ตอนที่ 38 จำได้หรือยัง

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน

ตอนที่ 38 จำได้หรือยัง

ขณะที่เสี่ยวอู่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิด ฉับพลันเขาก็ได้ยินเหอยาโถวอุทานด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “โอ้!”

ชายหนุ่มนอนหมดแรงอยู่บนพื้นหญ้าแห้ง เสื้อผ้าของเขาหลุดลุ่ยเผยให้เห็นคอยาวระหง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อย เนื่องด้วยพิษไข้ ผิวขาวกระจ่างใสของเขาจึงเริ่มมีรอยแดงจาง ๆ ปรากฏขึ้น แม้จะอยู่ในสภาพที่เหงื่อโชกกาย แต่ใบหน้าของเขาก็หล่อเหลาไม่ด้อยไปกว่าผู้ใดเลย…

เหอยาโถวกลั้นหายใจชั่วครู่ พลางครุ่นคิดภายในใจว่าบนโลกนี้ยังมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาราวกับภาพวาดเช่นนี้ได้อย่างไร

แน่นอนว่าเหอยาโถวไม่อาจละสายตาจากชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าได้ หยุนเชวี่ยจึงใช้ข้อศอกกระทุ้งหน้าท้องของเขาเพื่อเรียกสติ

ในที่สุดเหอยาโถวก็หลุดออกจากภวังค์ เขากอดหม้อต้มยาในอ้อมแขนแน่นพร้อมส่งยิ้มให้ชายหนุ่มเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย

ชายหนุ่มลืมตามองหยุนเชวี่ยด้วยความดีใจ ขณะยันกายลุกนั่งด้วยความยากลำบาก

เมื่อเห็นเช่นนั้น หยุนเชวี่ยจึงวางห่อยาและสั่งงานทั้งสองคน “เสี่ยวอู่ไปเก็บฟืนมาก่อกองไฟ ส่วนเหอยาโถวมาช่วยข้าทายาให้เขา”

“อืม” เหอยาโถวพับแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นแขนเรียวยาวทั้งสองข้าง “ให้ข้าทาตรงไหนหรือ?”

“นี่เจ้า…”

“เดี๋ยวก่อน!” ชายหนุ่มกำแขนเสื้อของตนแน่น ริมฝีปากเม้มสนิทขณะจ้องเขม็งไปยังเหอยาโถวที่กำลังเดินเข้ามา

หยุนเชวี่ยงุนงง

“ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกันเกินไป” ชายหนุ่มเผยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกราวกับซ่อนความคิดบางอย่างเอาไว้

เขาต้องรับผิดชอบต่อเชวี่ยเอ๋อ! จะปล่อยให้หญิงอื่นมาแตะเนื้อต้องตัวได้อย่างไร! หญิงผู้นี้…แกล้งโง่หรือโง่จริงกันแน่?!

หยุนเชวี่ยนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ก่อนระเบิดหัวเราะ “ฮ่า ๆ ๆ”

เหอยาโถวชี้ไปที่ตนเองก่อนหลอกตาด้วยความขุ่นเคือง “อะไรนะ? สายตาของเจ้ามีปัญหาหรือ? ฟังให้ดีนะ ข้าเป็นผู้ชาย!”

“ผู้… ชาย?” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว มองมาที่เขาอย่างสงสัย ยังคงอยู่ในท่าต่อต้าน “อย่างไรเสียเจ้าก็ทำไม่ได้”

“ข้าเองก็ไม่อยากทำนักหรอก คิดว่าข้าพิศวาสเจ้าหรือ!” เหอยาโถวแค่นเสียงพร้อมเชิดหน้าขึ้นและเดินออกจากถ้ำไปหาเสี่ยวอู่

ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที

“แท้จริงแล้วเหอยาโถวเป็นผู้ชาย แต่เนื่องจากหมอดูบอกว่าจะเกิดมาเป็นผู้หญิง ทางตระกูลเหอกังวลว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจึงเลี้ยงดูเหอยาโถวให้เติบโตมาแบบเด็กผู้หญิง” หยุนเชวี่ยนั่งยอง ๆ ลงด้านข้างชายหนุ่มพลางเปิดห่อยา กลิ่นเหม็นของยาพลันโชยเข้าจมูกของนาง

“นอกจากนี้เหอยาโถวยังมีฉายาว่า ‘ดอกไม้แห่งหมู่บ้านไป่ซี’ เพราะไม่มีเด็กสาวคนไหนในหมู่บ้านงามเท่าเขาแล้ว”

ชายหนุ่มหันมองหยุนเชวี่ย ใบหน้าของนางขาวผุดผ่อง ดวงตากลมโตราวไข่ห่าน ปลายจมูกเชิดขึ้นเล็กน้อย สำหรับเขาแล้วนางคือผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกหล้า

“ข้ายืมเงินจากเหอยาโถวทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบเหรียญมาจ่ายค่ายาให้เจ้า” หยุนเชวี่ยโน้มตัวไปด้านหน้าพลางใช้มือทั้งสองข้างปลดผ้าคาดเอวของชายหนุ่ม “เจ้าต้องมีคุณธรรมและรู้จักตอบแทนบุญคุณคนนะ”

ชายหนุ่มพยักหน้าขณะอ้าแขนออกอย่างให้ความร่วมมือ

“เจ้าคิดออกหรือยังว่าตนเองชื่อแซ่อะไร แล้วครอบครัวอาศัยอยู่ที่ไหน?” หยุนเชวี่ยเอ่ยถามขณะทำความสะอาดบาดแผล

“ข้ายังจำไม่ได้” เนื่องจากความรู้สึกแสบซ่านกระจายทั่วบาดแผล ชายหนุ่มจึงขมวดคิ้วพร้อมกำชายเสื้อแน่น

“น่าแปลก เจ้าหายตัวหลายวันแล้ว แต่กลับไม่มีผู้ใดออกตามหาเลย”

หยุนเชวี่ยทำความสะอาดแผลอย่างเบามือพร้อมครุ่นคิดว่าหากเขามีเรื่องเบาะแว้งศัตรูจริง อย่างน้อยก็ต้องมีคนมาตามหาเขาเพื่อแก้แค้นไม่ใช่หรือ?”

“เชวี่ยเอ๋อกลัวว่าข้าจะเป็นคนเลวแล้วนำความเดือดร้อนมาให้เจ้าหรือ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา ดวงตาสีเข้มจับจ้องหยุนเชวี่ยอย่างไม่วางตา

“มันก็มีส่วน เพียงแค่ยังไม่มีผู้ใดรู้ว่าเจ้าซ่อนตัวอยู่บนภูเขา นอกจากพวกเราสามคน” หยุนเชวี่ยทายาสีเข้มลงบนบาดแผลของชายหนุ่มพลางเอียงศีรษะพร้อมเอ่ยถาม “หากเจ้าเป็นมาจากตระกูลที่ร่ำรวยจริง มันคงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อย”

ชายหนุ่มสัมผัสบาดแผลของตนเบา ๆ พร้อมกล่าว “เกรงว่าข้าจะไม่ใช่แบบที่เจ้าคิดน่ะสิ”

“แต่เสื้อผ้าของเจ้าดูดีกว่าคนที่รวยที่สุดในหมู่บ้านอีกนะ หากวันหนึ่งพ่อแม่ตามหาเจ้าเจอ เจ้าอย่าลืมตอบแทนบุญคุณพวกเราล่ะ” หยุนเชวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เชวี่ยเอ๋อต้องการอะไรเป็นสิ่งตอบแทนรึ?”

“ข้าต้องการที่นาอุดมสมบูรณ์หลายร้อยไร่และเงินที่มากจนสามารถใช้ได้ทั้งชาติ หวังว่าคงไม่มากเกินไป…”

ขณะเดียวกันเหอยาโถวและเสี่ยวอู่นั่งต้มยาอยู่ด้านนอกถ้ำ หม้อต้มยากำลังเดือดได้ที่ ส่งผลให้กลิ่นฉุนของยาลอยไปตามลม

“ชายผู้นี้หน้าตาหล่อเหลา แต่น่าเสียดายที่มีตาหามีแววไม่” เหอยาโถวกล่าวขณะเติมฟืนเข้าไปในกองไฟ

เสี่ยวอู่มองเหอยาโถวอย่างเงียบ  ๆ ไม่เอ่ยคำใด

“เจ้าคิดว่าระหว่างเขากับเฟิงซิ่วไฉ่ ผู้ใดหล่อเหลากว่ากัน?”

เสี่ยวอู่เผยสีหน้างุนงงพลางนึกสงสัยว่าผู้ชายมีหน้าตาดีกับขี้เหร่ด้วยหรือ? ไม่ได้มีแค่ตัวสูงกับตัวเตี้ยหรือผิวดำกับผิวขาวรึ?

“เหอยาโถว พรุ่งนี้เจ้าขึ้นมาส่งข้าวส่งน้ำและทายาให้เขาแทนข้าได้หรือไม่?” หยุนเชวี่ยเดินออกมาจากถ้ำและนั่งยอง ๆ ลงข้างเหอยาโถว

“เจ้าจะไปไหน?”

“ข้าจะพาเสี่ยวอู่ไปในเมืองน่ะ”

“เหตุใดต้องเข้าไปในเมือง?”

“พ่อของข้าล่าไก่ฟ้าและกระต่ายได้สองสามตัว ข้าจึงอยากเอามันไปขายในเมืองเพื่อหาเงิน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเหอยาโถวก็เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นทันที “ขายหรือ! ข้าขอไปด้วยสิ!”

“ข้าช่วยเจ้าเรียกลูกค้าได้ ถ้าไม่เชื่อก็ฟังดูนะ…” เหอยาโถวกล่าวพลางยกมือขึ้นป้องปากและกระแอมสองสามทีเพื่อเตรียมตัวตะโกน

หยุนเชวี่ยพูดตัดบทอย่างรวดเร็ว “อืม ข้าอนุญาตให้เจ้าไปด้วย อย่าลืมตื่นแต่เช้าล่ะ”

แม่นางเหลียนขึ้นชื่อเรื่องความละเอียดอ่อน นางทำความสะอาดไก่ฟ้าและกระต่ายที่หยุนลี่เต๋อล่ามาได้อย่างสะอาดหมดจดพร้อมหมักเกลือ ก่อนนำพวกมันไปแขวนไว้ในห้องห้องใต้ดินหลังบ้าน

หยุนเชวี่ยถือไก่ฟ้าสองตัวและกระต่ายหนึ่งตัวไว้ในมือ “เราควรส่งเนื้อสัตว์เหล่านี้และผลไม้อบแห้งที่พี่เย่เอ๋อแบ่งให้ไปที่บ้านของเฟิงซิ่วไฉ่นะเจ้าคะ”

“ท่านพี่ว่าเราควรส่งไปดีหรือไม่?” แม่นางเหลียนลังเลเล็กน้อย “ดูอย่างลุงใหญ่กับหยุนโม่สิ มีแต่คนนำเงินทองมาติดสินบนเต็มไปหมด”

ในความคิดของแม่นางเหลียนนั้นการเรียนรู้ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนางกลัวว่าหากลูก ๆ ไม่ได้เล่าเรียน พวกเขาจะโดนชาวบ้านดูถูก

“เราแวะไปทักทายพวกเขาก่อนเถอะ หากเขาตอบตกลงว่าจะสอนหนังสือให้เสี่ยวอู่ จากนี้ไปข้าจะไปบนเขาทุกวันและเป็นคนไปส่งเขาเรียนเอง” หยุนลี่เต๋อลูบศีรษะลูกชายคนสุดท้องพร้อมยกยิ้มด้วยความเอ็นดู

“ท่านพ่อพูดถูกเจ้าค่ะ ท่านลุงฟางเป็นคนที่ใจกว้างดังมหาสมุทร” หยุนเชวี่ยวางสิ่งที่จะนำไปขายในเมืองลงในตะกร้าไม้ไผ่

“เจ้าจะไม่ให้พ่อตามไปด้วยจริง ๆ หรือ?” แม่นางเหลียนเอ่ยถามด้วยความกังวล

“ท่านพ่อต้องไปทำงาน ส่วนข้าไม่ได้เพิ่งเข้าเมืองครั้งแรกนะเจ้าคะ อีกอย่างเหอยาโถวและเสี่ยวอู่ก็ไปกับข้าด้วย” หยุนเชวี่ยยกตะกร้าไม้ไผ่อันหนักอึ้งขึ้นสะพายบนบ่า

“พี่ใหญ่และพี่รองของข้าต่างมีร้านค้าอยู่ในเมือง ไม่ว่าถนนหรือประตูไหนข้าล้วนรู้จักหมด ข้าหลับตาเดินยังได้เลย” เหอยาโถวเดินเข้ามาในบ้านของหยุนเชวี่ยพร้อมตบหน้าอกด้วยความภาคภูมิใจ “ดังนั้นท่านป้าไม่ต้องห่วง!”

“รีบไปรีบกลับ อย่าสร้างปัญหาวุ่นวายและอย่าเถลไถลล่ะ…” แม่นางเหลียนกำชับครั้งแล้วครั้งเล่า

ภายในห้องครัวชั้นบน แม่นางเฉินโน้มตัวออกมานอกระเบียงพลางเหลือบมองเด็กทั้งสองคนที่อยู่ด้านล่างก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โอ้ เชวี่ยเอ๋อจะไปขายของในเมืองหรือ? ข้าได้ยินมาว่าลูกบ๊วยที่เจ้าทำมีรสชาติยอดเยี่ยม อย่าลืมแบ่งมันให้ท่านย่าเพื่อตอบแทนบุญคุณด้วยล่ะ…”