อวิ๋นเจี่ยวตรวจดูข่ายพลังคุ้มครองภูผารอบหนึ่ง เงยหน้าขึ้นพบว่าท้องฟ้ามืดแล้ว เธอไม่ได้อยู่สำนักเทียนซือต่อ แต่เดินทางกลับสำนักชิงหยางโดยตรง
เรื่องในครานี้ ทำให้เธอพอจะคาดการณ์ความสามารถของโลกสวรรค์ได้คร่าวๆ เมื่อเทียบกันแล้ว ความสามารถของเสวียนเหมินยังไม่อาจเทียบเทียมได้ ต้องเร่งการพัฒนาระดับความสามารถให้เสวียนเหมินให้เร็วที่สุด เธออดไม่ได้ที่จะเริ่มวางแผนอนาคตในอีกสิบปีข้างหน้าของเสวียนเหมินขึ้นภายในใจ
ในขณะที่กำลังรีบร้อนอยากกลับไปห้องไปเขียนแผนการอย่างละเอียดนั้น ตรงหน้ากลับปรากฏแสงสีขาว ก่อนที่เธอจะชนเข้ากับใครบางคนที่ใบหน้าบึ้งตึง แสดงออกถึง ‘ความไม่พอใจ’
“อาจารย์ปู่?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ มองดูคนตรงหน้าที่ใบหน้าเรียบเฉย แต่เธอกลับรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเหมือนกับลูกโป่งที่พองลม “เป็นอะไรไป”
เยี่ยยวนไม่ตอบ เขาจ้องมองเธออยู่อย่าง
“อาจารย์ปู่อารมณ์ไม่ดี?” เธอถาม
คิ้วของเขาขมวดขึ้น ก่อนจะถาม “เหตุใดถึงหาอิ้งหลุน?!”
“อิ้งหลุน?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะเข้าใจ “อ่อ ท่านพูดถึงเรื่องที่สำนักเทียนซือในวันนี้?”
คิ้วของเขาขมวดมุ่น ก่อนจะถามอีกครั้ง “เหตุใดจึง…หาเขา?!” เจ้าเป็นศิษย์หลานใครกันแน่
“ของท่านอย่างแน่นอน!” อวิ๋นเจี่ยวมองความหมายของเขาออกอย่างประหลาด เธอตอบกลับไป อิ้งหลุนเป็นคนที่เก็บความลับไม่อยู่เสียจริง ตอนที่อยู่สำนักเทียนซือยังพอจะเกร็งไว้ได้ เมื่อกลับมาก็บอกอาจารย์ปู่จนหมด
อาจารย์ปู่กำลังโกรธที่เธอขอความช่วยเหลืออิ้งหลุนไม่ใช่เขาหรือ อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ ก่อนจะดึงมืออีกฝ่ายให้ไปนั่งบนขั้นบันได “มา อาจารย์ปู่ ท่านนั่งก่อน ข้าจะอธิบายให้ท่านฟัง”
เยี่ยยวนลังเลเล็กน้อย แต่ร่างกายกลับนั่งลงข้างเธออย่างง่ายดาย สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยคำว่าง้อยาก
“ที่จริงแล้วเรื่องนี้ มีแค่อิ้งหลุนที่ทำได้”
เขาหันควับมองมายังเธอ สีหน้าเย็นชาลงในทันใด ลูกโป่งระเบิดอย่างกะทันหัน “เจ้ารู้สึกว่าข้าสู้เขาไม่ได้?!” ต้องเชือดเขาทิ้งจริงๆ!
“แน่นอนว่าไม่ใช่!” อวิ๋นเจี่ยวรีบลากคนกลับมา ก่อนจะอธิบายอย่างละเอียด “เรื่องของลูกแก้วกำเนิดวิญญาณพัวพันกับคนมากเกินไป ชีวิตคนนับหมื่น ถึงจะรู้ว่าใครเป็นตัวต้นเหตุ แต่โลกมนุษย์ก็เสียหายไปแล้ว อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดสงครามระหว่างสองโลก โลกมนุษย์ตอนนี้มีเพียงเสวียนเหมิน จากความสามารถของเสวียนเหมินในตอนนี้ หากคิดจะต่อต้านสวรรค์คงจะเป็นไปไม่ได้”
อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองยังทิศทางหลังเขา ก่อนจะพูดต่อ “ฉู่เหยียนลงมาก่อเรื่องถึงโลกมนุษย์ ไม่ว่าผลเป็นอย่างไร เรื่องนีก็เป็นเรื่องใหญ่ ถึงเวลานั้นไม่เพียงทักษิณสวรรค์ แต่ทั้งสวรรค์คงจะให้ความสนใจเรื่องนี้ อีกทั้งยังจับตาดูเสวียนเหมินมากขึ้น ถึงแม้พวกเราจะทวงคืนความยุติธรรมให้วิญญาณนับหมื่นเหล่านั้นได้ แต่ก่อนที่พวกเราจะมีความสามารถ พวกเราคงจะตกเป็นฝ่ายถูกไล่ล่า”
ทักษิณสวรรค์สามารถลงมือกับโลกมนุษย์ได้ ไม่ได้หมายความว่าสวรรค์อื่นจะคิดไม่ถึง เธอไม่ใช่ไม่มีวิธีกำจัดฉู่เหยียน แต่หลังจากนั้นละ ให้สวรรค์รับรู้ว่ามีเสวียนเหมินอยู่ จากนั้นอีกฝ่ายมองพวกเขาเป็นศัตรู พร้อมทั้งวางแผนทำลายล้างพวกเธอ
“ดังนั้น…ข้าขอความช่วยเหลือได้เพียงยมโลก! โลกมนุษย์สูญสิ้นชีวิตคนนับหมื่น ยมโลกเองก็สูญเสียวิญญาณนับหมื่น เรื่องนี้อย่างไรสวรรค์ก็ต้องรับผิดชอบ พวกเขาอาจไม่สนใจโลกมนุษย์ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องเกรงกลัวยมโลก ฉู่เหยียนถูกจับโดยยมราชทั้งเจ็ด ท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์ถูกราชายมโลกฆ่า สวรรค์คงได้แต่คิดว่าท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์โชคไม่ดี บังเอิญเจอเข้ากับราชายมโลกที่ตื่นขึ้นมา จากนั้นพวกเขาจะระมัดระวังยมโลกมากขึ้น ไม่กล้าทำเรื่องอย่างปล่อยอสูรกลืนกินนภาออกมาอย่างง่ายดาย”
“ส่วนเสวียนเหมิน ตั้งแต่แรกจนจบไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเราเป็นเพียงมนุษย์น่าสงสารที่ถูกหนีบไว้อยู่ตรงกลาง สวรรค์ไม่มีทางสังเกตถึงเสวียนเหมิน เพราะว่าพวกเราเป็นเพียงมนุษย์ที่อ่อนแอ”
ดวงตาของอวิ๋นเจี่ยวลุกเป็นกระกาย ก่อนจะดึงมือของเยี่ยยวนเอาไว้ พร้อมพูดอย่างจริงจัง
“อาจารย์ปู่ เสวียนเหมินในตอนนี้ยังสร้างศัตรูไม่ได้ พวกเราต้องการเวลาในการพัฒนา!” ยมโลกต้องการสร้างอำนาจ โลกมนุษย์ต้องการเวลาพัฒนา วินทั้งคู่! ดังนั้นเธอจึงหารือกับอิ้งหลุน
คิ้วที่ขมวดอยู่ของเยี่ยยวนผ่อนคลายลง เพียงแต่อารมณ์โกรธยังไม่สลายหายไป
“เหตุใดต้องยุ่งยากเพียงนี้! ข้าไปก็ได้!” อย่างมากมากี่คนเขากำจัด เหตุผลที่ศิษย์หลานพูดไม่มีปัญหา แต่เขาก็ยังคงไม่พอใจ!
“ข้ารู้ว่าอาจารย์ปู่เก่ง” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า “แต่ว่า…ท่านไม่ชอบเจอคนบนโลกสวรรค์ไม่ใช่หรือ”
“…” เยี่ยยวนผงะไปทันที พลังเย็นบนตัวยิ่งหนักขึ้น ก่อนจะพูดออกมา “ครั้งหน้าข้าจะไป!”
“ได้ๆ…ครั้งหน้าจะพาอาจารย์ปู่ไปด้วย!” อวิ๋นเจี่ยวจึงทำได้เพียงลูบขน ครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะหยิบขนมห่อเล็กออกมาจากถุงส่งไปให้อีกฝ่าย “กินขนมหรือไม่”
เยี่ยยวน: “….”
สักพัก
“ไม่เอารสดั้งเดิม”
“งั้นข้าหาใหม่…” อวิ๋นเจี่ยวดึงปากถุงออก ก่อนจะรื้อค้นขึ้นมา “อาจารย์ปู่อยากกินรสอะไร”
“…รสผักโขม”
“ข้ามีแค่รสพีชและถั่ว ไม่มีผักโขมแล้ว” อวิ๋นเจี่ยวหาแล้วแต่หาไม่เจอ
“ข้ามี!” ในขณะที่กำลังรื้อค้นนั้น เยี่ยยวนก็ยื่นขนมรสผัดโขมมายังริมฝีปากของเธอ
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะก้มลงกัด จากนั้นเคี้ยวก่อนกลืน ทันใดนั้นดวงตาของเธอเป็นประกาย ฝีมือของอาจารย์ปู่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ขนมนี้ทำออกมาทั้งหอมทั้งกรอบ
“อืม อร่อย อาจารย์ปู่ทำได้ดีมาก!” เธอชื่นชมจากใจจริง ทันใดนั้นความภาคภูมิใจในฐานะอาจารย์ผุดขึ้นมา
สีหน้าของเยี่ยยวนฟื้นกลับคืนมาเป็นปกติ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะส่งอีกชิ้นมายังข้างริมฝีปากเธอ “ยังมี”
“ขอบคุณอาจารย์ปู่” อวิ๋นเจี่ยวครานี้ไม่ได้กัดโดยตรง แต่กลับยื่นมือออกไปรับ ก่อนจะยื่นเข้าปาก พร้อมกับเคี้ยวทีละคำ
เยี่ยยวนเสียดายเล็กน้อย เขาถูกปลายนิ้วไปมา เมื่อเห็นอีกฝ่ายกินหมด เขาก็ยื่นชิ้นใหม่ออกไปให้อย่างทันท่วงที
อวิ๋นเจี่ยวกินไปหลายชิ้นไปรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายไม่ขยับ “อาจารย์ปู่ ท่านก็กินสิ!” ท่านอยากกินไม่ใช่หรือ
“อืม” เยี่ยยวนพยักหน้า เพียงแต่สายตายังคงจับจ้องไปยังเศษขนมที่ติดอยู่บนริมฝีปากของอีกฝ่าย “เลอะแล้ว”
“ฮะ?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ
เขายกมือพร้อมโน้มตัวเข้ามาใกล้ อวิ๋นเจี่ยวมองคนที่เข้าใกล้อย่างตกตะลึง หัวใจเต้นผิดไปหนึ่งจังหวะ ในขณะที่กำลังจะถอยหลังไปกลับเห็นมือของอีกฝ่ายที่ยื่นมายังมุมปากของตนเอง ทันใดนั้นเธอจึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการเช็ดปากให้ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ขยับ
มือของเยี่ยยวนกำลังจะกระทบเข้ากับหน้าของเธอ แต่ภายในใจกลับมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา ทันใดนั้นเขากลับรู้สึกว่าขนมที่ศิษย์หลานกินเมื่อกี้เหมือนกับว่าจะหวานกว่าชิ้นอื่นๆ ทำให้เขาอยากจะลองชิม…
เมื่อคิดดังนั้น มือของเขาเอื้อมผ่านมุมปากไปอยู่บนหน้า จากนั้นยกคางของอีกฝ่ายขึ้น ก่อนจะก้มลงประทับปากลงไป
รู้สึกได้เพียงสัมผัสที่นุ่มนิ่ม ทันใดนั้นภายในใจราวกับมีอะไรบางอย่างเบ่งบาน…หวานมาก!