวที่โง่เขลาเช่นนี้

“แม้ว่าเรื่องหยกพระจันทร์เสี้ยวจะจบแล้ว แต่กู้ชูหน่วนก็เอาเงินจากข้าไปมากมาย เงินตั้งห้าสิบล้านตำลึง ไม่สามารถปล่อยนางไปได้กระมัง”

ไทเฮาส่งสายตาและทันใดนั้นก็มีคนหามองค์หญิงตังตังออกไปทันที เพื่อไม่ให้นางต้องขายหน้าต่อหน้าทุกคนอีก ทุกคนพากันปาดเหงื่อ

ดูเหมือนเทพสงครามจะไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แม้แต่ไทเฮาก็ยังเกรงกลัวเขาถึงขนาดนี้

ประโยคที่ว่า ‘ชายาของข้า’ ก็ทำให้ทุกคนตระหนักมากขึ้น ว่ากู้ชูหน่วนในตอนนี้ไม่ใช่กู้ชูหน่วนที่ไก่อ่อนรังแกง่ายอีกแล้ว

นางเป็นคนที่เทพสงครามปกป้อง

หลังจากที่ไทเฮาเสด็จกลับไป บรรยากาศในราชวิทยาลัยยังคงตึงเครียด

กู้ชูหน่วนยกริมฝีปากขึ้นแล้วยิ้มเยาะเย้ย

ไทเฮากลัวว่าเย่จิ้งหานจะสืบหาผู้ร้ายแล้วรู้ถึงนางเข้า ดังนั้นนางจึงยอมกัดฟันเสียเปรียบจากไป

เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่พูดอะไร กู้ชูหน่วนก็เดินแกว่งขาไปตรงหน้าเย่จิ้งหานพลางยิ้มตาหยี

“ท่านอ๋อง เรื่องทุกอย่างคลี่คลายแล้ว เหตุใดท่านยังไม่ไปอีก? หรือว่า…ท่านก็อยากร่วมเรียนด้วย”

โคร่ม…

ทุกคนแทบจะยืนไม่อยู่

กู้…กู้ชูหน่วนเจ้าจะกล้าเกินไปหน่อยแล้วมั้ง

ถึงกับกล้ามาพูดกับเทพสงครามแบบนี่ได้?