ตอนที่ 138: โอกาสสังหารในป่า

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 138: โอกาสสังหารในป่า

ในพริบตาเดียว กระบี่วายุโปรยก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเจี้ยนเฉิน ในตอนต่อมา ปราณกระบี่ปริมาณมากมายมหาศาลก็เริ่มลอยอยู่รอบ ๆ กระบี่ทำให้กระบี่ดูพร่ามัว มันแยกออกมาจากมือของเจี้ยนเฉิน และกลายเป็นลำแสงสีเงินที่พุ่งไปที่ขวานของเทียนซ่งหลีด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ

“ชิ้ง!”

กระบี่วายุโปรยและขวานปะทะกันอีกครั้งและทำให้เกิดเสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นมา หลังจากที่จะโจมตีไป ปราณกระบี่ปริมาณมากที่อยู่บนกระบี่วายุโปรยและพลังเซียนธาตุดินที่อยู่บนขวานก็เริ่มผลักดันกัน จากนั้นก็เกิดคลื่นกระแทกใหญ่กระจายออกไปโดยมีจุดที่อาวุธปะทะกันเป็นศูนย์กลาง เจี้ยนเฉินกระเด็นไปจากแรงกระแทกนี้

กระบี่วายุโปรยระเบิดถอยหลังมาก่อนที่จะหยุดอย่างช้า ๆ มันหยุดอยู่ห่าง 10 เมตรจากที่ที่มันเคยอยู่ มันเริ่มสั่นอย่างแรงก่อนที่จะมีคลื่นปราณกระบี่อีกชุดคลุมกระบี่เอาไว้และมันก็พุ่งออกไปอีกครั้ง

“วูซ ! “

ในตอนนี้ กระบี่วายุโปรยก็เหมือนกับมีจิตใจเป็นของตัวเอง มันส่งเสียงบาดอากาศในตอนที่มันบินไปที่เทียนซ่งหลีอีกครั้งอย่างไม่ชักช้า

เมื่อเห็นกระบี่วายุโปรยกำลังตรงมาที่คอของเขา เทียนซ่งหลีก็เบี่ยงคอหลบ แม้ว่ากระบี่วายุโปรยจะแค่เฉียดคอของเขา แต่ปราณกระบี่บนกระบี่ก็ทิ้งรอยแผลเล็กเล็กไว้บนคอของเขา

เจี้ยนเฉินร้องเสียดายออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อคิดถึงโอกาสอันดีและเทียนซ่งหลีก็หลบมันได้อย่างไม่คาดคิด เขาไม่ได้ขลาดกลัวและใช้พลังจิตวิญญาณในการควบคุมกระบี่วายุโปรย เขาสั่งให้มันบินไปที่เทียนซ่งหลีอีกครั้ง

เมื่อเห็นกระบี่วายุโปรยกำลังบินมาด้วยตัวของมันเองกลางอากาศ เทียนซ่งหลีก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาอย่างประหลาดใจในเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อนี้

“นี่มันลูกเล่นอะไรกัน อาวุธเซียนเคลื่อนที่ด้วยตัวของมันเอง มันบินเองได้เร็วอย่างนั้นได้อย่างไร ? ” เทียนซ่งหลีถามตัวเองอย่างประหลาดใจ ไม่ว่าเขาจะมองมันยังไง เขาก็ไม่เข้าใจ นี่เป็นอะไรที่เหนือขอบเขตความรู้ของเขา

ภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉิน กระบี่ก็พุ่งไปทางเทียนซ่งหลีอีกครั้ง

เทียนซ่งหลีตะโกนออกมาดังในขณะที่พลังเซียนธาตุดินก็ปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขาก่อนที่จะรวมอยู่ที่ร่างของเขาเหมือนชุดเกราะ เขายกอาวุธเซียนของเขาขึ้นมา และส่งมันไปที่กระบี่วายุโปรย

เจี้ยนเฉินคิดแล้วกระบี่วายุโปรยก็เลี่ยงการโจมตีของเทียนซ่งหลีด้วยการหลบไปด้านข้าง แต่เพราะความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินที่แตกต่างจากเทียนซ่งหลีมาก แม้ว่าจิตวิญญาณกระบี่ของเขาจะช่วยเพิ่มพลังการโจมตีได้หลายเท่า แต่มันก็ยังไม่พอที่จะทำให้เขาโจมตีโดนเทียนซ่งหลีได้

ในขณะเดียวกัน อาวุธเซียนธาตุดินของเทียนซ่งหลีก็กระแทกไปที่พื้น

“ปัง ! ” เสียงดังขึ้นมาในขณะที่ขวานทำดินกระจายออกไปและทำให้เกิดหลุมขึ้นมา

กระบี่วายุโปรยบินเป็นวงกลมรอบ ๆ ก่อนที่จะตั้งหลักได้และบินไปที่เทียนซ่งหลีอีกครั้ง ก่อนที่เทียนซ่งหลีจะได้ทันตั้งตัว ปลายคมของกระบี่ก็แทงเข้าไปที่ร่างกำยำของเขา ปราณกระบี่ที่แหลมคมอย่างเหลือเชื่อปะทะกับร่างกายที่กำยำสุดยอดของเทียนซ่งหลี ในขณะที่พลังกำลังต้านกัน ร่างกายที่ทนทานของเทียนซ่งหลีก็ไม่สามารถทนแรงกดดันได้อีกต่อไป กระบี่วายุโปรยสร้างรูตรงเกราะและแทงเข้าไปในร่างของเขา

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่กระบี่วายุโปรยกำลังจะแทงถูกเนื้อของเขา พลังเซียนในร่างของเทียนซ่งหลีก็ป้องกันมันเอาไว้ พลังเซียนของเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษเริ่มที่ดันกระบี่ไปจากร่างของเขา

เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วเมื่อคิดถึงความลำบากในการสู้กับเทียนซ่งหลี เขาไม่คิดว่าด้วยโอกาสที่ดีแบบนั้น เขาจะยังไม่สามารถสังหารเทียนซ่งหลีได้ แม้แต่เขาใช้จิตวิญญาณกระบี่เข้าช่วย เขาก็ทำได้เพียงลดการเคลื่อนไหวของเทียนซ่งหลีเท่านั้น แม้ว่าจะมีโชค แต่เขาก็ไม่สามารถทำอันตรายร้ายแรงได้ และถ้าเขาต้องการจะฆ่าเทียนซ่งหลี มันคงยากมาก การที่จิตวิญญาณกระบี่กินพลังจิตวิญญาณของเขามาก เจี้ยนเฉินก็ไม่สามารถใช้มันได้นาน

เมื่อคิดกับตัวเองเจี้ยนเฉินก็ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ในชั่ววินาที กระบี่วายุโปรยก็ลอยกลับมาในมือของเขาก่อนที่จะหายไปจากสายตาอีกครั้ง เจี้ยนเฉินไม่ลังเลและเริ่มวิ่งไปทางเทือกเขาสัตว์อสูร

เรื่องที่สำคัญที่สุดคือเขาจำเป็นที่จะต้องหนี เพราะความแข็งแกร่งของเทียนซ่งหลีทำให้การรับมือเขานั้นเป็นเรื่องยาก ในตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ในการสังหารเขา มันจึงดีที่สุดถ้าเขารอจนแข็งแกร่งกว่านี้และกลับมาแก้ปัญหานี้ทีหลัง

เทียนซ่งหลีจ้องไปที่เจี้ยนเฉินที่กำลังหนีอย่างมืดมน ในขณะที่พลังเซียนธาตุดินที่ล้อมเขาอยู่ก็ค่อย ๆ ถูกดูดกลับเข้าไปในร่างของเขา ที่หลังของเขามีแผลเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ ย้อมจนเสื้อของเขาเป็นสีแดง

“หัวหน้าตระกูล ! “

“นายท่าน ! “

ในตอนนี้เอง ทหารรับจ้างก็เข้ามาด้านหลังของเทียนซ่งหลีแต่ละคนจ้องไปที่แผลด้านหลังของเทียนซ่งหลีด้วยความตกใจ

“ไล่ตามมันไป พวกเจ้าจะปล่อยให้มันหนีไม่ได้!” เทียนซ่งหลีตะโกนออกมาก่อนที่จะนำกลุ่มทหารรับจ้างไป

เจี้ยนเฉินเข้ามาในส่วนหนาทึบของป่าแล้ว อย่างไรก็ตามความเร็วในตอนนี้ของเขาช้ากว่าความเร็วปกติของเขามาก แค่การหายใจก็เป็นเรื่องลำบากแล้ว และในตอนนี้หน้าของเขาก็ซีดลงอย่างรวดเร็ว ทุกย่างก้าวของเขา เขาสามารถรู้สึกได้ถึงบาดแผลหลายแห่งที่เจ็บปวดและบั่นทอนประสารทสัมผัสของเขา เขาไม่มีเวลาที่จะรักษาแผล ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่มุ่งมั่นในการวิ่งไปแทนที่จะใช้พลังเซียนธาตุแสงในการรักษาตัวเอง

เขาหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อพักหายใจ เขาหันหัวไปและเห็นเทียนซ่งหลีกำลังไล่ตามมาจากด้านหลัง เขาฝืนลุกขึ้นมา และวิ่งไปทางเทือกเขาสัตว์อสูรอีกครั้ง

บนทาง เจี้ยนเฉินใช้ต้นไม้และหญ้าสูงในการบังร่างของเขาเพื่อที่จะสลัดคนที่ไล่ตามเขาให้หลุด ในป่ามันง่ายมากกว่าที่จะหลบซ่อนตัว ต้นไม้และหญ้าสูงสามารถช่วยสลัดให้คนไล่ตามหลุดไปได้

พวกเขาไล่ตามกันอย่างไม่รู้ตัวมาครึ่งวัน ซึ่งมันคือเวลาเที่ยงวันแล้วในตอนนี้ แดดร้อนแผดเผาถูกบดบังไว้ด้วยท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆ ทำให้พื้นที่รอบรอบเขามืดขมุกขมัว

เทียนซ่งหลีและกลุ่มทหารรับจ้างกำลังพยายามที่จะแกะรอยเท้าของเจี้ยนเฉินที่ผ่านเข้าไปในเทือกเขาสัตว์อสูร แต่ในท้ายที่สุด เขาก็หาไม่เจอ

เทียนซ่งหลีจ้องอย่างโกรธเกรี้ยวไปที่หญ้าสูงรอบ ๆ เขาด้วยท่าทางที่น่ากลัว ทันใดนั้นเองเขาก็เอาชิ้นกระดาษออกมาจากเสื้อของเขาแล้วพูด “ชิงเดา เอาหมายนี้กลับไปทันทีและจัดกลุ่มมาค้นหาในเทือกเขาสัตว์อสูร”

“ครับ นายท่าน!” หนึ่งในชายในกลุ่มเอาหมายมาจากมือของเทียนซ่งหลี และหายไปจากป่า