บทที่ 142
เซวียเชียนเหอพูดอย่างราบเรียบเช่นกัน “น้องชาย พาน้องหลินสุ่นออกมาเถอะ ตระกูลหลินทำแบบนี้ ไร้มารยาทจริงๆ!”
หลินเจี้ยนเฟิงมองพวกคนที่ไม่ยอม ด้วยสายตาเย็นชา แสยะยิ้มเย้ยหยันตรงมุมปาก
“ทุกคนโปรดเงียบก่อน!” หลินเจี้ยนเฟิงพูดอย่างราบเรียบ แต่ไม่มีใครสนใจ พวกผู้มีอิทธิพลต้องการให้ผู้นำตระกูลหลิน ออกมาดูแลจัดการ
หลินเจี้ยนเฟิงสีหน้าเย็นชา จู่ๆ จึงแผดเสียงดังออกมา “เงียบ!”
เสียงนี้ถูกกระตุ้นจากชี่แท้ ก้องอยู่ในห้องขนาดใหญ่ สั่นสะเทือนจนแก้วหูทุกคนเกิดเสียงวิ้งๆ
ทันใดนั้น ทั้งห้องเกิดความเงียบ
หลินเจี้ยนเฟิงมองผู้มีอิทธิพลพวกนี้ สีหน้าเย้ยหยัน พูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันว่าทุกคนควรทราบก่อนเรื่องหนึ่ง การที่ตระกูลหลินเชิญทุกท่านมาครั้งนี้ ไม่ได้มาปรึกษาหารือ แต่มาแจ้งข่าวให้ทุกท่าน”
พวกผู้มีอิทธิพล มองหลินเจี้ยนเฟิง ด้วยสีหน้าโมโห ตระกูลหลิน ไร้มารยาทเกินไปแล้ว
หลินเจี้ยนเฟิงไม่สนใจใบหน้าโกรธของทุกคน พูดอย่างเย็นชาต่อ “ให้เวลาทุกท่านสามวัน จะเลือกสยบให้ตระกูลหลิน หรือจะ……ตาย!”
“ฉันแจ้งข่าวเรียบร้อยแล้ว ทุกท่านพูดสิ่งที่ต้องการจะพูดออกมาได้อย่างเต็มที่!” หลินจี้ยนเฟิงพูดจบ กอดอกมองทุกคนด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
หลังจากทุกคนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
ฉินเยว่ซานผู้มีอิทธิพลแห่งอานหลิน ส่งเสียงหึอย่างเย็นชา พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “ตระกูลหลินบ้าไปแล้วเหรอ ถึงให้พวกเรายอมแพ้”
ฟางปู้ถงมหาเศรษฐีแห่งชิ่งหยาง สีหน้าอึมครึม “ตระกูลหลินพูดซะยกใหญ่ พวกผู้มีอิทธิพลในที่นี้ เป็นตัวแทนเกือบครึ่งฮ่านหยาง แค่ตระกูลหลินพูดคำเดียว จะให้เรายอมแพ้เหรอ ฝันกลางวันจริงๆ!”
“ใช่ ฝันกลางวัน! ตระกูลหลินอยู่ในหลินโจว สามารถทำอะไรก็ได้ ออกจากหลินโจว ตระกูลหลินของนายไม่มีค่าในสายตาฉันสักนิด อวดดีบอกให้ฉันยอมจำนน ไม่เรียกว่าฝันกลางวัน จะให้เรียกว่าอะไร” ผู้มีอิทธิพลอีกคนที่นิสัยเกรี้ยวกราด พูดเสียงสูงอย่างเยาะเย้ย
เซวียเชียนเหอโกรธเหมือนกัน เพิ่งยอมจำนนต่อเฉินโม่ไป แต่เฉินโม่ไม่ใช่คนธรรมดา ควรค่าให้เขายอมจำนน แต่ตระกูลหลินเป็นอะไรล่ะ มีสิทธิ์อะไรให้เขายอมจำนน
“น้องเจี้ยนเฟิง คำพูดของนาย เป็นความคิดของผู้นำตระกูลหลินจริงเหรอ ฉันไม่เชื่อว่าน้องหลินสุ่นจะทำแบบนี้!”
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ แต่ละคนล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลในถิ่นนี้ ฐานะเท่ากับผู้นำตระกูลหลิน จู่ๆ ตระกูลหลินให้พวกเขายอมจำนน ไม่ต่างจากคนปัญญาอ่อนเพ้อฝัน!
การยอมจำนนต่อเฉินโม่ เพราะพวกเขาต้องการผลประโยชน์ จึงยอมตัดสินใจด้วยตัวเอง คิดไม่ถึงว่าตระกูลหลินจะบังคับให้พวกเขายอมจำนน ทำให้พวกเขารู้สึกต่อต้าน
หลินเจี้ยนเฟิงมองเซวียเชียนเหอแวบหนึ่ง สีหน้าโอหัง “คุณเซวีย คำพูดของฉัน คือเจตนาของผู้นำตระกูล ฉันรู้ว่าพวกคุณคงไม่ยอมจำนนง่ายๆ ดังนั้นฉันจึงเตรียมของชิ้นใหญ่ให้พวกคุณแล้ว!”
พวกผู้มีอิทธิพลเงียบไปทันที มองหลินเจี้ยนเฟิง ไม่รู้ว่าของชิ้นใหญ่ที่เขาพูด หมายถึงอะไร ของแบบไหน ที่จะทำให้ผู้มีอิทธิพลในที่นี้ ยอมจำนนได้
ใบหน้าหลินเจี้ยนเฟิง ประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ หันไปมองฉินเยว่ซาน ที่พูดออกมาเป็นคนแรก “ฉินเยว่ซาน ผู้มีอิทธิพลแห่งอานหลินใช่ไหม คุณเป็นคนแรก ที่พูดเยาะเย้ยตระกูลหลินของฉัน”
ฉินเยว่ซานยืดอก พูดเสียงดังว่า “ใช่ ตระกูลหลินของนายทำอะไรฉันได้ จะบอกให้นะ ความสามารถแค่นั้นของตระกูลหลิน ไม่อยู่ในสายตาฉันสักนิด! ยังกล้าคิดจะให้ฉันยอมจำนน! หึ ไม่เจียมตัว!”
รอยยิ้มบนใบหน้าหลินเจี้ยนเฟิงมากขึ้นเรื่อยๆ จู่ๆ หลินเจี้ยนเฟิงเคลื่อนไหว ตัวหายไปจากที่เดิม
พรวด!
ต่อมา หลินเจี้ยนเฟิงโผล่มาหน้าฉินเยว่ซานอย่างแปลกประหลาด มือหนึ่งทะลุเข้าไปในอกฉินเยว่ซาน จับหัวใจสดๆ ที่กำลังเต้นอยู่
สีหน้าฉินเยว่ซานเต็มไปด้วยความผวา มองหลินเจี้ยนเฟิงอย่างไม่อยากเชื่อ ก้มลงมองอกตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือด ทรุดลงบนพื้นช้าๆ
“ท่านฉิน!”
คนสนิทที่ฉินเยว่ซานพามาสองคนนั้น ตะโกนออกมาอย่างโมโห เข้าไปโจมตีหลินเจี้ยนเฟิง ทั้งทางซ้ายและทางขวา
กรอบ กรอบ!
เสียงดังชัดเจนขึ้นสองครั้ง ทั้งสองคนโดนหลินเจี้ยนเฟิงหักคอ
ทั้งสองเกิดจากตระกูลศิลปะการต่อสู้ ฝีมือไม่ธรรมดา คนหนึ่งสามารถต้านทานได้สิบคน คิดไม่ถึงว่าสู้กระบวนท่าเดียวของหลินเจี้ยนเฟิงไม่ได้