บทที่ 143 นัดสู้กับเฉินโม่

แดนนิรมิตเทพ

บทที่ 143 นัดสู้กับเฉินโม่
“ใครยังไม่ยอมอีก!”
หลินเจี้ยนเฟิงยืนอยู่ในห้อง ออร่าความแข็งแกร่งแผ่ซ่านออกจากตัว เหนือกว่าผลักนำหัตถ์ของผางซื่อหยวน ในวันนั้นเสียอีก พลานุภาพนักบู๊อันแข็งแกร่ง กดจนพวกผู้มีอิทธิพล ไม่กล้าโงหัวขึ้นมา
“นี่คือของขวัญชิ้นใหญ่ ที่ฉันให้พวกคุณ! พวกคุณพอใจไหม”
มองพวกผู้มีอิทธิพล ที่ก้มหน้า ตัวสั่นงันงก หลินเจี้ยนเฟิง หัวเราะอย่างดูหมิ่น
“ผู้มีอิทธิพลบ้าบอไร้สาระอะไร ในสายตาตระกูลหลิน ขยี้พวกนายก็เหมือนขยี้มดตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรต่างกันสักนิด! การที่ไม่ได้สนใจพวกนายก่อนหน้านี้ เพราะตระกูลหลินไม่มีความคิดต่อสู้ทางโลก ไม่งั้นทั้งฮ่านหยาง อยู่ในมือตระกูลหลินไปนานแล้ว เบื้องลึกของตระกูลหลิน อันที่จริงพวกนายสามารถจินตนาการได้เลย!”
พูดจบ หลินเจี้ยนเฟิงหันหลังเดินออกไป พูดทิ้งท้ายไว้ว่า “กลับไปบอกเฉินโม่ อีกสามวัน เราจะรอพวกนายที่ทะเลสาบกลับคืนรังที่อู่โจว จะยอมจำนน หรือ……ตาย!”
พวกผู้มีอิทธิพลอย่างฉู่เหวินสงกับเจี่ยจิ้งอานที่สาบานยอมจำนนต่อเฉินโม่ ตกใจเป็นอย่างมาก ดูเหมือนตระกูลหลินรู้เรื่องที่พวกเขายอมจำนนต่อเฉินโม่แล้ว
“คิดไม่ถึงว่าตระกูลหลินน่ากลัวขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าพวกเขาคือตระกูลบู๊ในตำนาน”
“ถ้ายอมจำนนต่อตระกูลบู๊ ฉันยินยอมอย่างสมัครใจอยู่แล้ว!”
มีผู้มีอิทธิพลบางส่วน เริ่มแสดงความคิดเห็นของตัวเอง พลานุภาพความน่ากลัวของหลินเจี้ยนเฟิง ทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก
ฉู่เหวินสงกับเจี่ยจิ้งอาน มองหน้ากัน พูดเบาๆ ว่า “ต้องแจ้งเรื่องนี้ให้เฉินโม่รู้เร็วที่สุด เราไม่สามารถต้านทานพละกำลังของตระกูลหลินได้ ถ้าเฉินโม่ชนะ ทุกอย่างยังพอคุยกันได้ แต่ถ้าเฉินโม่แพ้ เราทำได้เพียงจำยอมต่อตระกูลหลิน”
เจี่ยจิ้งอานพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นจึงปรึกษากับเซวียเชียนเหอและคนอื่น สองสามคนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงทำได้เพียงเห็นด้วย
ฉู่เหวินสงกับเจี่ยจิ้งอาน มองหน้ากัน พูดเบาๆ ว่า “ต้องแจ้งเรื่องนี้ให้เฉินโม่รู้เร็วที่สุด เราไม่สามารถต้านทานพละกำลังของตระกูลหลินได้ ถ้าเฉินโม่ชนะ ทุกอย่างยังพอคุยกันได้ แต่ถ้าเฉินโม่แพ้ เราทำได้เพียงจำยอมต่อตระกูลหลิน”
พวกผู้มีอิทธิพลแยกย้ายกันไป แต่ไม่ได้กลับถิ่นตัวเอง พละกำลังที่หลินเจี้ยนเฟิงแสดงออกมาเมื่อครู่ คนธรรมดาไม่สามารถต้านทานได้เลย ถึงใช้ปืนก็ยังสู้ไม่ได้ จากพละกำลังที่หลินเจี้ยนเฟิงแสดงออกมา เว้นเสียแต่กำลังของทางการหรือกองทัพ ถึงจะจู่โจมให้เขาตายได้ ส่วนผู้มีอิทธิพลพวกนี้มีปืนสักกระบอกก็ไม่เลวแล้ว ไม่สามารถต้านทานตระกูลหลินได้เลย
ดังนั้นคนส่วนใหญ่มีสิ่งที่เลือกไว้แล้ว ไปบริเวณทะเลสาบกลับคืนรังที่อู่โจวทันที รออีกสามวัน ดูว่าสงครามระหว่างเฉินโม่กับตระกูลหลิน ใครจะแพ้ ใครจะชนะ
พลบค่ำ พื้นที่เล็กๆ ของลานชุมชนเมืองอู่โจว
เฉินโม่กำลังสอนให้เฉินซงจื่อ ฝึกฝนหมัดสามท่าเทียนเสวียนที่เขาทำให้ใช้ง่ายขึ้น จู่ๆ ฉู่เหวินสงโทรมาหา
“นายมีความเข้าใจดี ตอนนี้สามารถใช้หมัดแรกออกมาได้ 50 เปอร์เซ็นตร์แล้ว ฝึกเพิ่มมากขึ้น เพื่อทำให้สามารถใช้ออกมาได้เต็มร้อย นายฝึกไปก่อน ฉันขอไปรับโทรศัพท์ก่อน”
เฉินโม่เดินมารับโทรศัพท์ที่มุมลานบ้าน
ฟังฉู่เหวินสงระบายความทุกข์ทางโทรศัพท์ ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินโม่พูดอย่างราบเรียบว่า “นายส่งคนมารับฉัน”
พูดจบ ก็วางสายไป
เฉินโม่หรี่ตาลง มองไปไกลๆ แล้วพึมพำว่า “ตระกูลหลินงั้นเหรอ”
หลังผ่านไปยี่สิบนาที รถเบนซ์ MPV คันหนึ่งจอดลงหน้าประตูลานบ้านของชุมชน
เฉินโม่พาเฉินซงจื่อ โดยมีซังซังกับเอียนชิงเฉิงตามหลังมา ทั้งสี่คนขึ้นไปนั่งบนรถ
ณ กลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรัง บ้านของฉู่เหวินสง ผู้มีอิทธิพลแห่งอู่โจว
ในห้องโถง เฉินโม่นั่งอยู่ด้านบนตรงตำแหน่งผู้นำ ด้านล่างมีผู้มีอิทธิพลจากที่ต่างๆ นั่งอยู่ มีเซวียเชียนเหอ ฟางปู้ถง เจี่ยจิ้งอาน ฉู่เหวินสง ล้วนเป็นคนที่ยอมจำนนต่อเฉินโม่ในวันนั้น
เจี่ยจิ้งอานเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก “เฉินไต้ซือ ฉินเยว่ซานโดนหลินเจี้ยนเฟิงฆ่าตายแล้ว คนตระกูลหลินประกาศเชิงข่มขู่ว่า อีกสามวัน นัดสู้กับคุณที่ทะเลสาบกลับคืนรัง เมื่อถึงตอนนั้น ถ้าเราไม่ยอมจำนนต่อตระกูลหลินของเขา จะต้องตาย!”
“เฉินไต้ซือ คุณต้องช่วยพวกเรานะ!”