ตอนที่ 133 โดนกลืนลงท้องเป็นแน่

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซี “เจ้าจะเป็นคนของใครนั้นข้าไม่สน ข้าแค่อยากจะถามเจ้า มันเกิดอะไรขึ้นกับจิ่วเยี่ยกันแน่ ?”

“มันเป็นคำสาปที่ทรงพลังมาก ไอ้พวกคนไร้ยางอายกลุ่มนั้นมิอาจเอาชนะจิ่วเยี่ยได้ จึงต้องใช้วิธีอันลึกลับเช่นนี้ คำสาปนี้ถูกสาปเอาไว้เมื่อสิบสามปีก่อน แม้เยี่ยจะสามารถบังคับคำสาปนั้นเอาไว้ได้บ้าง  แต่ทุก ๆ ปี คำสาปนั้นก็จะระเบิดออกมาปีละครั้ง ทุกครั้งที่มันระเบิด เยี่ยจะเริ่มสังหารผู้คนครั้งใหญ่”

“แต่ที่ผ่านมา เขาไม่เคยแตะต้องสตรีเลย เพราะฉะนั้นตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาเยี่ยต้องพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมมันเอาไว้”

ใบหน้างดงามมีเสน่ห์ขยับมาประชิดใกล้มู่เฉียนซี “ดังนั้นสาวน้อย… เจ้าอันตรายยิ่งนัก! แต่ไหนแต่ไรมาเยี่ยไม่เคยให้ใครใกล้ชิดและไม่เคยแตะต้องสตรีผู้ใดมาก่อน เขาเป็นบุรุษผู้รังเกียจสตรีอย่างยิ่งยวด เวลาที่คำสาประเบิด เขาก็จะไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว…”

“หากภายภาคหน้าคำสาประเบิดขึ้นอีกครา และหากเยี่ยมิอาจควบคุมเอาไว้ได้ มิวายจะต้องกลืนเจ้าลงท้องเป็นแน่” จื่อโยวยิ้มเย้ยหยัน

มู่เฉียนซีเห็นรอยยิ้มอันชั่วร้ายนั่น ความรู้สึกไม่ดีผุดขึ้นในใจนาง สิ่งที่บุรุษผู้นี้กล่าวใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้  หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา นางรับรู้ได้ว่าจิ่วเยี่ยแปลกไปมาก

ใบหน้าของจื่อโยวเผยรอยยิ้มร้าย “สาวน้อย ให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้าดีหรือไม่ ? เผื่อวันนึงเจ้ามิอาจทนเยี่ยได้ แม้ว่าเยี่ยจะเป็นชายผู้ไร้ประสบการณ์แต่เจ้าก็อย่าสงสัยในความสามารถเขาล่ะ!”

เมื่อมู่เฉียนซีเห็นว่าบุรุษตรงหน้าพยายามจะกลั่นแกล้ง ทันใดนั้นเข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกมาทันที นางกล่าวว่า “จื่อโยว ข้าว่าเจ้าอยู่ห่าง ๆ ข้าหน่อยจะเป็นการดีกว่า อย่าเข้าใกล้ข้าเพราะประเดี๋ยวข้าจะทนเจ้าไม่ได้”

จื่อโยวมองมู่เฉียนซีด้วยความสนใจ เขากล่าวว่า… “สาวน้อย เจ้าเป็นสตรีน่าดึงดูดใจยิ่งนัก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเสียหน้าต่อหน้าสตรีเยี่ยงนี้”

มู่เฉียนซีหยิบมีดผ่าตัดออกมา “แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ว่าคนผู้นั้นจะรูปงามปานใด หากมาอวดดีกับข้า คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นซากกระดูก บุรุษผู้งดงามเยี่ยงเจ้าอยากจะลองดูหรือไม่ ?”

จื่อโยวยิ้ม กล่าวว่า “สมกับเป็นสตรีที่เยี่ยให้ความสำคัญเป็นพิเศษยิ่งนัก”

มู่เฉี๊ยนซีกล่าวเสียงเย็นชา “อย่ามัวแต่ลีลาไปหน่อยเลย เจ้ารีบบอกข้ามาดีกว่า ตอนนี้ควรทำอย่างไรกับอาการของจิ่วเยี่ย ?”

จื่อโยวจับผมสีม่วงเข้มเบา ๆ พร้อมทั้งกล่าวด้วยน้ำเสียงอันมีเสน่ห์ “ครั้งนี้เยี่ยใช้พลังมากเกินขีดจำกัด คำสาปนั้นจึงระเบิดออกมาก่อนกำหนด แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใดเขาถึงควบคุมมันได้อย่างน่าอัศจรรย์เช่นนี้ คราหน้าก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เกรงว่าคราหน้า ต่อให้เป็นน้ำอมฤทธิ์หรือน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็มิอาจเอาอยู่!”

“ด้วยเหตุนี้ แม่สาวน้อย… เจ้าควรเตรียมรับมือให้ดี ทั่วทั้งแคว้นจื่อเยี่ยอาจจะต้องพังทลายด้วยน้ำมือเขา  ถึงตอนนี้เกรงว่าร่างของเจ้าก็อาจจะโดนเขาแทะจนไม่เหลือซาก”

“น้ำศักดิ์สิทธิ์คืออันใดรึ ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม

จื่อโยวโบกมือเบา ๆ จากนั้นขวดแก้วใสขวดหนึ่งก็ปรากฏอยู่ในมือของมู่เฉียนซี “นี่คือน้ำศักดิ์สิทธิ์ ข้ามอบมันไว้ให้กับเจ้าก็แล้วกัน ข้าจะไปใช้ชีวิตอันสวยงามของข้า ข้าไม่มีเวลามาเฝ้าดูเยี่ยบ่อยนัก หากคำสาประเบิดขึ้น เจ้าจงมอบน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ให้เขา”

“น้ำศักดิ์สิทธิ์…” มู่เฉียนซีเริ่มสนใจน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้เสียแล้วสิ ถึงอย่างไรแล้วตอนนี้นางก็ไร้ซึ่งหนทาง หากน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้จะช่วยจิ่วเยี่ยได้ นางก็จะทำ

“ข้าขอแบ่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้มาศึกษาได้หรือไม่ ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม

“ในเมื่อข้ามอบให้แก่เจ้าแล้ว เจ้าจะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่เจ้า”

“เอาล่ะข้าต้องไปแล้ว คนงามของข้ากำลังรอข้าอยู่” กล่าวจบร่างจื่อโยวกะพริบหายไปทันที จื่อโยวยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ‘เยี่ย ข้าช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้แล้ว …รอให้คำสาปในร่างของเจ้าระเบิดออกมา  ในตอนที่สาวน้อยผู้นี้ป้อนน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้า เจ้าก็จัดการกับนางซะ!’

ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังดูขวดน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่นั้น ทันใดนั้นนางรู้สึกถึงกลิ่นอายของความเย็นยะเยือกมาจากด้านหลัง ทั้งยังรู้สึกมั่นใจว่าบุรุษผู้งดงามเมื่อครู่คิดจะทำอะไรกับนางเป็นแน่ นางบ่นพึมพำกับตัวเองว่า “ตราบใดที่ข้าหายาแก้คำสาปให้จิ่วเยี่ยได้ สิ่งที่บุรุษผู้นั้นกล่าวมาก็จะไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด”

เนื่องจากน้ำศักดิ์ภายในขวดนี้มีค่าอย่างมาก  นางจึงเอาออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางเก็บตัวอยู่ภายในห้องตำราเพื่อศึกษาสิ่งนี้มาหลายวัน จากนั้นกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ถึงขนาดทำให้ผู้แข็งแกร่งอย่างจิ่วเยี่ยทุกข์ทรมานได้ถึงเพียงนี้ คงจะหายาแก้คำสาปได้ยากยิ่งนัก คงต้องไปให้ราชาโอสถดูสักหน่อยแล้ว เผื่อเขาพอจะมีทางออกได้บ้าง”

“มู่เฉียนซี มู่เฉียนซี…”

ในขณะที่นางกำลังจะออกจากห้องตำรา ทันใดนั้นได้ยินเสียงอาจารย์ใหญ่ตะโกนเรียกนางอยู่ด้านนอก นางเดินออกไป กล่าวถามขึ้นว่า… “ท่านอาจารย์ใหญ่มีเรื่องอันใดรึ ? ยังมีเวลาอีกสามวันไม่ใช่หรือกว่าจะถึงวันสอบ ?”

“เอ่อ… คือ… สำนักศึกษาเกิดเรื่องขึ้น อยากจะให้เจ้าช่วย”

“เรื่องอะไรหรือ ?”

“ไม่มีเวลาแล้ว มู่เฉียนซีเจ้ารีบไปกับข้า เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” กล่าวจบอาจารย์ใหญ่รีบนำทางไปทันที

มู่เฉียนซีเดินตามอาจารย์ใหญ่ไปจนถึงเวทีการประลองของสำนักศึกษา จากนั้นได้เห็นผู้คนมากมายมุงกันอยู่ที่เวทีการประลอง ส่งเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจ

“นี่คืออัจฉริยะแห่งแคว้นจื่อเยี่ยของพวกเจ้ารึ ? ช่างอ่อนแอยิ่งนัก! แต่ละคนยังไม่ได้เป็นราชาแห่งภูตหรือราชายอดยุทธ์เลย เหอะ! ไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ข้าแม้แต่คนเดียว”

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ร่างของทุกคนกระเด็นลอยออกจากเวทีการประลองทันที

“อ๊า…”

“โอ๊ย! เจ้าบ้านี่” ศิษย์สำนักศึกษาแห่งแคว้นจื่อเยี่ยต่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทว่าความสามารถของคนผู้นี้เป็นถึงราชาแห่งภูตระดับสาม  ทั้งสำนักศึกษาแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดที่เหมาะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาเลย แคว้นจื่อเยี่ยมีผู้อัจฉริยะคนอื่น ๆ อย่างเช่นอวิ๋นอ๋อง อวิ๋นซินหราน แต่ช่างน่าเสียดายที่วันนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ในสำนักศึกษา

ในตอนนั้นเอง เยวี่ยซู่ก็หันไปเห็นร่างสตรีชุดม่วงที่คุ้นเคย เขาตะโกนเรียกด้วยความตื่นเต้น

“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่มาแล้ว ฮ่า ๆ ๆ! คอยดูนะเจ้าหน้าโง่จากแคว้นชิง เจ้าต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งเป็นแน่!”

เสียงของเยวี่ยซู่ดังมาก พาให้สายตาของทุกคนในที่นั้นจับจ้องไปที่ร่างสตรีชุดม่วง

ชุดผ้าแพรไหมสีม่วงยาวพลิ้วตามจังหวะการก้าวเดิน เผยให้เห็นรูปร่างงดงามไร้ที่ติ สายลมพัดเส้นผมดำสีหมึกปลิวไสวดูสวยราวผ้าแพรไหมชั้นดี รูปร่างโค้งเว้าได้รูปชวนให้ผู้คนหลงใหลยิ่งนัก ผิวขาวดั่งหยกขาวแกะสลักอย่างประณีต ใบหน้าบอบบางเปล่งปลั่งภายใต้แสงสุริยัน ทั้งหมดนี้สะกดทุกสายตาให้จ้องมอง

เห็นได้ชัดว่านางเป็นสตรีผู้งดงามและมีเกียรติอย่างยิ่งยวด ทว่ากลิ่นอายที่กระจัดกระจายออกมาจากร่างของนางนั้น ราวกับว่านางเป็นสตรีผู้ชื่นชอบทำตามอำเภอใจของตนเอง

“ท่านผู้นำตระกูลมู่! ท่านผู้นำตระกูลมู่มาแล้ว”

“ท่านผู้นำตระกูลมู่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อเยี่ย ครานี้เจ้าคนกำเริบเสิบสานจากแคว้นชิงต้องโดนตีจนหน้าหงายเป็นแน่แท้!”

“เหอะ ๆ ๆ… ข้าแทบรอดูไม่ไหวแล้ว…”

ในเวลานี้ พวกเขานึกขึ้นได้ทันทีว่าท่านผู้นำตระกูลมู่ก็เป็นศิษย์สำนักศึกษาแห่งแคว้นจื่อเยี่ยด้วย อีกทั้งนางยังเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้น

ผู้คนต่างตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ทำให้บุรุษชุดเขียวที่อยู่บนเวทีการประลองได้มองมาเห็นร่างของสตรีสาวพราวเสน่ห์ผู้นี้กับตา สตรีผู้งดงามดูมีเอกลักษณ์ประจำตัวเช่นนี้ เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนเลย

แสงเย็นวาบปรากฏผ่านสายตาบุรุษแคว้นชิง เขาผงะไปครู่หนึ่ง

มู่เฉียนซีไม่สนใจเขา นางกล่าวถามเยวี่ยซู่ “เยวี่ยซู่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึ ?”

.